คนไทยไม่เคยชินเฉยๆครับ เป็นเรื่องใหม่ ประเทศพัฒนาแล้วโดนภาษียิบย่อยจนชิน

แล้วผมก็อดใจไม่ไหวที่จะมาตอบในกระทู้ที่ พนักงานเงินเดือน ไม่รู้วิธีการคำนวณภาษีของการค้าขาย
ซึ่งก็เกิดจากการไม่รู้ ไม่ศึกษาของคนค้าขาย ละเลย หรือบางคนก็ไม่จ่ายด้วยแหละ
แต่ก็จะมีคนมาอ้างว่า คนขายของไม่เสียภาษี ซื้อบ้านหลายล้าน (มันก็ยอดภูเขาของคนที่ประสบความสำเร็จ เหมือน youtuber ซื้อบ้าน 7-8 หลักแหละ ที่เหลือก็มีกำไรบ้าง เสมอตัว ขาดทุน เจ๊ง ล้มละลาย หนีเจ้าหนี้ เงินกู้นอกระบบ)

ปัญหาที่อยากยกตัวอย่างคือ
โดนประเมินว่า ขายของวันละ 5000 บาท ( ย้ำว่า ยอดขาย ไม่ใช่กำไร (กำไรเท่าไหร่ แล้วแต่สินค้า มีค่าเช่าร้าน ค่าจ้างพนักงาน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ) โดนประเมินว่า ขายต่อเดือน (5000*30)=150k บาท*12เดิอน ปีละ 1.8M บาท ต้องเข้าระบบ VAT (ถ้าไม่ได้เข้าระบบ VAT โดนประเมินแบบต้นทุน 60% แล้วนำกำไร 40% ไปคำนวณภาษี)

พอเข้าระบบ VAT แต่ไม่มีบิลซื้อ-ขาย ก็ไม่สามารถหัก VAT ซื้อได้ เท่ากับ ต้องชำระ VAT ขาย 1.8M *.07 = 120k บาท ซึ่งไม่รวมกับภาษี ภงด ต้องจ่ายอีก น่าจะประมาณ 2-3 หมื่นต่อปี (และมีหลายๆเคสที่โดนย้อนหลัง ได้ถึง 5 ปี (หาอ่านได้ตามพันทิพ) +ดอกเบี้ยย้อนหลัง)

ซึ่งผมว่าเทียบเคียงกับ ภาษี ภงด ที่ พนง.เงินเดือน 5-6 หมื่นบาท และจ่ายภาษีปีละ 2-3 หมื่นบาทครับ

ถามว่าแล้วให้พ่อค้ามาเข้าระบบ VAT แบบสมบูรณ์ทำอย่างไร
ก็ต้องมีการทำบัญชี จ้างบ.ช่วยทำบัญชี (เดือนประมาณ 1-2 พัน) ซื้อสินค้าที่มาจากระบบ VAT เหมือนกัน มีเครื่อง POS เพื่อเก็บ transaction

ผมก็อยากให้ทุกคนเข้ามาสู่ระบบจ่ายภาษีเพื่อเอาเงินไปพัฒนาประเทศ??? แต่ไม่ควรจะมาเจอปัญหาลูกใหญ่ ขายของวันละ 5-6 พัน โดนภาษีย้อนหลังกันเป็นแสน (เคสที่ได้รับการประณีประนอม สรรพากรไม่เรียกเก็บโหดก็มีเยอะ แต่ case study ที่ออกข่าว คือโดนพวก vat และย้อนหลังหลักแสน หลักล้าน มันยิ่งทำให้คนกลัว และหลีกเลี่ยง)

ต้องแยกก่อนระหว่างรายได้ส่วนบุคคลกับรายได้ของผู้ประกอบการ
ภาษีผู้ประกอบการมันมีวิธีคิด2แบบคือแบบเหมาจ่ายกับคิดตามจริง
กรณีเหมาจ่ายจะหักต้นทุนออกให้60เปอร์เซ็นต์แล้วเอาที่เหลือมาคำนวนภาษี กรณีเหมาจ่ายส่วนมากคนเสียจะไม่มีบิลซื้อเข้าเพราะไม่สามารถหาบิลรายจ่ายมาหักกับรายได้ได้ แบบนี้จะหนักสำหรับร้านค้าที่มีรายได้ต่อปีเยอะส่วนคนที่รายได้ต่อปีน้อยจะสบายๆ

กรณีหักตามจริงร้านค้าได้เก็บบิลซื้อเข้าไว้แล้วนำมาหักกับรายได้เหลือเท่าไหร่เอามาคำนวนภาษี กรณีนี้ขอลดหย่อนภาษีได้ตามที่สรรพากรกำหนดเช่น ดูแลพ่อแม่ ประกันชีวิต กองทุนและอีกหลายๆอย่าง

แต่ทั้ง2กรณีที่ว่ามาถ้ามียอดขายเกินล้านต่อปีผู้เสียภาษีจะต้องเสียภาษีแบบขั้นบันไดที่0.005เปอร์เซ็นต์หรือล้านละ5พัน

