[RE: บอกลุ้นแชมป์ แต่ใช้เงิน5ล้าน มันใช่เหรอ]
Kobe24 พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
Kobe24 พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
Kobe24 พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
จริงๆเทียบการใช้เงินกับน่อล,แมนฯยูฯผมว่าก็ไม่ค่อยตรงคู่เท่าไหร่ฮะ
ทีมที่กำลังใช้งบเพื่อสร้างใหม่ กับทีมที่ stable แค่ต้องใช้เงินเพื่อ maitainance ไม่ให้ drop ลง งบมันใช้ต่างกันอยู่ละฮะ
(อย่างน่อลถ้าเป็นรูปเป็นร่างเมื่อไหร่ ผมว่าปีต่อๆไปก็ไม่จ่ายเยอะละ..เจ้าของทีมเค้าก็บริหารแบบเดียวกับ FSG นั่นล่ะฮะ)
ถ้าเทียบแบบนี้ ปีนี้ซิตี้ฯติดลบเลยนะ ยิ่งแย่กว่าอีก..ใช่ไป 104 ล้าน ขายไป 164 ล้าน ซึ่งก็ตามเหตุตามผลคือทีมเค้าสมบูรณ์อยู่แล้ว
จริงๆจะว่าไปซิตี้ของเป๊บเองก็ใช้วิธีการจัดการไม่ต่างจากเราเท่าไหร่ ตำแหน่งไหนมีอยู่แล้วก็ไม่ซื้อเพิ่ม ตำแหน่งไหนขาดค่อยซื้อ
อย่างที่ยูส FOLDEN พิมพ์ไปคือขายออก 4 ก็เติมเข้ามา 4 ไม่ต้องเผื่อใครแก่ใครเจ็บ ตัวไหนไม่ไหวจริงๆก็รอขายแล้วค่อยซื้อเพิ่ม
แต่ด้วยคุณภาพเม็ดเงินตัวที่เค้าเติมเข้ามา เมื่อเทียบตำแหน่งต่อตำแหน่ง มัน premium กว่าหงส์ก็เท่านั้น ธรรมชาติของทีมที่รวยกว่า
ผมยังมองเรื่อง process ของทีมสำคัญกว่าจำนวนเงินซื้อผู้เล่นเหมือนเดิมอ่ะฮะ..มันประกอบด้วยงานเบื้องหลังหลายๆส่วน
(แน่นอนว่าทีมซื้อ-ขายก็อยู่ในนั้น แต่มันยังมีทีมวิเคราะห์, ทีมแพทย์, ทีมวางแผน, ทีม scout ฯลฯ ประกอบอีกเยอะ)
ถ้า process มันยังไปถูกทางอยู่ ผลลัพธ์อยู่ที่กราฟของทีมมันไม่ได้สาละวันเตี้ยลง อาจจะมีอุบัติเหตุสะดุดบ้าง ก็ยังพอรับได้
ซึ่ง process ที่คลอปป์กรอกใส่หูตั้งแต่วันแรก คือแกให้ความสำคัญกับการฝึกซ้อมมากกว่าการซื้อ และ 4-5 ปีที่ผ่านมาผลลัพธ์ก็ไม่แย่
แต่ถ้า process ผิด(ขออภัยแฟนทีมแมนฯยูฯที่พาดพิงนะฮะ) ทุ่มหลักร้อยล้านมาหลายปีละ แต่ยังไม่เห็นเป็นรูปร่าง แบบนี้ที่น่าบ่น
หรือถ้าจบฤดูกาลนี้แล้ว ผลงานพิสูจน์ว่ามันไม่ดี มาผิดทาง แล้วไม่คิดจะแก้ไขอะไร ยังผิดซ้ำซาก..ตอนนั้นก็สมควรที่จะโดนบ่นแหละฮะ
ปล. จริงๆก็ย้ำทุกเมนต์ว่าผมก็เป็นคนนึงที่อยากได้เพิ่ม(โดยเฉพาะกลางนี่เห็นๆว่าน่าจะเกิดปัญหา) แต่ถ้าไม่ได้ แล้วมีเหตุผลรองรับ
มีตัว benchmark จากทีมคู่แข่งที่ทำให้เข้าใจหลักการณ์ได้ ผมก็ไม่รู้จะบ่นอะไรเพิ่ม (คือมันอาจไม่ถูกใจ แต่มันยังไม่ถึงขั้นไม่ถูกต้อง)
เห็นด้วยเลยที่บอกว่า ซิตี้ช็อปนักเตะได้พรีเมี่ยมกว่า ผมว่านั่นแหละคือคีย์ของความแตกต่าง ยอมรับครับว่า process สำคัญและทำให้ลดช่องว่างด้านคุณภาพนักเตะได้ แต่ผมว่ามันแค่ดูใหม่ดูล้ำในสายตาเรามากกว่า มันก็แค่ดีขึ้นจากยุคก่อนๆมากเป็นปกติเพราะเทคโนโลยีสมัยนี้ก็ล้ำ ทั้งเรื่องใช้big data , neuroscience, training toolsต่างๆ แต่บริษัท outsourceเหล่านี้คงไม่ทำให้เราทีมเดียวนะครับ ทีมอื่นเคัาก็มี
