เราจะใช้คำว่าล็อกถล่ม, ช็อกโลก, ปาฏิหาริย์ หรือะไรก็ตามแต่เพื่อนิยามชัยชนะอันเหลือเชื่อของ ซาอุดิอาระเบีย เหนือ อารเจนติน่า 2-1

แต่สิ่งนึงที่ต้องยอมรับโดยสดุดีคือชัยชนะมาจากหัวจิตหัวใจและความเชื่อมั่นในตัวเองล้วนๆ

จะมีซักกี่ทีมที่กล้าหาญชาญชัยเช็กล้ำหน้าสูงเกือบครึ่งสนามใส่ทีมที่มีตัวรุกโหดๆอย่าง อาร์เจนติน่า

เล่นรูปแบบเดียวกับ แมนฯซิตี้ แต่ “แชมป์อังกฤษ” ตัวเหนือกว่าชาวบ้านบานเบอะมันทำอะไรแบบนั้นได้สบายๆ

ไม่เสียขวัญ ทัพไม่แตกหลังโดนขึ้นนำ 1-0 ตรงนี้แหละครับที่ผมถึงซูฮกพวกแข้งซาอุที่ชื่อชั้น “เล็ก” แต่ใจโคตร “ใหญ่” มั่นใจสุดๆว่าตัวเองสู้พี่ใหญ่แห่งอเมริกาใต้ได้แน่ๆ

การวิ่งไล่เพรสกัดไม่ปล่อยตั้งแต่แดนบนทำให้แนวรับสามารถเช็กไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และที่เราต้องไม่ลืมคือ ซาอุฯ เป็นตัวแทนจาก เอเชีย ที่เป็นสักขีพยานเห็นเพื่อนร่วมทวีป 2 ทีมโดนระเบิดถังขี้รวมกัน 8 ลูกไปก่อนหน้านี้ ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างไม่มากก็น้อย

ร้อยทั้งร้อยลงเล่นเกมเปิดสนามเรื่องการคุมโซนรักษาหลังบ้านน่าจะเป็นกลยุทธ์แรกๆที่ทีมชื่อชั้นเป็นรองเลือกใข้กัน

การยิงแซง 2 ลูกภายใน 5 นาทีของครึ่งหลังไม่ใช่แค่ฝั่ง “ฟ้าขาว” ตะลึงงัน คนดูอย่างเราๆยังต้องร้องอีหยังวะ

บรรยากาศในสนามเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้วันนี้เหมือน อาร์เจนติน่า ลงสนามในฐานะทีมเยือน

ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ รอย คีน ที่สวน แกรี่ เนวิลล์ ในรายการ สกายปอร์ต เมื่อ 4-5 วันที่แล้ว

เนวิลล์ เปิดประเด็นว่าแฟนบอลซาอุดิอาระเบีย จะแห่ข้ามพรมแดนที่ติดกับ กาตาร์ มาเชียร์ทีมตัวเองนับหมื่นๆคน เป็นความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในฟุตบอลโลกหนนี้

แต่ คีโน่ ตั้งคำถามตามสไตล์ทันที “ก็แล้วไง แฟนบอลลงไปเล่นให้ทีมไม่ได้อยู่ดี” งานนี้ทำเอา ไมคาห์ ริชาร์ดส์ ถึงกับขำกลิ้ง (รวมถึง เนวิลล์ ด้วย)

ครับแฟนบอลลงสนามไม่ได้,ยิงประตูให้ไม่ได้แต่เราเห็นพลังมหาศาลที่ทำให้นักเตะ ซาอุดิอาระเบีย สวมวิญญาณฟอเรสต์กัมพ์วิ่งกันยันเช้าก็ไม่มีหมด

เป็นอีกอาวุธลับที่ทำให้ อาร์เจนติน่า เจอกระดูกชิ้นโตเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้ตั้งแต่แรก

สำหรับผมตอนนี้ 2 อารมณ์ปะปนกัน 1. รู้สึกดีใจที่มีทีมจากเอเชียลุกขึ้นเป็นกระบอกเสียงให้โลกเห็นว่าไม่ใช่ทุกทีมที่เป็นตัวประกอบให้มาถลุงเล่น

และ 2. เสียใจเล็กๆกับความพ่ายแพ้ของ อาร์เจนติน่า ที่ผมแอบเชียร์ในบอลโลกหนนี้

โดยส่วนตัวผมเป็นแฟน ลีโอเนล เมสซี่ และอยากให้รูดม่านอาชีพค้าแข้งแบบสวยๆด้วยแชมป์บอลโลกหนสุดท้ายในวัย 35 ปีหลังก่อนหน้านี้ปลดล็อก “ราชาไร้บังลังก์” กับโคป้า อเมริกาเมื่อปีที่แล้วมารายการนึงแล้ว

จากการแพ้ ซาอุดิอาระเบีย ที่ถูกมองตอนจับฉลากว่าเป็นทีมจอมแจกแต้มแต่ตอนนี้ “ฟ้าขาว” สุ่มเสี่ยงเอามากๆครับที่จะร่วงรอบแรก

เม็กซิโก คู่แข่งนัดต่อไป (เขียนก่อนลงสนามกับ โปแลนด์) เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าทีมนี้แสบและเจ้าเลห์แค่ไหน ปะทะกับ บราซิล/อาร์เจนมานับไม่ถ้วนจนเขี้ยวจัด

ครับท้ายที่สุดผ่านมาแล้ว 3 วันความเข้มข้นความมันของคู่ ซาอุฯ กับ อาร์เจนติน่า สูบฉีดอะดรีนาลีนของเหล่าคอบอล(และนักลงทุน) ค่อยสมกับเป็นบอลโลกจริงๆซักที....

สถิติ สถิติ สถิติ

อาร์เจนติน่า แพ้ในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกหลังขึ้นนำคู่แข่งในครึ่งแรกนับตั้งแต่ปี 1930 ซึ่งเกมนั้นเป็ยรอบชิงพบ อุรกวัย

ลีโอเนล เมสซี่ เป็นนักเตะคนที่ 5 ที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกได้ 4 สมัย (2006,2014,2018,2022) ต่อจาก เปเล่, อูเว่ ซีเลอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ คริสติอาโน่ โรนัลโด้

อาร์เจนติน่า เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่ 4 นักเตะที่อายุ 34+ ใน 11 ตัวจริง (ลีโอเนล เมสซี่, นิโคลาส โอตาเมนดี้, อังเด ดิ มาเรีย และ ปาปู โกเมซ)

เป็นผลการแข่งขันที่ผิดความคาดหมายมากๆ

Black cat 1991

ผ้าป่าคว่ำ

ผมก็เชียร์เมสซี่ ให้ปิดฉากโทรหี่สุดท้าย ก่อนปิดฉากชีวิตค้าแข้ง แต่ยอมรับซาอุ ที่สู้สุดใจจริงๆ นึกถึงตอนสู้กับทีมชาติไทย เรายังก่างชั้นมากกับบอลโลก ไทยแลนด์

โทรฟี่ป่ะท่าน
โทรหี่นี่...

อาเจนติน่าแก่เกินไป

papu gomez ไม่น่าตัวจริงอ่ะครับ