**อีดิท ถ้ารายได้เกินล้านแปดร้านค้าต้องไปจดแวทเพิ่ม ทำให้การคำนวนยากขึ้นไปอีกจึงจำเป็นต้องจ้าง บ.รับทำบัญชีทำให้จะดีกว่า

สุดท้ายถ้าร้านค้ารับโครงการรัฐแบบคนละครึ่ง เราชนะก็แล้วแต่เจ้าหน้าที่สรรพากรจะเป็นผู้ประเมินรายได้ที่ไม่ผ่านจากภาครัฐอีกแหล่ะว่าเท่าไหร่แล้วเอามา+กับที่ได้จากโครงการรัฐก่อนคำนวนภาษี

รายได้ปีที่แล้วของผมค่อนข้างเยอะแต่เจ้าหน้าที่เขาคำนวนเอาแค่จากโครงการรัฐเลยทำให้ยอดทั้งหมดลดลงไปประมาณครึ่งนึงจึงทำให้เสียไปแค่เกือบๆ8พันบาท

จริงๆแล้วอย่าไปกลัวการเสียภาษีเลยครับ ผมว่าเจ้าหน้าที่เขาอำนวยความสะดวกดี แนะนำดีและพูดจาดีมากๆและเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือเราอย่างดี ลบภาพว่าเจ้าหน้าที่จะหยิ่ง จองหอง ตะคอกกระโชกโฮกฮาก ข่มขู่ใส่เราได้เลยครับ

ต้องจ่ายมา8ปีแล้วไม่เคยเจอเจ้าหน้าที่สรรพากรดุสักครั้งขนาดเข้าไปจ่ายล่าช้าเกินหนดเขายังแนะนำดีเลย

***ส่วนรายรับแสนนึงไม่ต้องเสียภาษีครับ***

ร้านพวกนี้เขาไม่ค่อยเสียภาษีหรือเสียแต่เสียในเรทต่ำสุด เหมาปีละ500หรือครึ่งปี500บ้างไรบ้างก็ว่าไปตามสรรพากรพื้่นที่ที่คุ้นเคยกัน ผมว่าส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้กันเยอะถ้าไม่ได้จดบริษัท

ถ้าร้านที่ขึ้นราคาเพราะต้นทุนไม่เคยนำภาษีไปคิดอันนี้ก็ดีนะเรียนรู้เรื่องภาษีกันไปว่าราคาของควรขายราคาไหน แต่ร้านที่ขึ้นเฉพาะลูกค้าที่เข้าโครงการรัฐนี่แปลกๆมันก็เสียภาษีรวมไม่ใช่รึแต่ทำไมขึ้นเฉพาะคน หรือรัฐเอาไปคิดภาษีแค่จำนวนเงินที่เข้าระบบโครงการ

พวกกู พรักงานเงินเดือน ก็แบกไปเหอะ

เดอะแบก ประเทศที่แท้ทรู พูดแล้วเศร้า

ไม่อยากเสียภาษี ก็เสียลูกค้าไปแทนละกัน

แล้วก็จะมีคนรู้ดีบอก ทุกคนก็เสีย vat เหมือนกันหมด จ้าาาา

งงว่าขึ้นราคาไม่เท่ากันยอดขายเพิ่มแล้วก็วกกลับมาที่เมิงก็ต้องจ่ายภาษีเพิ่มไปอีกจากเดิมมั้ยวะ หรือจ่ายแยกแสกนราคาสินค้าแล้วส่วนต่างที่เพิ่มคิดเงินสด

เห็นด้วยเลย แต่ส่วนตัวผมมองว่า การหลอกเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อรีดเก็บ เป็นข้อดีไม่กี่อย่างที่รัฐบาลนี้ทำได้ดีนะ อย่างน้อยหลายร้านก็เข้าสู่ระบบภาษีไปแล้ว

ใช่ครับ ประเด็นไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการเข้าสู่ระบบภาษีของผู้ประกอบการนอกระบบ.. แต่วิธีที่ใช้มันทุเรศ ซึ่งก็เหมาะกับรัฐเน่าๆ ของประเทศนี้

ซึ่งมันสะท้อนผ่านวิธีระยำของผู้ประกอบการอีกต่อ ตอนรู้ว่าเสียค่าโง่ (เพราะ ปชช. ส่วนใหญ่มันโง่ ถึงยอมรับการกระทำของรัฐเน่าๆ นี่ได้)

ร้านของชำ ถ้าซื้อของมาขายแบบมีบิลถูกต้อง
ก็ไปเลือกการเสียภาษีแบบหักต้นทุนรายจ่ายได้ครับ
ไม่ต้องหักต้นทุนแบบเหมา 60%

วิธีดึงร้านเข้าระบบภาษีคือวิธีระยำไปซะแล้ว

ผมก็เสียภาษีทุกปีนะ แต่พอคนละครึ่งยอดมันกระชาก จากเหมาจ่ายปีละ 5พัน คนละครึ่งรอบก่อน เอาใบเสร็จเอาอะไรไปให้เขาแล้ว ยังโดนเกือบแสน เลยไม่รับดีกว่าแล้วแต่คนจะคิดว่ายังไง ข้าวสารน้ำมันนมเด็กพวกนี้ กำไรนิดเดียว โดนเรื้อนยับ 555 ขนาดขายราคาเดียวกันไม่ว่าคนละครึ่งหรือเงินแต่ก่อน ขายแพงก็ไม่ดีไม่รับก็ไม่ดี ร้านที่ยังรับก็เป็นโอกาศของเขา แต่ผมไม่ใหว

โกงชัดเจน