ไล่โกล์นกแก้ว! 'คิงคาริม' กินนิ่มฟรีคิกส่งท้าย ราชันชนะหืด 3-1
คิงคาริม คาริม เบนเซม่า ยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในแนวรุกของ เรอัล มาดริด เมื่อทำ 2 ประตูท้ายเกม นาที 88 และ 90+10 พาทีมชนะเอสปันยอลแบบหืดจับ ในเกมที่เจ้าถิ่นต้องเหลือ 10 คนช่วงทดเจ็บหลัง เบนจามิน เลคอมท์ ถูกไล่ออกต้องใช้กองหลังอย่าง เลอันโดร คาเบรร่า มาเฝ้าเสาแทนจนโดนคิงคาริมฟรีคิกง่ายๆส่งท้ายไปอีกเม็ด
เอสปันยอล
Starting Formation: 4-2-3-1
12.
วินิซิอุส
68'
6.5
20.
เอดู เอ็กโปซิโต้
89'
7
7.
ฆาเบียร์ ปูอาโด้
78'
6
ตัวสำรอง
19.
ดานี่ โกเมซ
89'
6
21.
นิโคลัส เมลาเหม็ด
78'
6
8.
ไคดี้ บาเร่
68'
6
ลา ลีกา สเปน
สนาม RCDE สเตเดี้ยม
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2565
กรรมการ
เอสปันยอล
1
3
เรอัล มาดริด
0-1 วินิซิอุส จูเนียร์ 12'
2-1 คาริม เบนเซม่า 88'
3-1 คาริม เบนเซม่า 90+10'
เรอัล มาดริด ออกสตาร์ตซีซั่นผลงานยอดเยี่ยมชนะมาทั้ง 2 นัด ผิดกับเอสปันยอลที่เก็บได้แค่คะแนนเดียว
นัดนี้ คาร์โล อันเชลอตต เลือกใส่ชื่อ ออเรลิยอง เป็นตัวจริงแทนในตำแหน่งของ คาเซมิโร่ ที่เพิ่งย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนแนวรุกส่ง เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ประสานงานกับ คาริม เบนเซม่า และ วินิซิอุส จูเนียร์
ต้นเกมมาดริดครองบอลอยู่ข้างเดียว
ออกสตาร์ตเกมช่วงแรก เอสปันยอล แพคเกมรับเหนียวแน่นทันที เป็นเรอัล มาดริด ที่ต้องเดินเกมรุกเข้าใส่ ทีมเยือนครองบอลได้เยอะกว่าชัดเจน แต่โอกาสลุ้นยังไม่มีให้เห็น
ชูอาเมนี่จ่ายให้วินิซิอุสเบิกสกอร์แรก 1-0
ใช้เวลาไม่นาน เรอัล มาดริด ออกนำ 1-0 จาก ชูอาเมนี่ ไหลบอลให้ วินิซิอุส ซัดไม่ต้องจับเสียบเสาไกลเข้าประตูไป
โอกาสของวินิซิอุสซัดติดเซฟ
วินิซิอุส ใช้ความเร็วลากบอลลุยเข้าเขตโทษ ก่อนเลือกดีดด้วยขวาให้ เลคอมท์ ต้องออกแรงปัดข้ามคาน
เกมยังเป็นของมาดริด
ผ่านครึ่งชั่วโมง เกมก็ยังเป็นของเรอัล มาดริด เหมือนเดิม เอสปันยอลพยายามบุกเยอะขึ้น แต่ยังไม่ได้ลุ้น
วินิซิอุสมีโอกาสบวกเพิ่มอีกครั้ง
โอกาสของวินิซิอุสอีกครั้ง จากลูกชิปในกรอบเขตโทษ แต่บอลมันหลุดคานออกหลังไปนิดเดียว
โฆเซลูโขกหลุดกรอบนิดเดียว
เอสปันยอลมีลุ้นตีเสมอที่สุดจากลูกเตะมุม โฆเซลู เทคตัวได้สบัดโหม่งบอลหลุดเสาสองออกหลังแค่คืบเดียว
โฆเซลูเอาจนได้ซัดตีเสมอ 1-1
