เผื่อใครเอาไว้อ่านเล่น ฆ่าเวลาครับ ให้เห็นภาพ ธุรกิจฟุตบอล
เอาตัวเลข ที่ทำรายได้ และรายจ่ายหลักๆของแต่ละทีมมาให้ดูนะครับ
ปรับพื้นฐาน
- ธุรกิจฟุตบอล ไม่ได้ทำแล้วรวย แทบจะไม่มีรายได้
- เนวิน,ฮั่น ไม่ได้ทำแล้วรวย เราคงไม่แบบว่า เห้ย ทำทีมฟุตบอลแล้วร่ำรวยขึ้น มันมีแต่เอาเงินไปถม
- มันคือธุรกิจที่คนทำ แสวงหาชื่อเสียง การเมือง หรือ เชื่อมโยงธุรกิจอื่นเช่น สายการบิน มันไม่ได้ทำเพื่อแสวงหากำไร เหมือนขายของทั่วไป เพราะมันมีเป้าหมายอื่นคือ ผลงานในสนาม
- ทำแล้วรวยได้ แต่model อาจจะ เบนฟิก้า ปอร์โต้ พวกนั้น ไม่ใช่กับทีมใหญ่ที่แข่งขันสูง
ตัวเลขซ้ายสุด - ขวาสุด คือ
Spoil
1 รายได้ต่อปี 2021 นับ 1/7/2020 - 30/6/2021
2 ค่าใช้จ่าย wage นักเตะ
3 ค่าใช้จ่าย wage นักเตะ + เงินเดือนพนักงานอื่นๆ (บัญชี คนสวน ผู้บริหาร scout )เป็นต้น
คือ ข้อ 3 ได้รวมข้อ 2 อยูในตัวมันด้วย
4 เงินคงเหลือ หลังจ่ายเงินเดือนไป หลังจ่ายเงินเดือนพนักงานทั้งองค์กร
5 เงินคงเหลือ ตามรายงานประจำปี annual report 2021
รายได้ หัก เงินเดือน(ซึ่งเป็นส่วนใหญ่สุด) หัก operation cost
เช่น ปากกา ดินสอ กระดาษ น้ำ ไฟ เน็ต สนามหญ้า ปุ๋ย ค่าโรงแรม ค่าเครื่องบิน รถบัส ค่าเสื่อม ตัดจ่าย ดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าเช่าสถานที่ ทุกอย่างนั่นแหละ
จริงๆเงินเดือนก็คือ operation cost อันนึง แต่แยกออกมาให้เห็นเพราะมันเป็นสัดส่วนสูง
ตอบเรื่องที่มาของตัวเลขนะครับ
ถ้าไม่มี อะไร ทุกๆปี รายได้ รายจ่าย แต่ละทีม ก็จะประมาณนี้หละครับ อ้างโควิดไม่ได้ เพราะปกติ ดูย้อนหลังก็ตัวเลขโครงสร้างประมาณนี้แหละ ยกเว้นได้แชมป์ UCL ว่าไปอย่าง
หมายเหตุ:
Spoil
-นี่คือ รายงานของปีก่อน 2020-2021 ที่ออกมา ต้นปี 2022 ไม่เกี่ยวกับการซื้อตัวปีนี้
-ค่าเงิน ปอนด์ (บางทีดูหลายแหล่งแสดงเป็น dollar)
-บางอัน เป็น ebitda ยังไม่หักค่าเสื่อม ภาษี ดอกเบี้ย อันนี้ทั้งหมดรวมเป็น operation cost หมด เอาไว้ดูง่ายๆ
ก็คือเงินคงเหลือในกระเป๋า ที่จะเอาไปซื้อ-ขาย นักะเตะต่อไป ใ
ช้เกินได้ แต่ก็คือติดลบนั่นเอง (เช่น หลังซื้อ-ขายนักเตะปีนั้น แมนยู(-37),ซิตี้(เจ๊า),หงส์(-9) เป็นต้น)
แล้วปกติแบบนี้ไหม
นี่หลัง Covid แต่ก็ยังกระทบอยู่ matchday หายไปทุกทีม มากบ้างน้อยบ้าง 40-80 ลป โดยประมาณ
แมนยู : (เฉลี่ยปีปกติเหลือราว 100-120) ปี2021 เหลือ 80
หงส์ : (เฉลี่ยปีปกติเหลือราว 60-70) ปี2021 เหลือ 62
จะเห็นว่าก็ไม่ได้ต่างจาก ภาวะก่อน Covid มากนัก อาจจะลดลงนิดหน่อย แต่อนาคต กำลังเข้า recession ผมว่าก็ประมาณ
(มากกว่าช่องขวาสุด 20-40 M ราวนี้)
Spoil
ตัวอย่างของเชลซี
ดูเส้นสีน้ำตาล กำไรทั่วไปในอดีต จะก่อนหรือหลังCovid ก็วิ่งอยู่ระหว่าง +/- ในกรอปไม่เกิน 50
เพราะงั้นผมไม่คิดว่า 2021-2022,2022-2023 จะอัพขึ้นก้าวกระโดดนักนะครับ
Spoil
ยอดรวม รายได้ทีม EPL ทั้งหมดถึงฤดูกาล 2021-2022 มันออกมาก่อนเพราะมันเป็น pool รวม ส่วนรายสโม ต้องรอต้นปีหน้า
