รบกวนขอปรึกษากูรูทุกท่านครับ
เกริ่นก่อนว่าผมมีแพลนจะนำเข้าเครื่องสำอางมาจำหน่าย ตอนนี้ได้ศึกษาเองตามอินเตอร์เน็ตแต่ยอมรับว่าเข้าใจยากจริงๆ เนื่องจากไม่มีใครให้ปรึกษาเลยครับ เลยอยากขอปรึกษาพี่ๆทุกท่านครับ โดยจะสรุปจากที่ผมเข้าใจ


1.จดทะเบียนพาณิชย์กับจดทะเบียนบริษัท แตกต่างกันตรง ทะเบียนพาณิชย์เรื่องภาษีจะไปตกที่ชื่อผู้จด แต่ จดทะเบียนบริษัท เรื่องภาษีจะไปอยู่ที่บริษัท โดยใช้คำว่านิติบุคคล ---> แบบนี้เข้าใจถูกไหมครับ


2. ผู้ที่เข้าร่วมก่อตั้งบริษัท (ผู้ถือหุ้น) จะโดนเรื่องภาษีด้วยไหมครับ เนื่องจากที่ผมหาข้อมูล ผู้ถือหุ้นจะรวมกันเรียกว่านิติบุคคล เรื่องภาษีจะเป็นทางบริษัทที่ต้องเสีย แต่สำหรับพวกผู้ถือหุ้นจะมีเรื่องภาษีส่วนตัวที่ต้องเสียเข้ามาก็ต่อเมื่อมีรายได้ อาทิเช่น เงินเดือน เงินปันผล ---> เข้าใจถูกไหมครับ


3. จดทะเบียนภาณิชย์ หรือ จดทะเบียนบริษัทดีกว่ากันครับ แตกต่างกันอย่างไร


4. จากข้อ 3 เนื่องจากต้องการจะนำเข้าสินค้าเครื่องสำอาง มันต้องมีขั้นตอนการขอ เป็นผู้นำเข้า จึงต้องเริ่มต้นโดยการจดทะเบียนพาณิชย์ หรือ จดทะเบียนบริษัท ผมเลยเลือกไม่ถูกว่าควรเลือกไปทางไหนดี


5. ตอนแรกผมกะจะทำคนเดียว แต่พอมีเรื่องที่ว่าต้องจดทะเบียนบริษัท ผมเลยต้องหาคนมาร่วมด้วย(ใช้ชื่อ เป็นหุ้นลมเอา) โดยจะคุยกับน้อง กับญาติ แต่กังวลเรื่องภาษีกันครับว่าจะโดนมั้ย เนื่องจากปัจจุบันพวกเขารายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี แต่กลัวว่าสมมุติธุรกิจมันไปได้ดี มีกำไร เขาจะโดนภาษีด้วยไหม

ขอบคุณทุกท่านมากๆที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ช่วยเหลือผมนะครับ
ขอบคุณครับ

เคยแต่จดทะเบียนพาณิช มันแค่ไปจดที่เขตแค่นั้น เอาโลโก้ไปแปะในหน้าเวบลิ้งไปไห้คนเชื่อถือเฉยๆ

จดทะเบียนบริษัทยุ่งยากกว่าความน่าเชื่อถือมีมากกว่า ค่าใช้จ่ายมากกว่า

แนะนำ จ้างบริษัททำบัญชีเป็นผู้ดูแลจดให้ดีกว่าครับ ปรึกษาแจ้งเลยเราต้องการแบบไหน เดียวเขาแนะนำ ตอนนี้ผมมก็กะลังเตรียมเอกสารจดบริษัทฯเหมือนกัน ให้บริษัททำบัญชีจัดการเราแค่เตรียมอกสารตามที่เขาแนะนำ

ตอนนี้กลัวแค่คนที่เราขอให้มาถือหุ้นด้วยจะโดนเรื่องภาษีหนะคับ 555
ท่านพอทราบมั้ยครับว่าจะโดนด้วยมั้ย

ที่พอเข้าใจนะครับ (ขออภัยที่ไม่รู้ลึกซึ้ง)

ข้อ 1 แบบนี้เข้าใจถูกไหมครับ
ถ้าเรื่องภาษี ถูกครับ ทะเบียนพาณิชย์ ยังไม่ใช่นิติบุคคล รายได้ยังเป็นเจ้าตัว บุคคลธรรมดา
บริษัท เป็นนิติบุคคล ก็จะเสียภาษีในรูปแบบนิติบุคคล


