'ฮาลันด์' กลับมายิง!! เบิ้ลพาเรืออัดไบรจ์ตัน 3-1 ตามฝูงแต้มเดียว
ไม่ยิงไปนัดเดียวก็กลับมาถล่มตาข่ายอีกครั้งสำหรับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่ซัดพาทีมนำก่อนยิงจุดโทษเพิ่มเป็นลูกที่ 17 ในลีกของเขา ก่อนที่จะมี เควิน เดอ บรอยน์ ยิงไกลเข้าไปอย่างยอดเยี่ยมช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หายใจโล่งขึ้นช่วงท้ายเกมเอาชนะ ไบรจ์ตัน 3-1 ขึ้นไปตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูงคะแนนเดียว
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-3-3
10.
แจ๊ค กรีลิช
77'
5.5
26.
ริยาด มาห์เรซ
62'
5.5
9.
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
80'
7.5
ตัวสำรอง
47.
ฟิล โฟเดน
62'
6.0
80.
โคล พัลเมอร์
77'
-
19.
ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
80'
-
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม
วันที่ 22 ตุลาคม 2565
กรรมการ เคร็ก พอว์สัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
3
1
ไบรจ์ตัน
1-0 ฮาลันด์ 22'
2-0 ฮาลันด์ 43' (Pen.)
3-1 เดอ บรอยน์ 75'
แมนฯ ซิตี้ พักมาสัปดาห์นึงเต็มๆหลังแพ้ให้ ลิเวอร์พูล และมีการปรับไลน์อัพส่ง ลาปอร์ต มาช่วยคุมหลังและ กรีลิช กับ มาห์เรซ กลับมายืนริมเส้น
ส่วนทางด้าน ไบรจ์ตัน ไม่มีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติมเลยจัดนักเตะชุดเดิมออกสตาร์ท
เอแดร์ซอน จ่ายพลาด เวลเบ็ค ยิงไกลสวนไม่เข้าเป้า
เกมเริ่มมายังไม่ค่อยมีจังหวะหวาดเสียวก่อนที่ เอแดร์ซอน ดันสูงมาแล้วจะจ่ายให้เพื่อนแต่ไปเข้าทาง เวลเบ็ค แทนเลยโดนยิงไกลสวนแต่ไม่แม่นไม่งั้น แมนฯ ซิตี้ โดนนำแล้ว
เรือถามหาจุดโทษแต่เปาไม่ได้ให้
แมนฯ ซิตี้ ถามหาจุดโทษกับจังหวะที่ เดอ บรอยน์ โฉบเข้าเขตโทษแล้วปาดไปให้ ฮาลันด์ เสาแรกแล้วแตะหลบ ซานเชซ ไปก่อนจะโดนสกัดล้ม จากภาพช้านี่เท้าของ ซานเชซ โดนขา ฮาลันด์ แต่ดูเหมือนกรรมการและ VAR ไม่ได้มองว่าเพียงพอต่อการเป็นจุดโทษ
ไม่ต้องพึ่งจุดโทษ! เอแดร์ซอน เปิดยาวถึง ฮาลันด์ เอาไปยิงนำ