1 2021 รายได้ broadcast สูงมากประวัติการณ์ เพราะเราอยู่แต่บ้าน(3,500)
2 ตอนเราอยู่บ้าน เราดูแต่ทีวีครับ เหมือนหุ้น Netflix พอเรา ออก Covid รายได้ broadcast น่าจะลดลง จากตัวอย่างรูป ปี 2021-2022 Matchday กลับมาแล้ว(700) แต่boardcast ลดลง(3,100)
3 รายได้รวมทั้งลีคเพิ่มขึ้น(5,450-5,115) 4xx ล้าน(รวมทุกทีม) ทีมใหญ่ก็อาจจะ 30 ลป.ที่เพิ่มขึ้น แค่นั้นหละครับ
ดังนั้นแล้ว เวลาบอกว่า ทีมใหญ่เงินหาย 80 ลป พอมาทอนกับ broadcastลดลง ต้นทุนพนักงาน(ที่ยอมลดเงินเดือนช่วงนั้น) ต้นทุนค่าดำเนินการMatchday(ค่ารปภ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเปิดให้บริการ) ก็อาจจะคงเหลือสุทธิ(เงินในกระเป๋า) 20-30 ล้านที่เพิ่มขึ้นหนะครับ (ไม่ได้จะเพิ่มไป 80 ล้านตามค่าตั๋ว)
ก็บอกไปแล้วว่า มันคือธุรกิจเอาเงินมาละเลง เป้าหมายไม่ได้แสวงหากำไร ก็ยอมติดลบกันไป
แล้วติดลบ ไม่ผิด FFP เหรอ
FFP ยอมให้ติดลบได้ครับ จริงๆทางบัญชีมันคำนวณ 3 ปี เห็นว่าจะปรับให้เฉลี่ย 5 ปีด้วยซ้ำ แต่เอาว่า ทุกปีคุณติดลบได้ แบบทำทีม (-30) ล้านทุกปี 10 ปี 300 ล้านนี้มันรับได้ (ส่วนของทุนก็ลดไป แต่ก็ไม่แน่เพราะมูลค่าทุนก็สูงขึ้นทุกปี) แต่มันยอมได้ ที่ยอมไม่ได้คือ ติดลบเกิน% รายได้เยอะๆ เช่นลบปีละ (-100) 3 ปีติด อันนี้สูงไป เสี่ยงไป
-เห็นมีว่า ใช้ได้ไม่เกินกี่ % ของรายได้ นั่นมันรายได้ครับ ไม่ใช่กำไร(ที่หักต้นทุนแล้ว) คือเค้าให้ใช้ได้ไม่เกิน % ของรายได้ หาได้100ใช้ได้ 100 แต่ต้นทุนยังไม่ได้เอามาคิด ถ้าเดิมทีหาได้ 100 ต้นทุน 80 เงินเหลือ 20 FFP ก็ให้ใช้ได้ 100 นั่นแหละ ติดลบไป แล้วมาดู 3-5 ปีที่ก้อนรวมหนี้ ยัง balance อยู่ได้
ไม่ใช่ว่าใช้ ติดลบหนักๆได้ทุกปี
Spoil
จริงๆ FFP เป็นตัวเลขทางบัญชี ไม่ต้องเอามาพูดในที่นี้ก็ได้ เพราะตรงนี้เอาไว้ดูกันง่ายๆคือ รายรับ รายจ่ายตรงๆเลย แต่ถ้าคนเข้าใจผิด เช่น ซื้อ นักเตะ 50 ล้าน 5 ปี งี้ก็ลงบัญชีจ่ายแค่ปีละ 10 ล้านเองสิ ถ้างั้นการมีเงิน 50 ล้าน ก็ซื้อได้เยอะแยะเลยสิ
ไม่ใช่ครับ อย่าลืมว่า(ของเก่า) ก็ยังต้องจ่าย เช่น แมนยู ยังลงบัญชีจ่ายค่าตัวแมคไกวร์ จนถึงทุกวันนี้ ซิตี้ยังจ่ายค่าตัว รูเบน ดิอาส จากอดีตมาถึงทุกวันนี้ อันนี้อธิบายคนที่เข้าใจว่าลงบัญชีแล้วเงินเหลือ แต่ลืมมองอดีต
เรื่องการเงินฟุตบอล ผมมักจะพูดเรื่อง wage เสมอเลย ส่วนไอ้พวกค่าตัวหนะ ที่มานั่งพูดใครถูก/แพง มันนิดหน่อยครับ ปีนี้จ่ายหนัก ปีหน้าก็เบาลง แต่ wage มันสัญญาระยะยาว ผูกพันไปนาน กระทบการเงินนาน
เห็น westham Wolve ซื้อตัว ถามว่าเค้ารวยขึ้นมั๊ย ก็ใช่ ส่วนนึง แต่ส่วนสำคัญคือ เค้ารายจ่าย wage ต่ำ เหมือนคนมีหนี้สินต่ำ จะกู้บ้าน กู้รถ ก็ง่าย แต่พวก Top6 หาเงินให้ตาย แต่รายจ่ายพะรุงพะรัง ก็แทบไม่เหลือ จะไปซ์้ออะไรเพิ่มก็ยาก
เพราะงั้น คำพูดที่เราอาจจะเข้าใจผิด
ทำทีมบอลแล้วรวย ไม่จริงครับ
เจ้าของ เก็บเงิน ไม่ซื้อนักเตะใหม่ เพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่จริงครับ
