ใครใส่ก็ใส่ไปดิ

กม ไม่ได้กำหนด จะยุ่งกับคนอื่นทำไม

ผมใส่ตลอดนะกันกลิ่นปากได้ด้วย

ตัวเองไม่อยากใส่นั่นแหละ แต่ไม่ใจพอไง เลยต้องมาบ่นบนทวิต เพราะกล้าอยู่แค่บนนี้นั่นแหะ

ในนี้ผู้ชายใจห้าวหาญเยอะ

ออกไปเจอของจริง เจอฝรั่งตัวใหญ่ๆ ไม่ใส่แมส คนไทยคือเว้น ถอยห่างหนักมาก

ขึ้น bts ฝรั่งยืนไม่ใส่แมส คนไทยหันหลังใส่ ยืนห่างๆ

ขึ้น mrt เจอครอบครัวแอฟริกาไม่ใส่แมส ขนาดคนแน่นๆ ตรงหน้าครอบครัวนั้นคือเว้นว่าง มีที่นั่งข้างๆ ยังไม่กล้านั่ง


ไม่เกี่ยวกับดราม่า แต่สังคมข้างนอกส่วนใหญ่คือแสดงออกชัดเจนว่าไม่เปิดรับ และไม่มีทีท่าว่าจะใส่อีกนาน
เคยลองไม่ใส่หนนึงเดินมีแต่คนมอง แถมหลังๆ ทุกที่ที่ไปติดป้ายขอความร่วมมือใส่หมด ก็ยังงงๆ

ดราม่ามันเกิดเพราะคนบางส่วนอยากถอดแมสก์ แต่คนส่วนใหญ่ยังใส่อยู่ เลยด้อยค่าคนใส่แมสก์แม่มเลยไง หาว่าป๊อดมั่ง ไม่ทันสมัยเหมือนต่างประเทศมั่ง

ที่จริงในที่โล่ง จะถอดก็โอเคนะ แต่ในบางสถานที่อย่างในแหล่งรวมโรคเช่นโรงพยาบาล ควรใส่ก็ใส่เถอะครับ เป็นผลดีต่อตัวเองและคนรอบข้างอย่างยิ่ง เพราะเวลาที่คุณไม่สบายมา คนที่มาแซะท่านว่าใส่แมสก์ทำไม เขาไม่ได้มาดูแลรับผิดชอบคุณหรอกนะ

ผมไปอินเดียมา เจอคนใส่แมสก์แค่เจ้าหน้าที่ให้บริการ เช่น พนักงานโรมแรม ร้านอาหาร แต่เกือบทั้งหมด คือไม่ใส่เลย

แล้วเค้าก็ไม่แคร์ด้วยว่าใครจะใส่หรือไม่ใส่

ผมว่าคนไทยเราก็อย่าไปคิดมากกับเรื่องนี้ อยากใส่ก็ใส่ ไม่อยากใส่ก็ไม่ต้อง แต่อย่าไประรานคนอื่นก็พอ

ช่วงนี้ใครไม่ใส่ ไม่ได้รู้สึกอะไร .. แต่ต้องเว้นระยะห่างกันพอสมควรด้วย รับผิดชอบตัวเอง

ในสวนสาธารณะผมก็ไม่ใส่ สูดอากาศสบาย แต่บางทีคนวิ่งแซงมาแบบจ่อใกล้ๆซะงั้น ทั้งๆที่เลนกว้างเหลือที่ให้วิ่งแซงมากมาย อันนี้ก็อันตราย