ผมกลับมองว่าสิ่งที่สร้างอิมแพคจริงๆเลยคือโค้ช และนักเตะ เพราะคือคนที่อยู่ในสนาม ส่วนตัวคิดว่ามันเหมือนจะห่างกันแต้มเดียว แต่ผมว่าเรางัดทุกอย่างที่เรามีออกมาใช้หมดแล้วแต่ยังไม่พอ ความต่างคือซิตี้มีนักเตะระดับเดอบรอยที่สามารถพลิกสถานการณ์จากเป็นรองให้กลับมาเป็นต่อได้ในหลายๆเกม จริงอยู่เค้าไม่ได้ทำคนเดียว แต่เราก็รู้ว่าความต่างของมูลค่านักเตะบนโลกมันก็มาจากจังหวะสุดท้ายนี่แหละ ซึ่งในทีมเราเป็นใครล่ะที่จะทำแบบนี้ได้.. สมมุติถ้ามีนักเตะแบบน้องๆเดอบรอยซักคนอยู่ในทีมแล้วทำให้เกมตันๆเปลี่ยนจากเสมอมาเป็นชนะได้ ผลลัพธ์ก็เปลี่ยนแล้ว เหมือนตอนที่เราได้ฟานไดค์กับอลิซซอน แฟ้บมา หลังเหนียวขึ้นชัดเลยในระยะเวลาอันรวดเร็ว มันเลยชี้ให้เห็นว่าคุณภาพนักเตะสำคัญและได้ผลเร็วกว่า processอีก (ไม่ไดับอกว่าไม่สำคัญนะ) เชลซียุคเสี่ยหมีซื้อนักเตะเก่งๆมาเยอะ พอเปลี่ยนโค้ชใหม่ บางทีใช้เวลาปีเดียวก็พาทีมคว้าแชมป์ลีคแล้ว แมนซิเป๊ปมาปีแรกก็ไม่แชมป์จนคนบอกโดนพรีเมียร์รับน้อง พอปีถัดมาซื้อเข้ามาหลายตัว แชมป์เลย แล้วหงส์ล่ะนโยบายดี ระบบดี โค้ชเทพ หลังบ้านดี ขาดอีกนิดเดียว จะopขนาดไหน มีโอกาสแล้วก็น่าจะรีบฉวยโอกาสไว้ แต่หลายทีที่ปล่อยโอกาสที่จะก้าวข้ามแมนซิไปแบบน่าเสียดาย
ส่วนตัวผมว่าผลงานมันพิสูจน์มาตลอดแล้วว่า gapแค่นิดเดียวมันมีค่ามหาศาล และเป็นบทเรียนมากพอที่จะบ่นได้ ไม่ต้องรอจบฤดูกาลนี้หรอก ปีที่แล้วเราได้แชมป์ถ้วย2 ใบ ยิงประตูในเวลาไม่ได้นะครับ ผมว่านับตั้งแต่เราเปิดซิงได้ EPL ในยุคคล็อป เราก็มีโอกาสต่อยอดความสำเร็จได้อีก และสิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมคือ เสริมทัพนักเตะ (ต่อให้คุณเสริมหลังบ้านยังไงแต่นักวิทย์ นักประสาทวิทยา โค้ชทุ่ม โค้ชโกล์ ทีมสถิติไม่ได้ลงมาเล่นหน้างานด้วยครับ การตัดสินใจแต่ละจังหวะเป็นของนักเตะ นักเตะที่ดีตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายได้ดี แค่นั้น) คงไม่ต้องรอให้พลาดแชมป์อีกปีแล้วถึงบอกว่าการบ่นเป็นสิ่งสมเหตุสมผล แล้วที่สำคัญคือบ่นกันเองไม่ได้ไปบ่นให้เค้าเสียกำลังใจด้วย แต่บางทีเห็นบางคนเหมือนจะอกแตกตาย ใจสลายเวลาเห็นคนด่าทีม ออกมาเซฟกันใหญ่ ก็แค่วิจารณ์ไหม555
แล้วก็
ยกให้แมนยูเค้าไว้ทีมนึงเถอะครับ ทีมอื่นใช้เงินเยอะแล้วสำเร็จก็มีเยอะแยะนะ เห็นหลายคนเวลาจะบอกว่าการซื้อไม่ใช่ทุกอย่างชอบอ้างแมนยู
คือตามความเห็นของผม มันไม่ได้มีหลักอะไรที่รับประกันได้ว่าใช้เงินเพิ่มอีกจะทำลาย gap และแซงซิตี้ฯได้แน่ๆอ่ะฮะ
