อยากได้มรดกบ้างจังเลย

ถือหุ้นปันผลสักตัวครับ

รีบแบ่งเงินเป็นส่วน ๆ เลย หลัก ๆ ก็
1.เงินเก็บสำรองฉุกเฉิน เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้พออยู่รอดแบบไม่ต้องทำอะไรไปอย่างน้อย ๆ 6-12 เดือน
2.ซื้อกองทุน ก็แบ่งซื้อแบบกระจายความเสี่ยงเอา กองทุนมีหลายแบบก็ศึกษาเอาได้เลย กองทุนหลัก ๆ ที่ควรมีไว้คือพวก Index fund ที่เหลือก็แล้วแต่ชอบ
3.หุ้น อันนี้ก็ตามความสนใจ ความชอบ ความถนัดก็แบ่งมาลงส่วนนี้
4.ทอง ซื้อเก็บไว้ไม่เสียหายครับ ถือเป็นทรัพย์สินที่เหมาะแก่การแบ่งมาถือ

หลัก ๆ ก็ประมาณนี้ ส่วนถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจ อย่าไปทำในสิ่งที่คุณไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย อยากลองน่ะได้แต่อย่าไปลงก้อนใหญ่ ๆ หรือทุ่มเยอะ ผมตีให้เลยถ้าคิดจะลองทำ อย่าเกินหลักหมื่นคิดซะว่าเป็นค่าเรียนรู้การทำธุรกิจแล้วกันถ้าคุณอยากจะทำจริง ๆ

แล้วก็อย่าเลิกทำงานครับ ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ไปหางานี่ชอบทำ ให้คิดเงินล้านห้ามันไม่ได้มากพอที่จะอยู่เฉย ๆ แบบไม่ทำงานได้

โดนเว็บโกงหมดแหงๆ

นัดชิงบาวคัพ วางผีทุกราคาฮะ แล้วค่อยว่ากัน

อย่างแรกที่ต้องรู้ก่อนคือ 1.5m ชีวิตยังไม่ได้สบายนะครับ

ข้อดีของ 1.5m คือถ้าชีวิตพลาด หรือเจอวิกฤต (ลงทุนธุรกิจแล้วขาดทุน เป็นโรคท หรือเจออุบัติเหตุที่ต้องจ่ายเงินหลักแสน-ล้าน)

ชีวิตจะไม่เป็นหนี้แล้วยังเดินต่อได้

1.5m จะเสมือนล้มบนฟูกได้ 1-2 ครั้ง



หากถามว่าจะนำเงินไปทำอะไร หรือต่อยอดอะไร ขั้นแรกวิเคราะห์ตัวเองก่อนครับ

ว่า "นิสัย" และ "ความสามารถ" ของเราจะทำเงินหรือผลาญเงิน โดยมองจากสิ่งที่เกิดในอดีตครับ

ทั้ง "นิสัย" และ "ความสามารถ" สามารถแก้ได้ด้วยการลงทุนความรู้ครับ

"นิสัย" ที่สร้างเงิน เกิดจากการไปเรียนเกี่ยวกับ Mindset

"ความสามารถ" ที่สร้างเงิน เกิดจากการไปเรียนเกี่ยวกับ Skill



ขั้นต่อไปจัดสรรเงินให้ชัดเจนครับ ไม่งั้นเงินหมดแน่ อันนี้ไม่ได้ขู่นะเรื่องจริง

1.ก้อนที่ใช้เมื่อ lack of cash flow - เงินสำรองฉุกเฉิน
2.ก้อนเก็บยาว(ห้ามเสียก้อนนี้) - เงินเกษียณ อาจไปเก็บไว้ในกองทุนระยะยาว หุ้นพื้นฐานดีๆ หรือ Unitlinkถ้ามีลูก
3.ก้อนธุรกิจ(เสียได้) - เป็นก้อนที่จะเอามาเสี่ยงเพื่อต่อยอดเงิน เช่นสร้างธุรกิจ หรือลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง


ก้อน 3 เนี่ยอันที่จริงจะมีหรือไม่ต้องมีก็ได้ การมีเงินไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใช้เสมอไปนะครับ เพราะมันจะมีอยู่สักวันที่มันจะมีเรื่องมาให้ท่านใช้เอง

ถ้านึกไม่ออกว่าจะเอาไปทำอะไร ก็ทิ้งไว้ในบัญชีส่วนใหญ่ซะเลย หรือทิ้งไว้ในสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนไม่สูง แต่ไม่เสี่ยงขาดทุนครับ