เชลซีซื้อได้ 300 ลป ไม่โดน FFP ใช่ครับ ทุกทีมซื้อได้หมดแหละครับ แต่มันก็จะ shared ผลกระทบไปปีหน้าๆ และต้องคำนวณค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่าเหนื่อยนักเตะ profit before trading player ดังนั้นปีนี้ 300 ไม่ได้หมายว่า ปีหน้าจะ 2-300 ได้อีก
เอาง่ายๆ รายได้ 4xx ล้าน ค่าพนักงาน 3xx ล้าน เหลือ 1xx ล้าน อย่าลืม ค่าเสื่อม ค่ากระดาษ ปากกา ดินสอ ไฟ น้ำ อินเตอร์เน็ต ค่าโรงแรม ค่ารถบัส เครื่องบิน ดอกเบี้ยกู้ สนามหญ้า ปุ๋ย พูดได้ทั้งวัน555 จะเหลือเท่าไหร่กันครับ ก็ไม่แปลกที่สุดท้ายแล้วจะเหลือ (หลักสิบล้าน) ที่บอก งบซื้อตัว 100-150 ล้าน มันคือ เจ้าของชักเอง ยอมติดลบ
Arsenal
รายได้ต่ำสุด ซึ่งไม่แปลก จากแชมป์ จากTop4 จาก UCL ที่หายไป
สำหรับนักเตะ คุม wage ดี แต่ก็เพราะ เพิ่งจะform ทีมกันได้ไม่นาน ถ้านักเตะอยู่นาน แล้วเซ็นสัญญาต่อ ก็เพิ่มขึ้นเยอะเลย
ส่วนค่าใช้จ่ายพนักงานทั้งหมด/รายได้ ก็สูงมาก75% นั่นเพราะรายได้ต่ำ
รายได้สูงกว่านี้ได้มั๊ย : น่อลผม weight น้ำหนักให้ matchday เพิ่มมากหน่อย เช่นเดียวกับ spur เพราะสนามใหม่ ค่าตั๋วแพง ในลอนดอน ก็จะราย 90 แต่หักที่ผมอธิบาย Matchday ข้างบน คงเหลือในกระเป๋าคงเพิ่มราว 30-35 แหละครับ
ที่เห็น 2 ปีมานี้ทุ่มได้เยอะ เพราะรายจ่ายต่ำครับ ส่วนที่แฟนน่อลคาดว่า ต่อไปเสริมปังๆ ค่าตัวแพง ค่าเหนื่อยแพง
ต้องบอกว่ายาก
ค่าตัวหนะจ่ายได้ แต่ก็แอบยาก ผลประกอบการ หลังรวม ซื้อ/ขายนักเตะ
2019
-22 ลป.
2020
-48 ลป.
2021
-107 ลป.(เงินในกระเป๋าก่อนซ์้อ 15)
2022 ต้องดูรายงานปีนี้(ว่าเหลือเงินในกระเป๋าก่อนซ์้อขายเท่าไหร่) แต่น่าจะ ติดลบ เพราะซื้อตัวหักขาย net
-116 ลป ไวท์ โอเด โทมิ แรมสเดล
2023 น่าจะ ติดลบ เพราะซื้อตัวหักขาย net
-93 ลป ซุส ซิน วิไอร่า
2019-2023 แอบติดลบ น่าจะเกิน 3 ร้อยแหละ มันจะเริ่มโดน ffp ตามจอแจหละครับ(ตามข่าว) เพราะเล่น ลบรวด 6 ปีติด โดยเฉพาะ 3 ปีหลังสุด
เทียบกับทีมที่อยู่ในภาวะลบ เช่น
Chelsea เค้า ย้อนหลัง 6 ปีหลัง รวมtrade playerแล้ว(
บวก30,
ลบ116,
บวก43,
ลบ169 ,
ปีก่อนน่าบวกนิดหน่อย,
ปีนี้ลบหนัก) เห็นอะไรมั๊ยครับ ฮ่า แนวทางเค้าหละ เกลี่ยตัวเอง สลับปีไป ส่วนของน่อล คอมโบยาว
ส่วนค่าเหนื่อยนักเตะเทพๆก็ยาก เพราะ ตอนนี้จ่ายเงินเดือน 75% แค่ต่อสัญญานักเตะเก่า(เพิ่มเงิน) ก็จะขึ้นมา กว่า 80% ยิ่งถ้าซื้อนักเตะใหม่เทพๆ ค่าเหนื่อยแพงเหมือนสมัย ซานเชส โอซิล ยิ่งยากใหญ่ เพราะงั้น
เกมส์คือ ต้องติด Top4 ไปUCL เท่านั้น เพื่อเพิ่มรายได้ ไม่งั้นถ้ารายได้เท่าเดิม สัดส่วนรายจ่ายค่าแรงมันมีแต่จะเพิ่มขึ้นตามอายุพนักงานครับ และส่งผลให้ เสริมตัวเทพ ไม่ได้
Chelsea
เชลซีซื้อได้ 300 ลป ไม่โดน FFP ใช่ครับ ทุกทีมซื้อได้หมดแหละครับ แต่มันก็จะ shared ผลกระทบไปปีหน้าๆ และต้องคำนวณค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่าเหนื่อยนักเตะ profit before trading player ดังนั้นปีนี้ 300 ไม่ได้หมายว่า ปีหน้าจะ 2-300 ได้อีก
ให้ผมประเมินคือ น่ากลัวมาก!!!