ข้อ 2. ---> เข้าใจถูกไหมครับ
เข้าใจว่าถูกครับ เหมือนข้อ 1 นิติบุคคลก็จะเสียภาษีในเรทนึง ส่วนผู้ถือหุ้น มีรายได้เท่าไหร่ ก็ไปเสียบุคคลธรรมดาตามนั้น


ข้อ 3
ถ้าเป็นนำเข้า ผมคิดว่า น่าจะเป็นบริษัทนะครับ

ข้อ 4 ผมเลยเลือกไม่ถูกว่าควรเลือกไปทางไหนดี
เหมือนข้อ3 ผมคิดว่า น่าจะเป็นบริษัทนะครับ


ข้อ 5. เขาจะโดนภาษีด้วยไหม
คำตอบเหมือนข้อ 2

เท่าที่เข้าใจ รูปแบบบริษัท จะเล่นเรื่องภาษีได้มากกว่า ภาษีซื้อ ภาษีขาย การลดหย่อยภาษี เอาค่าเช่ารถ เช่าสำนักงานไปลดหย่อน แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในทางบัญชี เช่น ทำบัญชี ผู้สอบบัญชี
ถ้าบุคคลธรรมดา รายได้ถ้าเกิน 1.8 ล้าน ก็ต้องไปจด vat

ผู้ถือหุ้น จะเสียภาษีมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้ถือหุ้น

ข้อมูลตามความเข้าใจผมนะครับ ผิดถูกต้องขออภัย

เอาที่พอตอบได้นะฮะ
จดทะเบียนพาณิชย์ไม่ยากแต่มันเหมือนเอาไว้แค่สร้างความน่าเชื่อถือเวลาทำเว็ป หรือขายทางออนไลน์แค่นั้นแหล่ะ
ส่วนบริษัทมันจะมีผลทางด้านบัญชี รายรับรายจ่าย ภาษีประจำปีที่ยุ่งยากกว่ามาก
เรื่องเสียภาษีของผู้ถือหุ้น หลักๆก็คือ ถ้าบริษัทมีกำไรก็เอากำไรมาปันผลตามจำนวนหุ้นที่ถือ ซึ่งผู้ถือหุ้นจะต้องเสียหรือไม่เสียอันนี้ไปว่ากันเรื่องภาษีบุคคลของผู้ถือหุ้นแต่ละท่านกันเองครับ ตอนนี้เปิดบริษัทใช้แค่สามคนไม่ต้องถึงเจ็ดคนแล้ว ก็ให้สัดส่วนหุ้นเป็น ท่าน 90 ญาติ1 5 ญาติ2 5 ก็ได้ครับอัตราส่วนเวลาหารก็จะได้ไม่เยอะมากแต่พอเป็นสินน้ำใจที่ให้ชื่อมาใช้

นำเข้าเครื่องสำอางอันนี้ผมไม่รู้ว่าตัวไหนบางเเบรนด์อาจจะต้องการดิสทริบิวเตอร์ที่เป็นบริษัท แต่ถ้าไม่รีเควสอ่ะ ใช้บุคคลดำเนินการจะคล่องตัวกว่า เพราะจดทะเบียนบริษัทค่อนข้างยุ่งยากตรงที่ท่านต้องจ้างคนทำบัญชีทุกปี มีค่าใช้จ่ายรายปีอยู่ และถ้าวันนึงจะหยุดทำแล้วปิดบริษัทขึ้นมาเนี่ยยุ่งยากพอสมควรเลย ไอ้เรื่องจดน่ะไม่ยากหรอกเอาเงินจ้างบริษัทบัญชีให้ทำก็ได้แล้วแค่เตรียมเอกสารให้เค้า
แต่ถ้าเอาเป็นบุคคลนี่ต้องดูรายรับว่าไม่เกิน 1.8 ล้านนะฮะไม่งั้นจะต้องไปทำเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มอีก วุ่นวายกันคนละแบบ

ไม่เสีนภาษีบุคคลคับ แต่ถ้าบริษัทมีกำไรจ่ายปันผล จะเสียภาษี 10% แต่เลือกจะไม่เอาไปยื่นภาษีบุคคลได้

ชัดเจนมากครับ
ขอบคุณมากๆครับ หายกังวลไปได้เยอะมากๆเลย
ผมหาในเน็ตอ่าน ฟังยูทูป ก็ยังไม่เคลีย ไม่มั่นใจ

ขอบคุณมากๆนะครับ
ตอนนี้ั่มั่นใจในสิ่งที่อ่านที่หาข้อมูลมาพอสมควร เพราะที่ผ่านมาหาอ่านเอง เข้าใจเองไม่รู้ว่าถูกหรือผิด 555
ขอบคุณอีกครั้งครับ