ดับฝันม้ามืด! เตโอ,มูอานี่ คนละตุง 'ตราไก่' น็อคโมร็อกโก 2-0 ลิ่วชิงฟ้าขาว
เส้นทางประวัติศาสตร์ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ของทีมม้ามืดอย่าง โมร็อกโก ต้องจบลงตรงนี้ เมื่อพวกเขาโดนแชมป์เก่า ฝรั่งเศส เชือดเอาชนะไป 2-0 จากประตูตั้งแต่นาที 5 ของ เตโอ เอร์นานเดซ และอีกลูกในครึ่งหลังนาที 79 ของตัวสำรองอย่าง แรนดัล โคโล มูอานี่ ทำให้ทัพตราไก่ทะลุเข้าไปป้องกันแชมป์กับ อาร์เจนติน่า ได้สำเร็จ
ฝรั่งเศส
Starting Formation: 4-2-3-1
11.
อุสมาน เด็มเบเล่
79'
7
9.
โอลิวิเยร์ ชิรูด์
66'
7
ตัวสำรอง
26.
มาร์คัส ตูราม
66'
6.5
12.
แรนดัล โคโล่ มูอานี่
79'
7
ฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ
สนาม อัล บายต์ สเตเดี้ยม
พุธที่ 14 ธันวาคม 2565
กรรมการ เซซาร์ รามอส
ฝรั่งเศส
2
0
โมร็อกโก
1-0 เตโอ เอร์นานเดซ 5'
2-0 มูอานี่ 79'
ตราไก่ในระบบ 4-2-3-1 เกมนี้จะไม่มีกองหลังอย่าง อูปาเมกาโน่ ที่ไม่ฟิตทำให้ โคนาเต้ ต้องลงไปเล่นแทนโดยจับคู่เซนเตอร์กับ วาราน ขณะที่มิดฟิลด์อย่าง ราบิโอต์ ก็มีปัญหาบาดเจ็บทำให้ไม่มีชื่อในทีม โดยที่เป็น โฟฟาน่า ที่ได้โอกาสลงไปยืนคลุมแดนกลางร่วมกับ ชูอาเมนี่ ส่วนแนวรุกของพวกเขายังเป็นชุดเดิมทั้ง ชิรูด์,เอ็มบัปเป้,กรีซมันน์,เดมเบเล่
โมร็อกโกในระบบ 5-4-1 เกมนี้ได้ข่าวดีที่กองหลังกัปตันทีมอย่าง ซาอิสส์ ฟิตกลับมาลงสนามได้เช่นเดียวกับแบ็คซ้ายอย่าง มาซราอุย แต่พวกเขาจะไม่มีแนวรับตัวเก่งอย่าง อาเกิร์ด ที่ยังเจ็บ แนวรุกมี เอ็น-เนซีรี่ ยืนค้ำโดยมี ซีเยค,บูฟาล คอยหนุนริมเส้น
- เจอกันมา 2 ครั้งก่อนหน้านี้ในเกมอุ่นเครื่อง ฝรั่งเศสชนะ 1-0 ในปี 1999 และเสมอ 2-2 ในปี 2007 นี่จะเป็นการเจอกันในเกมทางกันหนแรก
- สามครั้งแรกที่ฝรั่งเศสเข้าถึงรอบรองชนะเลิศพวกเขาแพ้หมดในปี 1958, 1982 และ 1986 แต่สามครั้งหลังในรอบนี้ชนะรวดในปี 1998, 2006 และ 2018
- ฝรั่งเศสยังไม่สามารถรักษาคลีนชีตได้ในทัวร์นาเมนท์นี้ และพวกเขาเสียประตูถึง 10 จาก 11 นัดหลังสุดในทุกรายการ
- โมร็อกโกเป็นทีมแรกจากทวีปแอฟริกาที่เข้าถึงรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก และเป็นชาติที่ 25 ที่ผ่านมาถึงรอบนี้ได้ ซึ่งห่างจากทีมสุดท้ายผ่านมาถึงรอบนี้อย่างสเปน(ทำได้ในปี 2010 และเป็นทีมที่ 24) ถึง 12 ปี
- โมร็อกโกเก็บคลีนชีตได้ 4 นัดในทัวร์นาเมนท์นี้ สองชาติสุดท้ายที่เก็บคลีนชีตได้ 5 นัดในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกก้าวไปเป็นแชมป์ได้ทั้งคู่คือ สเปนในปี 2010 และ อิตาลีในปี 2006