คือ 2020/21 ที่เราหยิบมาดูกันเนี่ย มันคือปีแชมป์ UCL นะครับ
- ปีแห่งการเป็นแชมป์ UCL profit before trading player -16
- เทียบกับหงส์ ปกติ 60-70 แต่ปีแชมป์ ucl เค้า 120 เลยเชียว
- จะโทษ matchday ก็ไม่ได้ เพราะของเชลซีหายไปแค่ 60 และอย่างที่อธิบายช่อง matchday ว่าตอนมันกลับมา มันไม่ได้กลับมา 60 เพราะ broadcast ก็ลดลงบ้าง Costอื่นๆเพิ่มมาทดแทนด้วย เต็มที่ผมว่า 20 แหละ
- รายจ่ายพนักงาน /รายได้ 76% สูงสุดใน Top6
- ทุกทีม asset มากกว่า debt ต่อให้ผลประกอบการเป็นลบ ส่วนของทุนก็ลดลงแค่นั้น
- ของเชลซี debt มากกว่า asset แต่ไหนแต่ไร ร่วมพันล้าน ไม่แน่ใจว่าเสี่ยหมียกยอดให้ยัง
- แต่จะเห็นว่า Flow รายปี มันคือ ติดลบครับ หรือไม่ก็เจ๊า ครั้นมาหักลบกับซื้อขายนักเตะ มันก็มักจะลบโดยอัตโนมัติ
มองดูผมว่าเสี่ยท๊อดเค้าก็ทุ่มนะ แต่ถ้าจะให้เค้าแบกรับตัวเลขระดับ พันล้านเหมือนเสี่ยหมี ก็คงยากไป
การลงทุนตลาดนี้ ต้องรุ่งแหละครับ เพราะเนื้อธุรกิจมันไม่ได้ลอยตัวแบบ ManU ManC ที่จะให้ซื้อผิดแล้วซ์้อใหม่ วนไปเรื่อยคงยาก ยิ่งถ้าไม่ติด Top4 นี่หนัก เหมือนคนตัวอ้วน(เงินเดือนแพงทั้ง นักเตะ และ พนักงานบริษัท) ที่ผ่านมาผลงานดี รายรับokระดับนึง แต่ถ้าอยู่ดีๆไม่ได้ไป UCL รายรับลด อันนี้งานช้างครับ อีกประเด็น ด้วยรายได้สุทธิก่อนซื้อขายนักเตะ ต่ำมาก(ปีที่รายงาน -16 ) แต่ปีอื่นๆก็ไล่เลี่ย 0 ) อ่านข้างบนตรงของน่อล จะเห็นครับว่า ถ้าปีนี้จ่ายหนัก(ลบเยอะ) แล้วปีหน้า จังหวะ มันคือต้องเว้น (เบาๆ) แล้วค่อยปีนู้นที่กลับมาหนักได้
Liverpool
-
จ่ายนักเตะน้อย 142 แต่พอรวมพนักงานทั้งหมด ก็ 314 มันก็แทบจะเกาะกลุ่มทุกทีมใหญ่เลย เพราะงั้น แฟนหงส์ที่คิดว่า ทีม ok คุมค่าเหนื่อยนักเตะดี แต่มองภาพใหญ่แล้ว คุณจ่ายเท่าแมนยูเลย(ซึ่งแมนยูขึ้นชื่อว่าจ่าย wageแพง) แต่รวมพนักงานทั้งองค์กร ออกมาแล้วพอๆกัน อันนี้ surprise ผมเลย
ถ้าโครงสร้าง เงินเหลือในกระเป๋า เป็นประมาณนี้ในภาวะปกติ(ไม่นับปีได้แขมป์ ucl) เงินเหลือราว 60-80 ต่อปี
2020-2021 เงินเหลือ 60 ซื้อนักเตะชุดใหญ๋ 56 ลป ชุดเล็กไม่ทราบ คงเหลือ
-9
หลักๆ โจต้า เตียโก้ ซิมิคาส
2021-2022 เงินเหลือ 70 ซ์้อนักเตะชุดใหญ่ 48 ลป ชุดเล็กไม่ทราบ คงเหลือ
น่าจะเจ๊า(ต้องรอดูรายงาน)
หลักๆ: ดิอาซ โคนาเต้
2022-2023 เงินเหลือ 80 เข้าชิงucl ซ์้อนักเตะชุดใหญ่ 5 ลป ชุดเล็กไม่ทราบ
คงเหลือ เยอะแยะ น่าจะราวๆ 60 ขึ้นไป
หลักๆ นูนเยส wageซาล่าห์
ผมตอบแฟนหงส์ไปแล้วนะ ว่ามีเงินกองตรงหน้า 500 ล้าน fsg กับ jk ยังไม่ซื้อเลย ไม่ได้เกี่ยวกับเงิน ไม่ได้เกี่ยวกับรายได้ เงินเหลือสบายๆ แต่แง่ management แง่ utilization มันทำไม่ได้ครับ คงไม่ต้องพูดหละนะ (จะเข้า ต้องมีออก)
เพราะงั้นก็เข้าใจ FSG และ JK เค้าหน่อย
ถ้าคุณอ่านของทุกทีม จะเจอภาวะจำกัดจำเขี่ย แต่ของหงส์ก็ประเมินรายปี(เพราะยังไม่เห็นตัวเลขล่าสุด) แต่ก็น่าจะสบายๆ เค้าไม่ได้ติดเรื่องการเงิน ครับ
Spur
ดีทุกอย่าง แต่ถ้าเทียบกับ น่อล จะเห็นภาพครับ
รายรับดีกว่า รายจ่ายต่ำกว่าทุกอย่าง แต่ทางบัญชี กลับเหลือมากกว่าเค้าแค่ 6 เอง (21spur-15arse)
เป็นทีมที่ รายได้ดีสุดใน Top6 ในตารางเงินเหลือ 21 แต่ก่อน Covid เงินเหลือก่อนซื้อขายนักเตะ 150 ล้าน(ได้ไป ucl ) นี่มันระดับ สูงสุดในลีคเป็นรองแค่แมนยูเลยเชียว
แต่พอ Covid ทุกอย่างเกิดพร้อมๆกัน
1 แต่ก่อนกำไรเยอะ เพราะจ่าย wage นักเตะต่ำ ตอนนี้ขึ้นมาปีละ 20-30 ล้าน
2 ไม่ได้ไป ucl
3 ดอกเบี้ยกู้สร้างสนาม + เงินก้อนของเลวี่ ทำให้ operation costสูงสุด 134 ในขณะที่คนอื่นๆ ราว 100