ความเป็นจริงคือมีอีกหลายทีมด้วยซ้ำ ที่ทุ่มเงินเสริมเพิ่มขึ้นแท้ๆ ตัวหลักก็อยู่ครบ ตัว WC ก็เข้ามา..แต่อันดับกลับแย่ลงกว่าก่อนซื้ออีก
เพราะองค์ประกอบมันมีหลายอย่าง ก็อย่างที่ผมพิมพ์แหละฮะ ผู้เล่นก็สำคัญ แต่ส่วนอื่นๆก็สำคัญไม่แพ้กัน
(ท่านจะเชื่อว่าการซื้อตัวมีผลก็ไม่ผิด แต่ถ้าทางทีมงานจะเชื่อว่าเรื่องอื่นมีผลมากกว่า ก็ต้องแฟร์กับทางนั้น และให้ผลลัพธ์พิสูจน์อ่ะฮะ)
ผมเอาทีมอื่นที่ไม่ใช่แมนฯยูฯก็ได้นะฮะ ลองดูตามลิงค์ Total Expenditure ตั้งแต่ปี 2016/17 ซึ่งเป็นปีแรกที่คลอปป์และเป๊ปลงตลาด
ที่มา: https://www.transfermarkt.com/premier-league/einnahmenausgaben/wettbewerb/GB1/plus/0?ids=a&sa=&saison_id=2016&saison_id_bis=2022&nat=&pos=&altersklasse=&w_s=&leihe=&intern=0
จนถึงปัจจุบัน ทีมที่ใช้เงินมากกว่าหงส์มีทั้ง เชลซี,น่อล,แมนฯยูฯ (รวมทั้งซิตี้) โดยเฉพาะเชลซีเองใช้เงินมากกว่าซิตี้อีกด้วยซ้ำ
ก็ยังไม่มีทีมไหนที่ประสบความสำเร็จในการแซงหน้าซิตี้ได้ซักทีม ถูกต้องมั๊ยฮะ..นี่ขนาดยังไม่ใช้วิธี balance ซึ่งหักรายรับนะฮะ
ถ้าใช้วิธี balance นี่กลายเป็นว่ามีทีม net spent มากกว่าหงส์เป็น 10 ทีม..แต่ผลงานก็ไม่ได้แปรผันตรงกับการใช้เงินเช่นกัน
คือที่ยกมาไม่ใช่ว่าภูมิใจอยากได้แชมป์จ่ายเงินน้อยนะฮะ..(ผมเห็นหลายคนชอบประชด เหมือนกับว่ามีบางคนภูมิใจมากที่ทีมใช้เงินน้อย)
แค่ต้องการจะสื่อประโยคที่ผมพิมพ์อันแรกสุด..ว่าเงินเสริมทีม บางทีก็ไม่ได้แปรผันกับผลงานเลย ไม่ใช่แค่กับแมนฯยูฯ ทีมอื่นๆก็เช่นกัน
ดังนั้น ไอ้การบ่นทีม บ่นผู้เล่น บ่นบอร์ด หรือแม้แต่บ่นคลอปป์ ผมไม่เคยมีปัญหาเลยฮะ..หลังเกมส์ผมก็บ่นบ่อยมาก
เพราะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนแล้วว่าเล่นห่วย วางแผนไม่ดี เปลี่ยนตัวช้า หรือนอกสนามเช่นมัวแต่ต่อราคาจนโดนทีมอื่นฉกเป้าหมายหลัก
อะไรก็ตาม ที่มัน prove ออกมาแล้วว่าตัดสินใจผิด ทำพลาด ก็สมควรถูกบ่นนั่นแหละฮะ..เพราะพวกนี้คือผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับผลงาน
แต่กับอะไรที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่บ่นกันเหมือนผลลัพธ์มันออกมาเรียบร้อยแล้วว่าสอบตก ไม่ได้เป้าหมายตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ก่อนเปิดฤดูกาล
(และที่สำคัญคือ ทุกๆปีที่ผ่านๆมา ที่บ่นตลอด สุดท้ายผลงานมันก็ผ่านเกณฑ์นะฮะ ยกเว้นแต่เราตั้งเกณฑ์ว่าต้องล้มซิตี้ทุกปี)
ผมว่ามันก็ไม่ค่อยแฟร์กับคนที่โดนบ่นเท่าไหร่ แค่นั้นเองฮะ
1) แทบไม่ต้องยกสถิติมาเลยครับ หลับตาก็นึกออกมาตั้งแต่เสี่ยหมีมาคุมใช้จ่ายเยอะกว่าเรา ได้EPLไปกี่ครั้งแล้ว แมนซิได้EPLมากี่ครั้ง เอาแค่สองทีมนี้พอ แต่ถ้าพูดถึงระดับโลก ทีมอันดับ1-2 ในลีคก็มักจะเป็นผู้นำด้านการใช้จ่ายด้วยทั้งนั้น แทบจะ95%เลย คงไม่ต้องยกตัวอย่างทีมชั้นนำในลีคต้นๆของโลกนะครับ ท่านนึกดูเองได้ ย้อนกลับไปดูก็ได้ถ้าคุณดูบอลทัน มาดริด บาร์ซ่า ครองโลก เค้าจ่ายกันยังไงแล้วเค้าเป็นเบอร์ไหนของโลก แบบ All time