ต้านไม่อยู่ เอสปันยอลตามตีเสมอ 1-1 จากโฆเซลู วิ่งฉีกมารับบอลในกรอบ ยิงจังหวะแรกติดเซฟคูร์กตัวส์ ได้ซ้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่พลาด
เอสปันยอลกลับลงมาเล่นดีมาก
กลับมาเล่นครึ่งหลัง เอสปันยอลมาด้วยตวามมั่นใจ สร้างปัญหาให้เรอัล มาดริด เป็นอย่างมาก
คูร์กตัวส์ซูเปอร์เซฟช่วยชีวิต
งานเกือบเข้า โฆเซลู ได้ซัดจ่อๆ โชคยังดีที่คูร์กตัวส์ ปฏิกิริยาไวยื่นมือตามขึ้นมาบล็อคได้ทัน เป็นซูเปอร์เซฟของนายทวารเบลเจี้ยน
เลคอมท์ก็ซูเปอร์เซฟลูกยิง้บนเซม่า
เลคอมท์ก็โชว์ซูเปอร์เซฟ ลูกปั่นนอกกรอบกำลังจะเสียบเสาไกลของเบนเซม่า
เบนเซม่ายิงเข้าก็ล้ำหน้าอีก
คามาวิงก้า ควบพาบอลจากแดนตัวเองสวนกลับ ลูกไปจบที่โครสกึ่งยิงกึ่งผ่านโดนขาเบนเซม่า เป็นคนสุดท้ายเข้าประตูไป
แต่ VAR ปฏิเสธให้สกอร์เพราะเบนเซม่าล้ำหน้าอยู่หน่อย
มาดริดพยายามเต็มที่ก็ยังยิงไม่ได้
เข้าช่วง 10 นาทีสุดท้าย เรอัล มาดริด เร่งเครื่องเต็มที่แล้วก็ยังยิงกลับขึ้นไปนำไม่ได้ วันนี้เอสปันยอลมาดีมาก
เบนเซม่าเอาจนได้ยิงขึ้นนำ 2-1
เรอัล มาดริด เอาจนได้ซัดขึ้นนำ 2-1 จากคนดีคนเดิม เบนเซม่า ลอยตัวมาแต่ไกลแปลูกเปิดของโรดรีโก้ จากกราบขวาเข้าประตูไป
โรดรีโก้ยิงเข้าแต่ล้ำหน้า
โรดรีโก้ มาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายอีกลูก แต่เขาอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ไม่ได้ประตู
ประตูเอสปันยอลถูกใบแดงไล่ออก
ผู้ตัดสินต้องวิ่งไปเช็ค VAR จุดที่เลคอมท์ไปหวดเซบาญอส จังหวะก่อนเปิดให้โรดรีโก้ยิง
ก่อนให้ใบแดง และเสียฟรีคิก
เอสปันยอลต้องเอากองหลังไปเป็นประตู
เอสปันยอลเปลี่ยนตัวครบแล้ว คาเบรร่า กองหลังต้องมาทำหน้าที่ผู้รักษาประตูแทน
เบนเซม่าฟรีคิกกินนิ่ม 3-1
เบนเซม่า ซัดฟรีคิกเอง ไม่ต้องมุมมาก เน้นเข้ากรอบ จริงๆลูกไม่ยาก แต่คาเบรร่า ไม่ใช่มืออาชีพจึงเซฟไม่ทัน มาดริดขยับหนี 3-1
ทดเจ็บไป 12 นาที จบเกมเรอัล มาดริด เป็นฝ่ายชนะไป 3-1
เรอัล มาดริด
Starting Formation: 4-3-3
17.
ลูคัส บาซเกซ
85'
6.5
8.
โทนี่ โครส
80'
6.5
10.
ลูก้า โมดริช
58'
6
15.
เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้
58'
6
ตัวสำรอง
19.
ดานี่ เซบาญอส
80'
6.5
2.
ดานี่ คาร์บาฆาล
85'
6
21.
โรดรีโก้
58'
7
12.
เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า
58'
7
แก้ไขล่าสุดโดย iPanic เมื่อ Mon Aug 29, 2022 05:28, ทั้งหมด 23 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
: 0 ใบ
My Locker