4 รายได้เข้าสนาม ประเมินว่า 90ที่หายไป แต่ตามที่ผมอธิบายไว้ช่อง Matchday ข้างบน ก็มีส่วนที่ต้องทอนลงด้วย อาทิ broadcast สุดท้ายก็น่าจะได้เพิ่มซัก 35 ไรงี้(ค่า mean ทั้ง epl มัน 20 ที่revenue สูงขึ้น)
จากระดับ 150 ล้านก่อนซื้อ/ขายนักเตะ เลยวิ่งสู่ระดับ 34,21 ล้านใน 2 ปีล่าสุด ฮ่า จนเลยในพริบตา
เกมส์นี้ High risk Hith return ผมว่า เลวี่เล่นใหญ่นะ ถ้า bet กับการลงทุนงวดนี้ + คอนเต้แล้วรุ่ง ก็อาจจะ พลิกเป็นทีมใหญ่ขึ้นมาได้เลยเชียว เพราะว่าโครงสร้างรายจ่ายต่ำ ในขณะที่ รายรับ มันโตได้อีกเยอะ
รู้ได้ไง? ก็เพราะ ขนาดทีมที่มันไมได้แชมป์อะไรเลย แฟนบอลใน region ต่างๆทั่วโลกก็ไม่ได้มาก ยังทำรายได้ขนาดนี้ งั้นแปลว่าหากเริ่มคว้าแชมป์ได้บ้าง ก็น่าจะเห็น growth ของฐานแฟนบอลและรายรับครับ
City
รอระเบิดคลัง
2020-2021 เงินในกระเป๋าก่อนซื้อตัว 106 หลังซื้อขายตัวเหลือ
10 ลป
2021-2022 เงินในกระเป๋าก่อนซื้อตัว(รอรายงาน) ก็น่าจะราวๆเดิม, net ซื้อขายตัว -35(ซื้อ 115 ขาย 80) น่าจะเหลือราว
70
2022-2023 เงินในกระเป๋าก่อนซื้อตัว(รอรายงาน) ก็น่าจะราวๆเดิม, net ซื้อขายตัว 32(ซื้อ 103 ขาย 135) น่าจะเหลือราว
135
ฝั่งเงินในกระเป๋าก่อนซื้อตัวมันวิ่งราว 100 ลป มาตั้งแต่ 2017 ก็น่าจะได้อานิสงค์จากแชมป์พรีเมียร์สม่ำเสมอและเป๊ปหละครับ
น่าจะรอปีหน้าแหละ พวก walker gundo b.silva ไป
ซิตี้จ่ายพนักงานทั้งองค์กร พอๆกับเชลซี 334 vs 355 ที่ไปบอกเชลซีเป็นคนตัวอ้วน อาจต้องมองเป็น เทียบกับ สัดส่วนรายรับครับ เชิง% ถ้ามอง% ของเรือมันก็จะ 62% เอง และส่วนที่เยอะไม่ใช่นักเตะด้วย แต่เป็นพนักงานอื่นๆ
ซิตี้มีโมเดล (แปลกๆ)นะครับ อาจจะต้องดูต่อไปในอนาคตถึงจะเห็นภาพกัน เรื่อง CFG(ไม่ใช่แต๊บเด็กมาฟรี แล้วมาขายน้า)
ถามว่า ทำไม ซิตี้จ่ายเงินพนักงานบริษัทสูงสุด 355 ทั้งที่จ่ายนักเตะแค่ 150 เอง
คุณลองเอา เงินเดือนพนักงานทั้งหมด 355 - 150 ค่าแรงนักเตะ (ก็จะได้เงินเดือนพนักงานที่ทำงานทั่วโลกไม่รวมนักเตะ)
จะเห็นว่า มันแปลกๆ ของซิตี้
จ่าย 200 ล้าน ทีมอื่น100,120,140
เดาว่า แบกรับ ค่าแรงพนักงานในเครือ เพื่อทำ economy of scale ตัวอย่างเช่น ทุกทีมก็ใช้ scout ร่วมกันได้ (ซิตี้ กีโรน่า ปาแลร์โม่ นิวยอร์ค) แทนที่จะมี scout พื้นที่เอเชีย 4 คน(ทีมละคน) อันนี้ก็รวบไปเลย คนเดียว แล้วซิตี้ออกค่าใช้จ่ายให้ เหมือนบริษัทแม่ทำ M&A แต่ผมไม่เห็นว่าบริษัทลูกจะช่วยเรื่องรายได้ยังไง? อาจจะทางอ้อม ในแง่ฐานแฟนบอล การเชียร์ทีม(อีกทีมเพิ่ม)ไรมั้ง
ManU
-แมนยูปีดีๆ profit before trading ราว 195 ต้องย้อนไปปี 2017 เลย
- ตอนนี้ไม่ได้ไป ucl ไม่ได้แชมป์ยูโรป้า ต้องแบก wage เช่นโด้ ตอนนี้ +80 กลับไปปกติก็ไม่น่าเกิน +130 (ก่อนซื้อขายนักเตะ)
- เห็นจะซื้อ Anthony90ลย แล้วว่ารวย กลัวเงินเหลือ กลัวเกลเซอร์ได้เงินไป สมมติว่าปีนี้ก็ทำมาหาได้ พอๆกับปีก่อน(อาจจะมากกว่านิดหน่อย) เช่น เหลือเงิน 100-120 ตอนนี้รวมคาเซ พี่ก็ใช้หมดแล้วนะ ดีลต่อๆจากนี้น่าจะ เข้าแดน ติดลบ หละ
- แต่เกลเซอร์ ไม่ชักให้เพิ่มนะ มันต้องมีเงินมากกว่านี้สิ? ก็ปล่อยติดลบเหมือนปีก่อน
-37 นั่นแหละครับ(ไปกินส่วนของทุน) หรือถ้าสโม กู้เพื่อการลงทุน ก็สโม สร้างหนี้(นิดหน่อย) แล้วพอพี่แยกจุดนี้ไม่ออก ระหว่างหนี้สโม กับ หนี้เกลเซอร์
ก็ไปโทษ เกลเซอร์ว่าเป็นคนสร้างหนี้(ตอนซื้อ) ทังที่ operation พี่มัน ติดลบ ในตัวมันเองอยู่แล้วเช่นกัน
ปี 2020-2021 เงินเหลือ 80 หักซื้อ/ขายนักเตะ
-37 ลป.