2) “แต่กับอะไรที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่บ่นกันเหมือนผลลัพธ์มันออกมาเรียบร้อยแล้วว่าสอบตก” >>> ผมว่าผลลัพธ์ที่ผ่านมาก็ออกมาแล้วนะว่าชวดแชมป์ใหญ่ แต่จะนับถ้วยเล็กๆที่ทีมอื่นเค้าได้กันจนชินแล้วก็ไม่เปนไร แต่ผมว่าคนที่เค้าบ่นเนี่ยก็แค่ความหงุดหงิดละมั้งครับ บ้างก็แค่pushอยากให้ไปต่อ เพราะเห็นgapมันนิดเดียว แล้วดูเกมละเอียดๆก็รู้ ว่าทีมขาดอะไร ใจจริงเค้าก็รักทีมเหมือนกันทั้งนั้นแหละ เผลอๆบางคนจะรักและspentให้ทีมมากกว่าคนที่ออกมาปกป้องทีมงาน หรือเข้าใจไปซะทุกอย่างด้วยซ้ำ
3) อย่าเปราะบางเลย ไม่แฟร์อะไรอ่ะครับ นี่มันคอมมูนิตี้ครับพูดคุยกันได้ เค้าไม่ได้ส่งนกพิราบไปหน้าบ้านJKแล้วด่าสาดเสียเทเสียให้JKเสียกำลังใจนะ ครับ คือบ่นไปแล้วเค้าไม่ได้ยินมันก็โอเคหนิ แฟนบอลก็ได้ระบายได้แลกเปลี่ยน ทีมงานก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร มีแต่เท่าที่เห็นขะทำให้แฟนบอลบางกลุ่มเป็นเดือดเป็นร้อนแทน และแสดงออกเหมือนอกจะแตกตายที่เห็นทีมโดนด่า
4) ปีที่ได้แชมป์ ที่มีคนด่าก่อนว่าไม่ซื้อ พอจบฤดูกาลได้แชมป์ทั้งที่ไม่ซื้อ เห็นเม้นท์คุณบอกทำไมไม่ไปขอโทษ ผมนี่ขำมาก ต้องขอโทษอะไรก่อน แล้วเค้าผิดอะไรต้องไปขอโทษ อย่างมากก็แค่ “เอ้า แชมป์เว้ย แม่งทำได้ว่ะเจ๋งจริง” แล้วก็ดีใจ ก็แค่นั้น ทำไมอ่ะสะใจหรอที่เค้าได้แชมป์ตบหน้าพวกที่บ่น จิตใจเป็นแบบไหน แล้วไม่ดูหรอว่าปีถัดๆมาแมนซิมี reactionยังไง ไม่คิดว่าแมนซิเรียนรู้อะไรบ้างหรอ( จากgapนิดเดียว) ไม่คิดว่าเค้าจะstrengthen squadเค้าหรอ สำหรับผมไม่คิดว่าจะเป็นแบบเดิมนะ(ที่ไม่ซื้อแล้วแชมป์) คงไม่ต้องรอให้ว่าวอีกปีแล้วค่อยบ่นได้
( โชคดีที่ผมยังไม่เข้าบอร์ดเลย ไม่ได้ด้อยค่าทีมว่าจะไม่ได้แชมป์ ปีนี้ก็เช่นกัน )
5) ผมว่าคนที่บ่นนี่ ไม่ค่อยเห็นคนบ่นfsgในทุกสิ่งที่fsgทำนะ ส่วนมากก็แค่ชอบแนวทางนี้แหละ ชื่นชอบการซื้อขายทีมโดยรวม แต่อยากให้จ่ายมากขึ้นบ้าง ไม่เห็นมีใครบอกว่าต้องเอานักเตะระดับ100ล้านปอนด์เข้ามา2-3 คน เท่านั้นถึงจะแชมป์ แต่ก็แค่ซื้อในนำแหน่งที่ขาดซะทีเถอะ เช่นกลางรุกเก่งๆ กลางรับทดแทนฟาบิณโญ่ หน้าเป้า มันมีเหตุผลในการบ่นอยู่นะ ไอ้เหตุผลที่ขะซื้อไม่ได้ คนเค้าก็รับรู้อยู่หรอกแต่แค่ยังไม่เห็นมันเกิดขึ้น เค้าก็เลยยังบ่นต่อ แล้วที่เห็นมัน repeat บ่นไม่หยุด มันก็บางทีคนคิดเหมือนกันเยอะ สลับกันโพสต์ ตั้งมู้มันเลยดูเยอะ มันเลยอาจไปกระทบกระเทือนจิตใจใครบ้าง ซึ่งผมว่าผมเริ่มรู้สึกว่า แตะแทบไม่ได้เลย ไม่แปลกที่แฟนทีมอื่นเค้าจะ stereotype แฟนทีมเราว่า “ทีมนางเอก”