แต่ แมนฯ ซิตี้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งจุดโทษเอาประตูนำได้เรียบร้อย กับบอลย้อนไปถึง เอแดร์ซอน ก่อนเปิดยาวขึ้นหน้า ฮาลันด์ วิ่งตามมา ซานเชซ ออกมานอกเขตโทษจะตัดบอลแต่ช้าไปก่อนที่ ฮาลันด์ จะเบียดชนะแนวรับแล้วยิงเข้าไปนิ่มๆ แมนฯ ซิตี้ นำ 1-0
เรือได้ลุ้นเพิ่ม KDB รับบอลเบิ้ลคืนก่อนซัดติดบล็อก
หลังปล่อยให้ ไบรจ์ตัน ได้ครองบอล แมนฯ ซิตี้ ก็ดักบอลกลับมาเอาจังหวะลุ้นด้วย มาห์เรซ เอาตัวรอดได้จ่ายให้ แบร์นาร์โด้ สอดไปริมเส้นขวาเปิดมาหน้าเขตโทษ เดอ บรอยน์ เบิ้ลต่อให้ กรีลิช ทางซ้ายหักคืน เดอ บรอยน์ จบด้วยการยิงไปติดบล็อก
ไบรจ์ตันได้จบบ้าง ทรอสซาร์ด หาช่องยิงติดบล็อก
มีจังหวะบุกกลับให้ ไบรจ์ตัน หลังบอลมาอยู่กับ มาร์ช ทางขวาจ่ายเข้ากลางแล้ว อัลลิสเตร์ เบิ้ลต่อที่ ทรอสซาร์ด ทางซ้ายในเขตโทษพยายามตัดเข้าในล็อกหาช่องยิงแต่ก็โดนบล็อกได้
17 ลูกแล้ว! เรือได้จุดโทษ ฮาลันด์ ซัดไม่พลาด
เข้าท้ายครึ่งแรก เรือใบ ถามหาจุดโทษอีกหนแล้วก็มาได้เข้าให้กับจังหวะที่บอลงัดเข้าเขตโทษ แบร์นาร์โด้ ตามไปเล่นโดนผลักจากด้านหลังนิดนึงและด้านหน้าก็โดนแหย่ขาสกัด พอเกมไม่มีอะไรคืบหน้ากรรมการเป่าหยุดเกมแล้วเดินไปดูภาพช้าข้างสนาม ก่อนกลับมาให้จุดโทษแบบนี้
ฮาลันด์ เป็นคนรับหน้าที่จัดการแล้วก็ซัดไม่พลาดพาทีมนำ 2-0 กลายเป็นลูกที่ 17 ในลีกใหักับตัวเขา
ไม่สาม! เรือสวนกลับ มาห์เรซ ยิงติดเซฟ
กลับมาครึ่งหลังมีโอกาสให้ แมนฯ ซิตี้ เอาประตูนำห่างออกไปอีกด้วยเกมโต้กลับที่ เดอ บรอยน์ พาบอลขึ้นมาแล้วเลือกจ่ายให้ มาห์เรซ เข้าเขตโทษทางขวาไปยิงแต่โดนเซฟไว้ได้
ขอคืน!! ทรอสซาร์ด ยิงยัดเสาแรกตีไข่แตก
กลับกันพอ ไบรจ์ตัน บุกก็เอาประตูตีไข่แตกสำเร็จเมื่อ ซานเชซ โยนยาวขึ้นมาแล้วถูกโหม่งดักไว้แต่ ทรอสซาร์ด ยังเอเอากลับมาได้พาบอลขึ้นทางซ้ายก่อนฝากต่อ มาร์ช แล้วรับบอลคืนมาจบด้วย ทรอสซาร์ด ยิงยัดเสาแรกเลย ไบรจ์ตัน ไล่มา 2-1
ฟรีคิกเรือให้ ลาปอร์ต โหม่งออกหลัง
แมนฯ ซิตี้ ได้ฟรีคิกให้ลุ้นกันอีกครั้งหลังเปิดเข้ามาโดย เดอ บรอยน์ แล้วเสาไกลมี ลาปอร์ต พยายามโหม่งแต่ก็ทำได้แค่ส่งบอลออกหลัง
ไบรจ์ตันได้โอกาสดีแต่ แลมป์ตีย์ โหม่งชงเบาโดนดัก
ไบรจ์ตัน เกือบจะได้โอกาสงามในการเอาประตูตีเสมอเมื่อ แลมป์ตีย์ ทำชิ่งกับ อัลลิสเตร์ เข้าเขตโทษทางขวาแล้วพยายามโหม่งให้เพื่อนตรงกลางแต่เบาไป เอแดร์ซอน ดักไว้ได้