ปี 2021-2022 ต้องรอดูรายงาน สมมติ เงินเหลือ 100 หักซ์้อขายนักเตะชุดใหญ่ 93ลป เหลือ 7ลป และน่าจะมีชุดเล็กด้วย อีกซัก สิบกว่าล้าน
ก็น่าจะติดลบ
ปี 2022-2023 สมมติว่ารายได้ดีกว่าเดิม เงินเหลือ 120 ตอนจบ ก็น่าจะ
-100ลป ได้เลยเชียว(ถ้ามีดีลแอนโทนี่)
จากตัวอย่าง 2021-2023 สโมก็ลงทุน ติดลบ 150 ลป ได้ไม่ยาก ถ้าสร้างหนี้ ก็ต้องบอกว่า
จิ๊บจ๊อยมาก ทุกทีมก็มีหนี้หมด
แต่ผมพูดขึ้นมาเพื่อ ?
ในอดีต บางปี2010 แมนยูก็ติดลบหนัก จากการดำเนินการแบบนี้เช่นกัน เพราะงั้น เวลาเห็นหนี้ 495ลป(ปัจจุบัน2022) เราโยนขี้ให้เกลเซอร์ก่อนเลย ว่ามันคนสร้าง แต่คุณก็เห็นว่า แมนยูใช้เวลาแค่ 3 ปีก็สร้างได้ 150 ไม่ต่างกัน เพราะงั้น 495 ลป มันก็น่าจะรวมๆทั้ง 2 กรณีหละครับ
-ปีก่อน เขียนเรื่อง ค่าแรงนักเตะแมนยู การ bet ในตัวโซลชา แล้วก็โดนปลด ฮ่า ทุกอย่างที่แมนยูทำ ต้องเรียกว่าโชคร้ายจริงๆ
- ปีนี้ ถ้าอยากอ่านเรื่องเกลเซอร์แต่อีกมุมมองนึง ลองดูครับ ( ถ้าไม่ถูกใจ ก็ขออภัย)
Spoil
เริ่มจาก เกลเซอร์ทำอะไร
- เกลเซอร์ ซื้อทีมด้วยเงินตัวราว 270 และส่วนที่เหลือ กู้แบงค์
- จากนั้น restructure องค์กร ด้วยการ ให้แบกรับหนี้
- เชื่อว่า หนี้ที่แมนยูแบกรับ เป็นแค่บางส่วน เพราะอีกส่วน เกลเซอร์ ก็ยังคงรับไว้เอง ในนามบุคคล
- มีการออก Bond เพื่อระดมเงิน มีข้อสงสัย ว่านำเงินไปชำระหนี้ส่วนตัว(ก้อนหลัง) ต้องบอกว่า ทำได้ยาก เพราะมันคือ transparent คนมาซื้อBond คุณต้องนำเงินไปใช้จริงตามที่แจ้ง
- เงินส่วนดังกล่าว บางส่วนก็นำไปให้ เซอร์ พัฒนาทีม ด้วยเช่นกัน
- เกลเซอร์ได้เงินปันผล เริ่มที่ 2016 ราวๆปีละ 22 ล้าน/ปี(ถึงตอนนี้ก็ราว 120-140 ลป)
แฟนแมนยู: อยู่ดีๆก็มาเป็นหนี้
ผม : ทุกทีมเป็นหนี้หมด บริษัทหลักทรัพย์ไทย ก็มีหนี้กันหมด เรื่องปกติ เราก็ดู D/E กัน
ปีก่อน ซิตี้กู้เงินแบงค์ 550 ล้าน ก็เป็นหนี้ เชลซีก็มีเสี่ยหมีแบกหนี้ให้ ร่วมพันล้าน ลิเวอร์ก็มีหนี้ที่ต้องจ่ายปกติทุกปี ซิตี้ ลิเวอร์ เชลซี จ่ายปีๆนึง มากกว่า(ดอก)แมนยูซะอีก เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจก่อน ว่านี้เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย เครดิต มันปกติ
แฟนแมนยู : ถ้าไม่มีเกลเซอร์ ก็ไม่มีหนี้สิ
ผม: ความน่าจะเป็น หนี้ของเกลเซอร์ที่ผลักภาระให้แมนยู ถึงตอนนี้เราบอกว่าไม่ลดเลย จริงๆแล้วน่าจะลดครับ ลดพอสมควรด้วย แต่แมนยูเองทำการกู้เพิ่มเติมมาใช้ในฐานะสโมสรเอง ยอดหนี้เลยยังวิ่งที่ 495 ราวๆนั้น(เท่าเดิม) (คำนวณจากดอก ที่ควรจะเป็นจากหนี้ เกลเซอร์ หักกับเงินที่จ่ายรายปี ทำให้ได้ว่า ทุกปีคือ จ่ายดอก+เงินต้นไปแล้วในตัว) มันต้องทอนเงินต้นลง หนี้เกลเซอร์ก้อนเล็กลง(ดอก+เงินต้น) เพราะงั้นการที่แมนยูกู้เพิ่มเอง ก็ไม่แปลก อย่างที่ผมบอก ทุกทีมกู้เงินหมด บริษัททำมาค้าขายทั่วไป ก็มีส่วนหนี้ เป็นเรื่องปกติครับ ดูตารางรายรับ รายจ่ายทั่วไป แล้วคุณจะคิดว่าแมนยูซื้อตัวอย่างที่เห็นทุกปีโดยไม่สร้างหนี้ งั้นเหรอ?
