นักฟุตบอลก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

#SSxKMD | “ไม่มีใครรู้ชีวิตสาหัสนอกสนามของผมเพราะพวกเขาคิดว่า ‘นายเป็นนักฟุตบอล นายอยู่ในบ้านสวยๆ นายมีเงิน นายต้องรับมือกับทุกอย่างได้’ แต่ถ้าเป็นเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ พวกเรา(นักฟุตบอล)ก็เหมือนมนุษย์ทั่วไป”

เจสซี ลินการ์ด แนวรุกขาแดนซ์ของน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ กล่าวไว้ในสารคดี Untold: The Jesse Lingard Story ซึ่งออนแอร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาทางช่อง ALL 4 หนึ่งวันก่อนหน้าการให้สัมภาษณ์ “แฉ” สุดอื้อฉาวของคริสเตียโน โรนัลโด ออกอากาศทางช่อง TalkTV

ภาพลักษณ์ของลินการ์ดที่แฟนบอลคุ้นตาจะเป็นหนุ่มอารมณ์ดีมีแต่ความสนุกสนาน แม้สองซีซันสุดท้ายก่อนหมดสัญญากับแมนฯยูไนเต็ด ลินการ์ดดูเงียบๆไป แต่แฟนบอลมองว่าเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามทั้งจากโอเล กุนนาร์-โซลชาร์ และราล์ฟ รังนิค ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์เซ็นสัญญากับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมน้องใหม่จากแชมเปียนชิพ แทนที่จะเป็นเวสต์แฮมของเจ้านายเก่า เดวิด มอยส์

ในสารคดีพิเศษ มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 29 ปี เล่าถึงชีวิตช่วงปี 2019-2020 ซึ่งบางคนผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้วและบางคนก็ไม่ใส่ใจยินดียินร้ายอะไรเมื่อคริสตี คุณแม่ลินการ์ดถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในกรุงลอนดอนเมื่อปี 2019 น้องสองคนคือ แจสเปอร์กับเดซีย์ ต้องมาย้ายมาอยู่กับเขานานกว่าครึ่งปี ลินการ์ดต้องคอยเลี้ยงดู หาโรงเรียนให้ และอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ห่วงใยสุขภาพคุณแม่และแคร์ความรู้สึกของน้องๆที่คิดถึงคุณแม่ ทั้งหมดส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเขามาก แน่นอนรวมถึงผลงานในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ

ความจริงแล้ว คริสตีมีสภาวะซึมเศร้าตั้งแต่เขาเกิดแล้ว บ่อยครั้งต้องกินยาและขึ้นเตียงนอนในสภาพหมดเรี่ยวหมดแรง ลินการ์ดจึงตระหนักดีว่าโรคซึมเศร้าเลวร้ายและทุกข์ทรมานแค่ไหน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ได้เกิดขึ้นกับเขาเช่นกัน

ซีนหนึ่งที่ถูกใส่ไว้ในสารคดีเป็นวิดีโอเทปที่บันทึกโดยลูอี้ พี่ชายของเขา เป็นภาพลินการ์ดนอนบนโซฟาและตาเหม่อลอย ลินการ์ดเล่าว่าเขาเพียงอยากอยู่เฉยๆในบ้าน ดื่มนิดหน่อย เพื่อขับไล่ความรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาไม่ใช่นักดื่ม เขาแค่ดื่มเล็กน้อยก่อนเข้านอน ไม่ได้ดื่มหนักอะไร นั่นคือสิ่งที่เขาทำเมื่อตระหนักว่าตัวเองอยู่ในสภาะที่เลวร้าย

ลินการ์ดเปรียบตัวเองเป็นนักบินออโตไพลอท เวลาคุยกับใครก็ตอบเพียง “ช่าย โอ ช่าย” ไม่มีความหมายอะไร คำพูดคนอื่นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เขาอยากอยู่ในสภาพด้านชาเวลาที่ไม่อยากรับรู้อะไร จากนั้นลินการ์ดได้ไปปรึกษาโซลชาร์และแพทย์สโมสรแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งต่างห่วงใยและพยายามช่วยเหลือ แต่พอฟังเสียงภายในใจของตัวเอง ลินการ์ดรู้ดีว่าเขาจำเป็นหนีไปจากฟุตบอล เขาไม่คิดจะหยุด เขาเพียงอยากเบรกสัก 1-2 เดือน

นับเป็นโชคดีที่อังกฤษประกาศล็อคดาวน์หลังการระบาดระลอกแรกของไวรัสโควิดในเดือนมีนาคม 2020 ลินการ์ดยอมรับว่าถ้าไม่ล็อคดาวน์ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาบ้าง ซึ่งถือเป็นจุดหักเหสำคัญในชีวิต เขาเห็นสภาพตัวเองจากวิดีโอเทปที่ลูอี้บันทึกไว้ เป็นแรงกระตุ้นให้กลับไปฝึกซ้อมทุกวัน ออกวิ่ง และทำให้มั่นใจว่าสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์เมื่อกลับเข้าทีมแมนฯยูไนเต็ดหลังล็อคดาวน์

ครึ่งแรกของซีซัน 2020-21 ลินการ์ดไม่ได้เล่นมากนักก่อนถูกปล่อยยืมให้เวสต์แฮมในตลาดหน้าหนาวปี 2021 และสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมจนทีมขุนค้อนหวังซื้อขาด ส่วนซีซัน 2021-22 ลินการ์ดตกสภาพเดิมแถมแมนฯยูไนเต็ดไม่ยอมปล่อยให้นิวคาสเซิลยืมใช้งานช่วงครึ่งหลังของซีซันอีก ท้ายสุดลินการ์ดก็กลายเป็นฟรีเอเยนต์และย้ายไปอยู่กับฟอเรสต์

กับฟอเรสต์ ลินการ์ดอาจฟอร์มไม่เปรี้ยงปร้างแม้ได้เล่นพรีเมียร์ลีกถึง 13 จาก 15 นัด เป็นตัวจริง 10 นัด ตัวสำรอง 3 นัด 814 นาที จนกระทั่งแมตช์เขี่ยสเปอร์สตกรอบ 3 คาราบาวคัพ ลินการ์ดทำได้ 1 ประตู 1 แอสซิสต์

ลินการ์ดหวังว่า Untold: The Jesse Lingard Story จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เขาเชื่อว่าผู้คนมากมายที่เผชิญกับสภาะซึมเศร้าโดยเฉพาะวงการฟุตบอล ขอเพียงเปิดหัวใจและพูดมันออกมา มันไม่ใช่เรื่องของความเป็นลูกผู้ชาย แต่เป็นเรื่องของสภาพจิตใจและอารมณ์ความรู้สึก

เรียบเรียง: KMD Content Team
ภาพ: The Guardian England

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

Tarteetee

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