จะเอาเงินไปใช้ทำอะไร เตือนว่าให้เอาไปใช้ในสิ่งที่ตนรู้ดีนะครับ โดยเฉพาะธุรกิจ เพราะธุรกิจเป็นโลกที่แม้แต่ผู้รู้ยังเจ๊งกันมาแล้วทั้งนั้น รู้ทั้ง Product รู้ทั้ง Customer รู้ทั้ง Threat ก็ยังพังกันมานักต่อนัก

ละบางคนที่เจ๊งจนเป็นหนี้ก็ต้องมาปรึกษาให้ผมแก้หนี้ให้ หรือคนที่แค่หมดก็ต้องมานั่งวางแผนให้เงินเก็บโตกันใหม่

สนใจให้ผมกู้ไหมครับ ถ้าสนใจผมจะได้ทักไปครับ

พี่ชาย นี่ผมเองนะ จำผมได้มั้ย

ถ้ายังไม่มีทุนหนาพอ ผมไม่แนะนำให้ออกจากงานออฟฟิซครับ

ค่อยๆ ใจเย็น หาลู่ทางในการลงทุนไปก่อน ถ้าพร้อมและมั่นใจค่อยลงเงินครับ อาจจะลองทำไปก่อนในช่วงที่ยังทำงานประจำอยู่ด้วยก็ได้ในช่วงแรก แน่นอนอาจจเเหนื่อยหน่อย แต่ก็ปลอดภัยกว่า

ผมเห็นเด็กรุ่นน้องหลายรายพอได้เงินก้อนก็เอาไปเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะอยากมีกิจการ ไม่อยากเป็นลูกน้องใครละ ซึ่งก็เป็นmind setในยุคปัจจุบัน แต่น้อยรายมากครับ ที่จะรอดมาได้โดยไม่มีครอบครัวเป็นแบ็คให้

เก็บสะสบประสบการณ์ไว้เยอะๆก่อนจากการทำงาน ศึกษาหาแนวทางหลายๆแนวทางในการลงทุน วางแผนการใช้จ่าย เผื่อเงินรองรังไว้ในเวลาจำเป็น แล้วท่านจะไม่เจ็บตัวมาก เวลามีอะไรพลาดพลั้งครับ

กอดไว้แน่นๆไม่ต้องรีบ หาความรู้ไปเรื่อยๆก่อน

สิ่งแรกที่ต้องเรียนคือบริหารความเสี่ยง

ช่วงนี้ลงหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ไปก่อน

ปีนี้จะเป็นปีที่ดอกเบี้ย peak สุดแล้ว

แบงก์ชาติจะขึ้นดอกเบี้ยอีกสองครั้ง ครั้งละ 25 basis point

ทำให้ coupon bond จะเยอะทึ่สุดช่วงนี้แหละพี่
ผู้ออก อาจใช้สิทธิ์ call option บ้าง แต่ช่างมันถ้าเขาคืนก่อน ค่อยมาว่ากันใหม่

ตอนย่าผมเสีย (พอดีผมเป็นหลานคนเดียวที่ไปอยู่กะแก แกเลยแบ่งให้ผมครึ่งนึง) ผมได้ที่นามา 10 ไร่ ขายก็คงได้ราวๆ 1m กับเงินมา 5 แสน สิ่งแรกที่ทำคือปล่อยเช่าที่กับซื้อสลากออมสินครับ ปล่อยมันไว้อย่างงั้นแหละ ตัวผมไม่มีหัวการค้า ทำงานประจำที่ถนัดต่อดีกว่า

+1 ครับ

ตาม top เม้น เลย

เป็นผม ผมก้เก็บกินดอกใน บช หรืออาจจะไปซื้อสลากออมสิน ธกส บลาๆ คือเงินมันไม่หายไปไหน

แต่อีกแง่คือ ถ้ามีหนี้ ก้ต้องดูว่าหนี้เท่าไหร่ ถ้าสามารถจัดการได้เองฌดยที่ไม่ต้องพึ่งเงินมกดก ก้อย่าไปเอามาใช้ ที่เหลืิก้ใช้ชีวิตตามที่เคยๆ

แนะนำให้ซื้อคอนโดที่เช่านั่นแหละครับ จะได้ปลดล็อคภาระไปอีก แล้วก็ทำงานต่อไปครับคิดซะว่าได้ตังเพิ่ม8,000
ขายอสังหาก็ซื้ออสังหาครับ