แฟนแมนยู : แต่หนี้นั่นก็ต้องมาเสียดอกมหาศาล
ผม : เท่าไหร่กัน ถ้ากู้บ้าน 5 ล้าน 30 ปี แล้วดอกของคนระดับนี้ CP เสี่ยเจริญ ดอกไม่ถึง1% ตลอด 30 ปีจ่ายเงิน สมมติว่า 6 ล้าน เพิ่มจากราคาบ้านมา 1 ล้าน นั่นการที่ ผมกู้มา 17 ปี สมมติว่าจ่ายดอกไป 6-7 แสนเอง ลองตีเป็นหนี้ 500 ล้าน นั่นเท่ากับ จ่ายดอกไป 60-70 ล้านตลอด 17 ปีเอง เป็นเรื่องปกติของธุรกิจ ทำยังกับว่า ถ้ามีเงินเพิ่มปีละ 60/17= 4-5 ล้านต่อปี แล้วมันจะดีไปกว่านี้
แฟนแมนยู : แต่อ่านข่าวว่า จ่ายปีละ 20บ้าง 40 บ้าง
ผม: ต้องไปดูครับ ว่ามีเงินต้นบ้างมั๊ย ไม่ใช่ดอกอย่างเดียว ต้องดูว่ามีหนี้ส่วนอื่นของแมนยูเองด้วยมั๊ยเช่นกัน แต่รวมๆ เอ้า ให้ปีละ 10 ล้านเลยที่เป็นดอก แบบเสียให้แบงค์ มันก็แค่ 10 ล้านอะนะ ค่าเหนื่อยโด้ ปีละ 25 ล้านยังแพงกว่าเลย ข่าวส่วนมากเขียนโดยสายกีฬาครับ ออกแนวปั่นใส่ไข่
มันจะเป็นไปได้ไง จ่ายดอกปีละ 30 ตลอด 17 ปี ก็ 500 ล้าน เท่ากับเงินที่กู้มา500 จ่ายดอก500 นี่เงินกู้คนทำธุรกิจระดับยอดปิระมิด ไม่ใช่ชาวบ้านซื้อมอไซ ขนาดชาวบ้านซื้อมอไซ ยังไม่ขนาดนั้นเลย คิดเองก็พอนึกออกครับ
แฟนแมนยู : แต่มันก็เป็นภาระรึเปล่า
ผม: ก็ซิตี้ ยังจ่ายปีละ 40 ล้านกับเงินกู้ก้อนดังกล่าวเลยครับ โลกทุนนิยม มันหมุนด้วยเครดิต เราอย่าไปอคติกับการเป็นหนี้ขนาดนั้น เอาว่ามองแค่ว่ากระทบต่อบริษัทไหม ซึ่งสุดท้าย ไม่ได้กระทบการซื้อตัว กระทบใดๆเลย
แฟนแมนยู : อย่างน้อยเอาเงิน ปีละ 4-5 ล้านนั่น มาซ่อม Old Trafford ก็ยังดี
ผม : เกลเซอร์ มองแมนยูเป็น คอนโด เค้าซ์้อ และถือไว้เฉยๆ อาจจะมีปล่อยเช่าแต่เอาค่าเช่ามาจ่ายค่าสว่นกลางประจำปี จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้บ้าง แต่ถือไว้เฉยๆ พอราคาขยับขึ้นและถึงจุดตึงตัว ก็ขายทำกำไร แค่นั้น แล้วเค้าจะลงทุนซ่อมแซมคอนโด ให้เรื่องมากความทำไม
ผม : ต้องบอกว่า เงินกู้ไม่ใช่ข้ออ้างที่แฟนแมนยู จะด่าเกลเซอร์ เพราะปริมาณเงิน มันไม่ได้มากระทบใดๆต่อการเติบโตของแมนยูเลย ไม่กระทบการซื้อตัว หรือการตัดสินใจ ต้องแยกประเด็นกัน
ถามว่ามันเลว อุบาทว์มั๊ย ก็ใช่ แต่จะมาพูดว่า (ถ้ามันไม่เสียดอกปีละ 5 ล้าน เสีย Divedend ปีละ 22 ล้าน รวมปีละ เกือบ 30 ล้าน) แล้ว แมนยูจะดีกว่านี้มาก จะยิ่งใหญ่และได้แชมป์ เพราะเท่าที่งบคงเหลือให้ได้จับจ่าย เกินกว่าพันล้าน เยอะสุดตลอด 10 ปี มันก็เหลือเฟือแล้วไงครับ
คือด่าเรื่องสันดาน หนะได้ แต่การที่ฟอร์มทีมแย่ แล้วมาลงกับเค้า มันไม่ได้ แต่ถ้าด่าว่ามึงไม่เอาเงินมาพัฒนาสนามที่ทรุดโทรม เอ้อก็ว่าไปอย่าง
ถ้าวันนี้ผมซื้อหุ้นตัวนึง (แล้วมีความเป็นเจ้าของ) แล้วแฟนบอลมาบอก ทำไมไม่ ลงเงินส่วนตัวเพิ่ม(ให้ตัวเองติดลบ) และห้ามเอาเงินปันผล ออกนะ(แม้จะน้อยนิด) ผมคงเซ็ง ฮ่า มันผิด model หนะครับ ธุรกิจฟุตบอล กับธุรกิจแสวงหากำไร มันไปด้วยกันไม่ได้ ไม่ได้ผิดที่ตัวบุคคลเลย อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง มันมีไว้ให้เอาเงินมาละเลง
แฟนแมนยู : แล้วมัน เอาdividend ไปกินตลอดมาเลย อ้วนพีเลย
ผม : โถ ลงทุน 17 ปี เวลานานขนาดนี้ มาได้ปันผล ปีละ 22 ล้าน กระจอกมาก เงินน้อยนิดทำมาบอก อ้วนพี แทบไม่ได้แคร์ไรเลย ปันผลบริษัทอื่น ยังได้เป็นเนื้อเป็นหนังกว่าอีก แล้วเพิ่งมาได้ตั้งแต่ปี 2016 เองนะ เบ็ดเสร็จถึงตอนนี้ได้ไปราว 100-120 ล้านเอง ลงทุน 17 ปี