เตโอซัดจ่อไม่เหลือ 1-0 ตราไก่นำเร็ว
เริ่มเกมมาไม่ทันไรก็มีประตูแรกเลย และเป็นฝรั่งเศสที่ออกนำไปก่อนจากจังหวะที่วารานแทงบอลจากตรงกลางสนามให้วารานหลุดไปทางกรอบฝั่งขวาก่อนที่เขาจะเปิดเรียดไปตรงกลางให้เอ็มบัปเป้วิ่งมาซัดทีแรกติดบล็อค บอลเด้งมาเข้าทางเขาอีกทีคราวนี้ซัดด้วยซ้ายไปแฉลบดารีแล้วบอลปลิ้นไปเสาสองก่อนที่เตโอ เอร์นายเดซจะโฉบกระโดดวอลเลย์ด้วยซ้ายสวนตัสโบโนเข้าไปเลย 1-0 แชมป์เก่านำเร็ว
อูนาฮีซัดไกลติดเซฟญอริส
โมร็อกโกได้ลุ้นประตูตีเสมอจากจังหวะที่เหมือนจะไม่มีอะไร อูนาฮีได้บอลมาที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนตัดสินใจวางเท้ากดด้วยขวาเน้นๆ บอลพุ่งแรงแล้วฮุคไปทางมุมเสาฝั่งขวาแต่ยังไปติดเซฟญอริสที่พุ่งปัดช่วยเซฟฝรั่งเศสไว้ได้
ซีเยคได้ซัดหลุดกรอบ
โอกาสอีกครั้งของโมร็อกโก จากจังหวะสวนกลับเร็วที่บูฟาลกระชากลุยขึ้นมาก่อนแทงให้ซีเยคหลุดไปทางกรอบฝั่งขวา เขาเลือกวางเท้าซัดด้วยขวาแต่บอลก็ปลิ้นหลุดออกหลังไป
หล่อเหลาหลุดซัดเน้นๆชนเสา
ตราไก่น่าได้ประตูที่สองสุดๆ จังหวะความผิดพลาดของแนวรับโมร็อกโก ซาอิสส์กะจังหวะผิดปล่อยตกพื้นแล้วไปเข้าทางชิรูด์ที่โฉบเอาบอลหลุดไปทางกรอบฝั่งซ้าย เขาซัดด้วยซ้ายเต็มข้อพุ่งแรงชนเสาแรกเหลี่ยมนอกออกหลังไปอย่างน่าเสีบดาย
โมร็อกโกเสียกัปตันไปอีก
โมร็อกโกมีปัญหาเพิ่มอีกเมื่อกองหลังกัปตันทีมอย่างซาอิสส์มีปัญหาบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องโดนเปลี่ยน และเป็นอมัลลาห์ที่ลงไปเล่นแทน
ตราไก่พลาดได้ลูกสอง
ฝรั่งเศสน่าได่ประตูที่สองหนีห่าง จังหวะชูอาเมนี่แทงบอลให้เอ็มบัปเป้สปีดหลุดไปทางกรอบฝั่งซ้ายก่อนที่เขาจะได้โอกาสแปแบบหลักไม่ดีเท่าไหร่ก่อนโดนเคลียร์ออกไปได้ บอลยังไม่พ้นอันตราย ชูอาเมนี่ดักได้ก่อนไหลไปให้ชิรูด์ได้ตวัดยิงด้วยซ้ายจากบริเวณจุดโทษแต่ก็พุ่งแรงข้ามคานไป
วารานได้ยิงหลุดกรอบ
โอกาสอีกครั้งของตราไก่ จังหวะที่กรีซมันน์เปิดเตะมุมเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วบอลไปเข้าทางวารานได้ตวัดยิงด้วยขวาแต่หลุดกรอบไป
เอล ยามิกจักยานอากาศยังติดเซฟญอริส
ช่วงท้ายครึ่งแรกโมร็อกโกได้โอกาสบุกกดดันหวังเอาประตูทวงคืน จังหวะนี้จากลูกที่เตะมุมเข้าไปแล้วชิรูด์โหม่งเคลียร์แล้วบอลไปเข้าทางเอล ยามิกที่ตีลังกายิงด้วยขวา บอลเหมือนจะมุดเสาอยู่แล้วแต่ยังไปติดเซฟญอริส
จบครึ่งแรกเป็นฝรั่งเศสที่ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกยิงตั้งแต่ช่วงต้นของเอร์นานเดซ จากนั้นทั้งสองฝั่งมีโอกาสทำประตูแต่ก็ยังไม่มีเพิ่ม
ครึ่งหลังโมร็อกโกลุยเอาคืน
