"ก็องโต้" เอริค คันโตน่า ตำนานชื่อก้องของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า เคยเสนอตัวเป็นประธานสโมสรปิศาจแดง แต่ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ไม่เอาด้โดยเขาเชื่อว่าบอร์ดบริหารชุดนี้ "เก่งการตลาดแต่ไม่เก่งเรื่องฟุตบอล"


ยอดตำนานวัย 56 ปี ออกมาเปิดเผยกับทางThe Athletic ว่าเขาเคยเสนอตัวเข้ากอบกู้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในบทบาทประธานสโมสรกับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ก่อนอดีตรองประธานบริหารจะรีไทร์เมื่อปี 2021

คันโตน่า นำเสนอให้วู้ดเวิร์ดและคนอื่นๆ โฟกัสกับการตลาดให้เต็มที่ ขณะที่เขาจะดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับฟุตบอล ก่อนที่แนวความคิดนี้จะถูกปัดตกไป

"ปีที่แล้ว ผมเสนอให้สโมสรเปลี่ยนแนวทางของพวกเขา" คันโตน่า กล่าว

"เอ็ด วู้ดเวิร์ด เก่งด้านการตลาด แต่ไม่เก่งเรื่องฟุตบอล, ยูไนเต็ดควรมีประธาน พวกเขาควรมีประธานฝ่ายการตลาด มีประธานฟุตบอล คนที่รับผิดชอบตัดสินใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับฟุตบอล"

"ดังนั้นกับแนวความคิดนี้ ผมจึงเสนอตัวเองเป็นประธานฟุตบอลให้กับพวกเขา"

"ผมพบกับเขา (วู้ดเวิร์ด) อยู่ 2-3 หน แต่พวกเขาไม่ยอมรับมัน ผมยังคิดว่าจะเป็นผมหรือใครก็ได้ พวกเขาควรมีใครสักคนที่รู้เกี่ยวกับฟุตบอล"

"ควรเป็นใครสักคนจากสโมสร คนที่รู้จักฟุตบอลและสโมสร"

"แต่พวกเขาไม่ต้องการให้ผมเป็นประธานสโมสร พวกเขาไม่ต้องการผม! และแฟนบอลต้องรู้ว่า ผมเดินทางไปแมนเชสเตอร์ เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาประสบความสำเร็จในทศวรรษหน้า แต่พวกเขาไม่ต้องการมัน"

นอกจากนี้ คันโตน่า ยังชี้ให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า นับตั้งแต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีไทร์ ในปี 2013 แต่มาตรฐานในสนามกลับตรงกันข้าม

ทัพปิศาจแดงไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาตั้งแต่ปี 2013 ความสำเร็จของสโมสรมีแค่แชมป์ยูโรป้าลีก, เอฟเอ คัพ และลีกคัพ แค่อย่างละสมัยเท่านั้น

ทั้งนี้ คันโตน่า ค้าแข้งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงรุ่งเรืองระหว่างปี 1992-1997 พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไป 4 สมัย 2 แชมป์เอฟเอ คัพ

ใครไม่ฟัง กูถีบ

บันเทิงแน่นอน ถ้าเฮียเป็นประธาน

ยุคนี้ยาก เงินสำคัญกว่าความสำเร็จ
ตอนแก่ไม่มีเงินก็จบ

ยากมาก ยุคนี้ธุรกิจกับฟุตบอลมันแยกกันไม่ขาดแล้ว

เห็นด้วยกับแนวคิดนะครับ การตลาดกับฟุตบอลควรแบ่งกันทำเป็นคนละฝ่ายไปเลย ไม่ใช่ประธานคนเดียวควบทั้งสองอย่าง มันจะไปไม่สุดซักอย่างอะดิ