แฟนแมนยู: มึงก็ถือแมนยูไว้กะขายราคาดีหนะสิ เพื่อทำกำไร
ผม : ลงทุนด้วยเงินเองไป 270 ส่วนที่เหลือกู้ ปกติเงินกู้ผมจะคิดด้วย เพราะถือว่าเป็นค่าเสียโอกาส แต่กรณีนี้ เงินกู้เค้ามาผลักภาระให้แมนยู เอาเป็นไม่คิดละกัน
คิดแค่ 270 ถ้าวันนั้น(2002,2003) ปาเงิน 270 เล่นๆใส่หุ้นใน Nasdaq หว่านแหเลย ปามั่วๆเลย ไม่ต้อง amazon apple หรอก ตอนนี้ ตลาดจะ growth 35 เท่า นั่นเท่ากับ 9450 ล้านบาท แต่ตอนนี้ถ้าขายแมนยู ตาม(shared)ก็ได้เงินแค่ 4พัน ล้านเอง คือมุมนักลงทุน มันคือการเปรียบเทียบทางเลือกครับ
ผม : สรุปเรื่องเงิน ไม่ได้สร้างความรำคาญใดๆให้บริษัท เหมือนเราหยิบมันมาใช้ด่า แต่ไม่ได้มีนัยยะใดๆเลยจริงๆ
แฟนแมนยู : โอเค เรื่องเงินจบหละ แต่ก็บริหารงานไม่ดีหนิ
ผม : ต้องเข้าใจ บริษัทโดยเฉพาะมหาชน ก่อนครับ ไม่ใช่บริษัทเล็กๆทั่วไป เจ้าของแต่งตั้งบอร์ด(ตัวแทน) ให้มาประชุม อาจจะไตรมาส ละหน กำหนดแนวทางภาพใหญ่ แต่คนที่บริหารทุกวี่ทุกวัน คือ ลูกจ้าง CEO เพราะงั้น เจ้าของก็ปล่อยให้ CEO รันบริษัทไป เป็นหลักสากลครับ และทางที่ดี เจ้าของไม่ควรเข้ามายุ่มย่ามใดๆเลยด้วยซ้ำ
ผม : ผมว่า CEO ก็ provide การสนับสนุนทุกอย่างนะ อยากได้โค๊ชคนไหน ให้โอกาสโค๊ชแต่ละคนนานพอ ให้เงินสนับสนุน พยายามดึงตัวนักเตะที่ต้องการ ให้อิสระในการเลือก
ยังจะเอาอะไรอีก?
ถ้าจะด่า ทีมบริหาร มีที่ผมเคยตอบไว้
1 การเซ็นต่อสัญญาโซลชา มันเป็นการประกาศให้ ผจก คนอื่นเค้าไม่รอ แทนที่จะ ไม่รีบเซ็นโซลชา โค๊ชคนอื่นเค้าก็วางแผนชีวิต เผื่อการเข้าคุม แมนยู
2 การซ์้อนักเะต เหมือนตามใจโค๊ช แล้วพอเปลี่ยนโค๊ช มันก็งงๆ เพราะต่างโค๊ช รสนิยมต่างกัน เหมือนซื้อของแต่งบ้าน ต่างคนต่างชอบคนละแบบ ต้องมีคนคุม Theme นั่นคือ DOF ซึ่งผมว่าเค้าทำได้ไม่ดีเลยจริงๆ
นอกนั้นผมว่า เค้าก็ทำเต็มที่ บริหารดีนะ แต่ผลลัพธ์ในสนามไม่เป็นใจ โค๊ชที่ดีแต่ละคน ผลงานออกมาไม่ดีเอง
ผมอ่าน บทความ เอกสาร ตัวเลข แมนยูมาพอควร ผมสรุปอันนึง น่าสนใจดี
นักเข่าวสายฟุตบอล จะทำข่าว ออกแนวเสี้ยมเกลเซอร์ การบริหาร ที่ทำให้ฟอร์มทีมแย่ แฟนบอลอ่านก็จะเกลียด มีอารมณ์
แต่นักข่าวสายไฟแนนซ์(เพราะแมนยูอยู่ในตลาดหุ้น) ซึ่งก็เหมือนนักวิเคราะห์หุ้น จะมองเรื่องทั้งหมด ว่าบริหารปกติดี ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกบริษัทมหาชนทั่วไป จะระบุว่าทั้งหมดเป็น Controversial คือยังถกเถียงและคลุมเครือ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เซอร์ลาออกไป นั่นคือแก่นของเรื่องนี้เลยที่ ทุกอย่างมันdown ลงมา ไม่ได้มาเล่นกับอารมณ์แฟนบอลอะไรเลย หุ้นเองก็ sideway มาตลอดตั้งแต่ต้น ไม่ได้ไปไหน (ซึ่งกับเวลานับสิบปี แค่มัน sideway นั่นก็เท่ากับเสียประโยชน์หละ)
สรุปแมนยู คนที่เกลียดกัน ที่ต้องมาอยู่ด้วยกัน
เกลเซอร์เกลียดแมนยู เพราะเป็นการลงทุนที่โดยเปรียบเทียบกับสินทรัพย์อื่น มันเฉยๆมาก
แฟนแมนยู เกลียดเกลเซอร์
ต่างคนต่างพอ ด้วยกันแล้วทั้งสิ้น
ผมมองว่า มูลค่าแมนยูตึงตัว น่าจะได้เห็นการขายแมนยู อยู่ที่จะมีผู้ซื้อแบบ (เอาจริง)รึเปล่า
เสริม อันนี้ของ ดีลอยท์ เทียบกับตัวเลขผมก็ค่อนข้างตรงกัน 18/8/65 ค่าแรงพนักงานในองค์กร/รายได้
Spoil
https://www.statista.com/chart/22002/premier-league-wage-burden/
: 0 ใบ
: 0 ใบ
My Locker