เรือบุกกลับ ฮาลันด์ ยิงแฉลบข้ามคาน
กลับกัน แมนฯ ซิตี้ บุกกลับมามีลุ้นเอาประตูทิ้งห่างไปได้เมื่อ โฟเดน ตัดจากทางขวามาก่อนกลางก่อนฝาก เดอ บรอยน์ แล้วแทงให้ ฮาลันด์ เข้าเขตโทษยังโดนขวางพยายามขยับหาช่องยิงแฉลบข้ามคาน
เกือบหาย! เตะมุมถึงหัว ลาปอร์ต โหม่งหลุดกรอบ
เตะมุมของ เรือใบ ก็ได้ลุ้นเลยหลังจาก เดอ บรอยน์ รับหน้าที่โยนจากทางขวามาตรงกลางแล้ว ลาปอร์ต โหม่งได้แต่ก็หลุดกรอบออกไปอีกหน่อย
สวนบ้าง! ทรอสซาร์ด กระชากมาคนเดียวยิงอัดมุมแคบไม่ผ่าน
ผลัดกันบุกคนละทีน่ากลัวจริง ไบรจ์ตัน สวนมาดีหลังจาก ทรอสซาร์ด ได้โอกาสติดเครื่องจากทางซ้ายกระจากมาเองคนเดียวเข้าเขตโทษจบด้วยการยิงติดเซฟมุมแคบ
เรือทำสำเร็จ! KDB จัดให้ส่องไกลหายนำห่าง
ท้ายที่สุดก็กลายเป็น แมนฯ ซิตี้ เอาประตูทิ้งห่างออกไปสำเร็จ กับการค่อยๆต่อบอลขึ้นมาก่อนที่ แบร์นาร์โด้ จ่ายมาให้ เดอ บรอยน์ มีโอกาสส่องไกล 25 หลาส่งบอลตุงตาข่ายอย่างยอดเยี่ยม แมนฯ ซิตี้ นำเป็น 3-1 หายใจโล่งขึ้น
ไบรจ์ตัน เปลี่ยนสองคนสุดท้ายหวังพลิกสถานการณ์
เกมเหลือเวลาอีกไม่เยอะ ไบรจ์ตัน อยากจะได้สักลูกเพื่อกลับไปไล่จี้ให้เกมสูสีแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้มากนักพยายามเปลี่ยนตัวลงมาอีกสองคนก่อนหมดเวลาดูว่าจะพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่
จบเกม แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ ไบรจ์ตัน 3-1 กลับสู่เส้นทางแห่งชัยชนะและขยับขึ้นไปตามหลัง อาร์เซน่อล ที่ลงสนามในวันอาทิตย์อยู่คะแนนเดียว
ขณะที่ ไบรจ์ตัน ยังหาชัยชนะไม่เจอนับตั้งแต่ เด แซร์บี้ เข้ามารับตำแหน่ง
ไบรจ์ตัน
Starting Formation: 3-4-2-1
34.
โยเอล เฟลท์มัน
66'
5.0
10.
อเล็กซิส มัก อัลลิสเตร์
87'
6.5
14.
อดัม ลัลลาน่า
45'
5.5
13.
พาสคาล โกรส
87'
6.0
18.
แดนนี่ เวลเบ็ค
79'
6.0
ตัวสำรอง
30.
แพร์วิส เอสตูปิญาน
66'
6.0
2.
ทาริก แลมป์ตีย์
45'
6.0
27.
บิลลี่ กิลมอร์
87'
-
19.
เยเรมี่ ซาร์เมียนโต้
87'
-
21.
เดนิซ อุนดาฟ
79'
-
แก้ไขล่าสุดโดย redenzo เมื่อ Sun Oct 23, 2022 02:06, ทั้งหมด 6 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
: 0 ใบ
My Locker