แต่ที่เขาไม่เอาพี่เพราะพี่ขาดประสบการณ์มากกว่ามั้ง เป็นปธ.สโมสรมันไม่ใช่แค่มีหัวเรื่องฟุตบอลอ่ะ มันต้องบริหารองค์กรเป็นด้วย ไม่ใช่แค่ปากบอกว่ารู้เรื่องบอลก็เป็นได้ แล้วแมนยูในฐานะบริษัทคือบริษัทใหญ่ระดับโลกเลยนะ เค้าจะกล้าเอาคนไม่มีประสบการณ์ไปเป็นประธานหรอ อย่างพี่ควรเริ่มจากตำแหน่งเล็กๆแบบ DOF ไปก่อนดีกว่ามั้ย อย่าเพิ่งก้าวกระโดดไปเป็นประธานสโมสรเลย ถ้าพังมันไม่ใช่แค่ลาออกแล้วจบนะ ทีมมันพังไปด้วยนะ

ถ้ากองโต้เป็นอาจจะเละก็ได้ ฟุตบอลมันไม่สามารถแยกออกจากธุรกิจได้แม้แต่นิดเดียวเพียงแต่ต้องบริหารจัดการอย่างเข้าใจ คนเป็นประธานผมมองว่าควรเก่งด้านบริหารมากกว่าด้านฟุตบอล แล้วค่อยจ้างคนเก่งด้านฟุตบอลมาดูแลอีกที อย่างกองโต้น่าจะเหมาะแบบผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาอะไรแบบนี้

คาซั่ม บิ๊บบี๊ปปปป

ได้ยินเสียงนี้ทุกวันเลย

มันก็ 2 มุมมองแหละ

เจ้าของทีมก็ต้องเน้นธุรกิจเพื่อผลกำไร

แฟนบอลก็อยากให้ทีมได้แชมป์

ถ้าทีมได้แชมป์ แต่ผลประกอบการไม่ดี เจ้าของทีมที่ไม่ได้ซื้อทีมมาเพื่อสนองตัณหา

แต่ซื้อทีมมาเพื่อหวังผลกำไรก็จะไม่ปลื้มเท่าไหร่

แต่ถ้าประคับประคองทีมได้ แต่ผลประกอบการดีเยี่ยม เจ้าของอาจจะชอบมากกว่าก็ได้

ผมเกลียดเกลเซอร์นะ
แต่เข้าใจได้

ในมุมของ เกลเซอร์ เอ็ดมันทำงานของมันโอเคอยู่แล้ว
(โอเค เพราะยังทำเงิน ให้นายจ้างได้)

แล้วก็ไม่มีอะไรการันตีว่าแกไปทำแล้วจะเวิร์ค
เพราะงานระดับ ceo หรือ ปธ. ทีมระดับนี้
อย่างน้อยๆ มันก็ต้องเคยมีโปรไฟล์มาประมาณนึง

คิดถึงวันที่แกประกาศรีไทร์ เช้าวันนั้นได้ยินข่าวจากวิทยุตอนเช้าๆว่าประกาศแกเลิกเล่น
ทำเอาแฟนผีตัวน้อยอย่างผมในตอนนั้นมึนตึ๊บเลย.. 56แล้วเหรอเนี่ย เวลาผ่านไปไวแท้

หลายๆคำตอบบ่งบอกว่าอ่านแต่หัวข่าว

มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้นะ

คือมันมีมุมที่อาจจะคิดได้ว่าทำไม คนอย่างก๊องโต้หรือรอยคีน ถึงไม่ได้รับความน่าเชื่อถือให้เป็นฝ่ายบริหาร
อาจจะเพราะความติสมากเกินไปอ่ะ

ถ้าจะเอาอดีตนักบอล พวกนักบอลที่ภาพลักษณ์นิ่งๆอย่าง ฟาน เดอซาร์ หรือ โอเวอร์มาร์ส น่าจะดูเหมาะกว่าน่ะ

ก็องโต้บอกให้แยกประธานการตลาด กับประธานฟุตบอล ไม่ใช่เหรอ แล้วก็บอกไม่จำเป็นต้องเขา เอาคนรู้จักฟุตบอลมาทำงาน มันก็ดีไม่ใช่เหรอ

น่าจะกังฟูไอ้เอ็ดไปที