สรุป ผมไม่คิดว่าการบ่นทีม ด่าทีม มันเป็นเรื่อง nonsense ใดๆ
Edit มันไม่ได้เป็นเรื่อง nonsenseใดๆ*
1. คุยกันด้วยข้อมูลดีกว่าครับ อย่าเอาแต่ความรู้สึกหลับตานึกเอา..อันนี้เป็นข้อมูลของลาลีกา (ที่ท่านอ้างอิงถึงมาดริด บาซ่า)
https://www.transfermarkt.com/laliga/einnahmenausgaben/wettbewerb/ES1/plus/0?ids=a&sa=&saison_id=2016&saison_id_bis=2022&nat=&pos=&altersklasse=&w_s=&leihe=&intern=0
นั่นล่ะฮะ อันดับ 1 ของยุโรปที่เพิ่งตบเรามา ในช่วงเวลาเดียวกัน Total Expenditure น้อยกว่าเราอีก..Madrid 701.75 M / Liv 703 M
ยิ่ง balance นี่ยิ่งห่างชั้นไปเลย ของเค้า 5 ปีหลัง net spent เป็นสีเขียว ว่ากันตรงๆคือซื้อน้อยกว่าขายด้วยซ้ำ
(นี่ยังไม่พูดถึงบาซ่าที่ใช้เงินทะลุปรอทแต่ความสำเร็จสวนทางกันเละเทะ หรือ แอต.มาดริดที่ใช้เงินมากกว่ามาดริดแต่ทำไมยังแซงมาดริดไม่ได้อีกนะฮะ)
สิ่งที่ผมพยายามสื่อ (นี่พิมพ์ซ้ำอีกรอบนะครับ) คือในยุคนี้มันไม่มีหลักประกันหรอกฮะว่าใช้เงินเท่านั้นเท่านี้ ซื้อคนนั้นคนนี้มาเพิ่ม
แล้วมันสามารถลด gap แบบที่ท่านว่าได้แน่ๆ..เพราะปัจจัยมันเยอะมาก ทีมที่ซื้อเยอะแต่สุดท้ายผลงานถอยลงไป ก็มีให้เห็น
ย้ำอีกครั้งว่าไม่มีใครถูกผิด เสียเงินเติมผู้เล่นแล้วอาจจะลด gap ขึ้นไปสูสี หรือแซงซิตี้ได้ตามสมมติฐานของท่านก็ได้นะฮะ..
แต่เมื่อทีมงานเค้าคิดว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น เค้าก็เลยเลือกลองที่จะใช้วิธีอื่นก่อน (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ซื้อเลย)
ซึ่งมันก็ต้องดูผลลัพธ์ว่าวิธีที่เค้าใช้มันได้ผล หรือ ล้มเหลว ใช่มั๊ยฮะ..ซึ่งสำหรับผมตอนนี้ผลลัพธ์มันยังไม่ออก ก็แค่นั้น
2. สรุปทุกวันนี้คนที่บ่นกันเรื่องความดื้อของคลอปป์ และความงกของบอร์ด..นั่นคือบ่นเพราะปีก่อนเราพลาดไป 2 แชมป์ใหญ่หรอครับ?
ผมเห็น feedback หลังจบนัดชิง(หรือแม้แต่ก่อนนัดชิง) ส่วนใหญ่บอกว่าพอใจ มาได้ขนาดนั้นถือว่าเกินความคาดหมาย
(ซึ่ง indicator คำว่าพอใจ สำหรับผมก็คือสิ่งที่ทำมานั่นสอบผ่าน..ไม่ว่าจะซื้อโกนาเต้แค่ตัวเดียว หรือเสริมดิอาซช่วง ม.ค.)
หรือที่บอกพอใจ โอเคกัน นั่นคือแค่ปลอบใจตัวเอง แก้เขิน กลัวทีมอื่นล้อ..อันนี้คือผมเข้าใจแฟนทีมตัวเองผิดหมดเลยนะแบบนั้น
ผมเข้าใจมาตลอดว่าที่บ่นเพราะกลัวว่า"ปีนี้" จะไม่ได้ลุ้นแชมป์ หรือจะหลุด top 4 ซะอีกก็เลยบ่นกัน..ก็เลยบอกว่าดูผลลัพธ์ก่อนดีมั๊ย
ถ้าสรุปกันว่า คนที่บ่นคือไม่พอใจผลลัพธ์ปีก่อน ชิง 4 ได้แค่ 2 ถ้วยเล็ก(ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้ว) ก็เลยบ่น ผมจะได้ปรับความเข้าใจใหม่..