เริ่มครึ่งหลังมาโมร็อกโกพยายามบุกกดดันหวังเอาประตูตีเสมอ มีหลายจังหวะที่พวกเขาเปิดบอลเข้าไปป้วนเปี้ยนในกรอบเขตโทษแต่ยังไปโดนสกัดในพื้นที่สุดท้ายทำให้ไม่มีโอกาสจะแจ้งเท่าไหร่ จังหวะนี้อัมราบัตได้ซัดไกลจากแถวสองหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลก็พุ่งหลุดกรอบไปอีก
น้องเป้ล็อคซัดยังติดบล็อค
ฝรั่งเศสได้ลุ้นจากจังหวะที่คุนเด้ไหลบอลให้เอ็มบัปเป้ทางกรอบฝั่งขวา เขาดึงจังหวะล็อคเข้าซ้ายแล้วซัดเน้นๆไปติดบล็อค ก่อนที่จะมีเสียงนกหวีดล้ำหน้าตามมาทีหลัง
ตูรามโฉบโหม่งบางไปนิด
ฝรั่งเศสได้ฟรีคิกทางฝั่งซ้ายแล้วเป็นกรีซมันน์ที่รับหน้าที่ตักบอลเข้าไปหน้าประตูแล้วเป็นตูรามที่โฉบโหม่งโดนบางไปนิดทำให้บอลพุ่งหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย
โฟฟาน่าเติมซัดออกหลัง
อีกครั้งของฝรั่งเศส ตูรามได้บอลขึ้นมาทางริมกรอบฝั่งซ้ายก่อนที่เขาจะปาดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้โฟฟาน่าเจิมขึ้นมายิงทันทีแต่ก็หลุดออกหลังไป
ถูกที่ถูกเวลา!มูอานี่สัมผัสแรกแปไม่เหลือ 2-0 ตราไก่ฉีกหนี
แล้วทำไปทำมาฝรั่งเศสมาได้ประตูที่สองจนได้ จังหวะที่สวนกลับเร็วกันขึ้นมาบอลถึงเอ็มบัปเป้ที่พลิ้วลุยเข้าไปในกรอบฝั่งซ้ายแล้วได้เหลี่ยมแปด้วยขวาแฉลบบล็อค ก่อนที่บอลจะปลิ้นไปเข้าทางตัวสำรองที่เพิ่งลงสนามอย่างมูอานี่ เขาแปโล่งๆจ่อๆเข้าไปเลย 2-0 ทันที
อูนาฮีซัดแฉลบได้แค่เตะมุม
ช่วงท้ายโมร็อกโกยังพยายามลุยเพื่อเอาประตูตีไข่ จังหวะนี้อูนาฮีได้ซัดแต่บอลยังไปแฉลบบล็อคหลุดออกหลังเป็นเตะมุม
ฮัมดัลลาห์แปจ่อยังโดนเคลียร์
อีกครั้งของโมร็อกโก เป็นจังหวะที่เกือบได้สุดๆ อูนาฮีได้วอลเลย์บริเวณจุดโทษแล้วบอลติดบล็อคแฉลบไปเข้าทางฮัมดัลลาห์ที่แปเปลี่ยนทางแต่ก็ยังไปติดคุนเด้ที่เคลียร์ออกมาจากหน้าปากประตู
ตราไก่ลิ่วชิงดำอาร์เจน
สุดท้ายเป็นฝรั่งเศสที่เอาปิดเกมเอาชนะไปนิ่มๆ 2-0 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศป้องกันแชมป์กับอาร์เจนติน่า ส่วนโมร็อกโกอกหักและต้องไปชิงที่สามกับโครเอเชีย
โมร็อกโก
Starting Formation: 5-4-1
6.
โรแม็ง ซาอิสส์
21'
5.5
3.
นุสแซร์ มาซราอุย
46'
6
17.
โซฟิยาน บูฟาล
66'
6
19.
ยุสเซฟ เอน-เนซิรี่
66'
5.5
ตัวสำรอง
9.
อับเดอร์ราซัค ฮัมดัลลาห์
66'
6
14.
ซาคาเรีย อบูคฮลัล
66'
6
25.
ยาห์ยา อัตติยัท-อัลลาห์
46'
6
16.
อับเด เอซซาลซูลี่
78'
6
15.
เซลิม อมัลลาห์
21'
78'
6.5
แก้ไขล่าสุดโดย MEGITSAMA เมื่อ Thu Dec 15, 2022 04:13, ทั้งหมด 8 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