3.ไอ้คำว่าไม่แฟร์ที่ผมจะสื่อ ไม่ได้จะปกป้องใครนะฮะ (ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่หุ้นส่วน จะปกป้องทำไม)
มันคือ การออกความเห็นว่าไม่แฟร์ที่จะตัดสินใคร..เช่น สมมติวันนี้มีคนบ่นผู้ว่าฯกทม. ว่าไม่เห็นแก้ปัญหา กทม.อะไรได้เลย
ผมและคนอื่นๆก็ออกความเห็นว่า เฮ้ย บ่นแบบนี้ไม่แฟร์นะ เค้าเพิ่งรับตำแหน่งแค่เดือนเดียว..รอดูผลงานก่อนอีกซักหน่อยดีมั๊ย
อันนี้ก็ไม่ได้เดือดร้อนแทนผู้ว่าฯป่ะฮะ..แค่แสดงความเห็นว่า การติ,บ่น ช่วงเวลานี้ เป็นความเห็น,คำตัดสินที่ไม่แฟร์แค่นั้นเอง
เกี่ยวอะไรกับเปราะบาง? ฝั่งนึงออกความเห็นติหรือบ่นได้ แต่อีกฝั่งห้ามออกความเห็นหรอฮะ?
4.กลับไปอ่านอีกรอบให้ชัดๆนะฮะ..ผมไม่ได้ mention ถึงคนที่ติ,บ่น..แต่ผม mention ถึงแฟนบางคนที่ไปโควทแขวะเค้า
ผมเห็นเคยมียูสบางท่านยกตัวเลขมาอธิบาย แสดงความเห็นว่าทำไมทีมถึงไม่ซื้อเพิ่ม..คุยกันด้วยเหตุด้วยผล
แล้วถูกคนบางประเภท (ก็ประเภทกูอยากติอยากด่า พอโดนขัดด้วยข้อมูลแล้วไม่พอใจนั่นล่ะฮะ) ไปแขวะยูสนั้นว่าเป็นนักบัญชีบ้าง
แซะเป็นติ่ง,ไข่ FSG บ้าง ไปด่าเค้าว่าไม่อยากให้ทีมเจริญ พอจบปี ผลงานทีมถือว่าน่าพอใจในระดับนึง เงียบกริ๊ป เนียนฉลอง
ไอ้ที่เคยโควทแซะเค้าเรื่องติ่ง,ไข่ ทั้งๆที่เค้าก็แค่จะอธิบาย และจะสื่อว่ามันยังไม่ผิดทาง นี่จำไม่ได้ ไม่ขอโทษ ด่าแล้วด่าเลย
ผมไม่เคยสะใจที่ทีมสำเร็จแล้วไปตบหน้าพวกที่ด่าต้นปีเลยนะฮะ ไม่งั้นคงได้ตบเกือบทุกปี..คือคิดว่าเราก็เชียร์ทีมเดียวกัน จะทำเพื่อ?
แต่เห็นมีหลายคน เหมือนสะใจที่จะได้ตบหน้าคนอื่น เวลาทีมพลาด..เออแปลกมาก เหมือนรอแช่งให้ทีมพลาดจะได้ออกมา
ท่านลองไป searchได้เลยฮะ..ช่วงที่ทีมสำเร็จ มีใครเคยตั้งมู้ทับถมพวกเดียวกันรึเปล่า ว่า"งัยล่ะ..ไอ้พวกเคยด่าทีม มุดรูไปไหนหมด"
แต่ท่านรอดูทีมพลาดซักนัด หรือผลลัพธ์ปลายฤดูกาลไม่ดีมั๊ยฮะ..ว่าจะมีมู้จากคนอีกประเภทที่รอออกมาย่ำแฟนทีมเดียวกันมั๊ย
5.คนที่เค้าแขวะเราเป็นทีมนางเอก ไม่ใช่ตอนที่ตีกันเรื่องนโยบายของทีมหรอกฮะ..เค้าเห็นตอนเราแพ้ โดนล้อแล้วเปราะบางมากกว่า
ยูสแบบลื่น,เล้า ถึงได้มีตัวตนในบอร์ดงัยฮะ..เพราะแฟนทีมเราชอบดีดดิ้นเวลาแพ้เนี่ยแหละ โทษนั่นโทษนี่ไปเรื่อย
ยิ่งโดนล้อยิ่งออกอาการ ทนไม่ได้ เค้ายิ่งสนุกฮะ..ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องปกป้องโค้ชหรือทีมงานเลย
ผมก็สรุปแบบเดียวกับท่านอ่ะฮะ..ในเมื่อคิดว่าการบ่นด่าเป็นเรื่องไม่ nonsense ก็ไม่ควรจะไปปิดกั้นความเห็นจากคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ถ้าฝั่งนึงมีความเห็นว่า แย่แน่ๆไม่เสริมทีม พลาด,โง่,งก,ดื้อ,อีโก้ ฯลฯ แบบนี้ผลลัพธ์เลวร้ายแน่นอน (ว่าวแชมป,หลุด top4)
อีกฝั่งก็ควรมีสิทธิ์ในการแสดงความเห็นว่าทำไมทีมงานถึงทำแบบนั้น หรือเห็นว่าอย่าเพิ่งรีบตัดสิน รอดูผลลัพธ์ก่อน ถ้าห่วยจะช่วยด่า
โอ้ย แล้วทำไมถึงยกข้อมูลมาแค่ช่วงเวลาเดียวล่ะครับ คุณเองก็ดูบอลมาเกิน10ปีไม่ใช่หรอ บางทีก็ไม่ต้องเอาข้อมูลมาเถียงข้างๆคูๆก็ได้นะครับ ผมเองก็เป็นสายข้อมูลแต่เรื่องแต่นี้ผมทั้งขี้เกียจแล้วก็ไม่มีเวลาจะไปหาข้อมูลมาเถียงในเรื่องที่มันชัดอยู่แล้ว ในยุคนี้เรายังต้องมานั่งเถียงกันอีกหรอครับว่าการใช้จ่ายซื้อนักเตะมันมีผลกับการลุ้นแชมป์แค่ไหน ยอมรับดีกว่ามั๊ยครับง่ายดี ผมเองก็ไม่ได้บอกว่าถ้าซื้อแล้วมันจะแชมป์แน่ๆพันล้านเปอร์เซนต์ แต่ถามว่าช่วยลดgap มั๊ยมันช่วยแน่ แน่นอนองค์ประกอบมันมีตั้งหลายอย่างอยู่แล้วครับ การซื้อนักเตะก็เป็นส่วนนึง งั้นผมถามกลับ ถ้าการซื้อนักเตะมันไม่ช่วยลดgap แล้วการไม่ซื้อมันช่วยลดหรอครับ? งั้นผมตั้งโหวตดีมั๊ย เอาคำถามสั้นๆได้ใจความว่า คุณคิดว่าการซื้อนักเตะเกรดAมาเสริมทีมช่วยลดช่องว่างกับคู่แข่งได้หรือไม่?? เอามะ
“แต่เมื่อทีมงานเค้าคืดว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น เลยเลือกลองวิธีอื่นก่อน”>> เค้าทำควบคู่กันมาตลอดอ่ะครับ และสำหรับผมผลลัพธ์มันออกมาหลายฤดูกาลแล้ว แต่แน่นอนผลลัพธฺฤดูกาลนี้มันยังไม่ออก เพราะมันเพิ่งแข่งไปสองนัด อันนี้กำปั้นทุบดินมาก >> ก็นี่ก็เป็นเรื่องที่บ่นด้วยแหละครับ ในเมื่อหลังบ้านเทพแล้ว ลองด้านอื่นแล้ว เหลืออีกสิ่งที่จำได้คือการซื้อตัว
2. ผมเองก็เป็นคนโพสต์ว่าsurpriseที่ทีมมาได้ขนาดนี้ครับที่ได้ลุ้น4 แชมป์ และตอบโต้แฟนผีไปบางส่วนที่มาแขวะว่าถ้วยเล็กมาทำแห่ ผมยังใช้คำว่า จะมาด้อยค่าความสำเร็จไม่ได้หรอก คุณทำอะไรคนที่เค้ากำลังมีความสุขไม่ได้(แฟนบอล) แต่เราก็เห็นความเห็นหลากลายครับ
>>> ทำความเข้าใจใหม่ก็ได้ครับ หรือจะเรียกว่าเพิ่มความเข้าใจใหม่เข้าไปอีกอันก็ได้ ว่าคนที่เค้าบ่นกัน เพราะ 1) เสียดายที่พลาดแชมป์เมเจอร์ปีก่อนๆไปทั้งที่มีโอกาส 2) เกรงว่าปีนี้จะเป็นแบบนั้นอีกด้วยสภาพทีมต่างๆนานาที่เราเห็น เลยบ่นว่าอยากให้add quality to squad ก็แค่นั้น
3. ผมว่าคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสิน ว่ามันไม่แฟร์เหมือนกันนะ ปล่อยให้เค้าได้บ่น ระบาย วิจารณ์ไปเถอะ
*** คนที่เค้าบ่น เค้าบ่นทีม บ่นผจก.ทีม บ่นfsg แต่…
*** คนที่ซัพพอร์ท ปกป้อง เข้าใจในความคิด เห็นด้วยกับผจก.ทีม+ fsg คือไม่ใช่แค่defend ใน content แต่บ่นคนที่บ่นอีกทีนึง มันเลยเป็นที่มาของคำพูดหลายๆอย่างเช่น ข้างไข่ เปราะบาง อวยจัง อะไรทำนองนี้แหละ ผมว่าถ้าปล่อยให้เค้าด่าเค้าบ่นไป ก็ไม่เกิดปัญหา หรือถ้าจะแสดงความเห็นเชิงซัพพอร์ทและ “อยู่ในcontent” ก็คงไม่เป็นปัญหาเช่นกัน
*** ถ้าคุณไม่ใช่แบบนั้นก็โอเค ผมขอโทดด้วยที่อาจจะใช้โพสต์คุณตอบแทนคนที่บ่น และเผื่อว่าใครมาอ่านจะเข้าใจบ้างว่า ไอ้ที่ยูด่าๆคนที่โพสต์บ่นอ่ะ คือ you direct to persons not content เช่น จะบ่นไรซ้ำไปซ้ำมาเป็นเดือนๆ ไอ้พวกชอบด่าทีม แซะทีมตัวเองเก่ง ซื้อซื้อซื้อๆๆ บลาๆๆ อ่ะถ้าคุณมองว่าฝ่ายบ่นเริ่มก่อนก็แล้วแต่ ก็เจ๊ากันไป ส่วนตัวผมเห็นแล้วขัดหูขัดตาเลยพลีชีพละกันเป็นตัวแทนคนบ่นเลยละกัน
5. เค้าแขวะว่าทีมนางเอกแทบจะทุกเรื่องแหละ คำนี้มันเป็นตัวแทนของการแตะต้องไม่ได้ เปราะบาง กระทบกระเทือนจิตใจ ตั้งแต่เรื่องฟาล์ว VAR อวยเทรนท์กันแล้วโดนแซะก็ปกป้อง ผมว่ามันก็แบบนี้อ่ะ dna แบบนี้เค้าถึงbrandingเราแบบนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายสิ อันนี้ผมพูดเองว่ามันเหมือนอ่ะ
เอาแค่จุดที่ผมว่าท่านเข้าใจผมผิดละกันนะฮะ จะได้เคลียร์ๆไปไม่เข้าใจกันผิด แล้วขยายประเด็นเพิ่มเติมผิดเข้าไปอีก
คำถามที่ท่านถามผม
"A) ถ้าการซื้อนักเตะมันไม่ช่วยลดgap แล้ว B)การไม่ซื้อมันช่วยลดหรอครับ? "
ตอบข้อ A ถ้าการซื้อนักเตะมันไม่ช่วยลดgap
- ผมไม่เคยเถียงว่าการซื้อไม่ช่วยอะไร (ตั้งแต่โควทแรกจนโควทนี้) เพียงแต่การซื้ออาจจะเป็นหรือไม่เป็นคำตอบที่แก้ไข gap กับซิตี้
(ผมกลัวท่านหรือคนอื่นอ่านแล้วเข้าใจผิดว่า ไอ้ยูส -1-st mir@cle บอกว่าไม่จำเป็นต้องซื้อตัวก็แชมป์ได้ หรือการซื้อตัวไม่ช่วยอะไร)
ท่านพยายามจะบอกว่าซื้อมาเถอะดีขึ้นแน่นอน..ผมก็พยายามจะชี้ว่ามันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น โดยการพยายามเอาข้อมูลมาให้ดู
ซึ่งข้อมูลมันก็ต้องมีกรอบ (จะให้เอามาตั้งแต่พรีเมียร์ลีคก่อตั้งก็ได้ แต่จะทำเพื่อ?) ซึ่งกรอบที่ผมระบุคือตั้งแต่คลอปป์และเป๊บเข้ามา
แล้ว 2 คนนี้ถูกอวยว่าแข่งกันอยู่แค่ 2 ทีม..แต่ช่วงนั้นทีมที่ใช้เงินเยอะกว่าหงส์มีอีกตั้งหลายทีม มีบางทีมใช้มากกว่าซิตี้ด้วย
แต่ทำไมก็ยังแข่งกันอยู่แค่ 2 ทีม นั่นก็แปลว่าเงินไม่ใช่ตัวแปรเดียว มีตัวแปรอื่นๆประกอบด้วย..ผลลัพธ์มันเลยเป็นแบบปัจจุบัน
ท่านไปแย้งเรื่องทีมใหญ่อื่นๆนอกลีค..ผมก็ไปหาของลาลีกาตามที่ท่านอ้าง ก็ตามที่เห็น มาดริดยังใช้น้อยกว่าหงส์อีก..
ก็น่าจะเป็น reference เพื่อที่จะอธิบายสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อ แต่เป็นว่าอุตส่าห์หาข้อมูล กลับกลายเป็นผมเถียงข้างๆคูๆซะงั้น..
คือจริงๆถ้าผมยกตัวอย่างแมนฯยูฯ 2020 ได้ที่ 2 พอปีต่อมาเสริมทั้ง โด้ วาราน ซานโช่ จบลงที่อันดับ 6 มันก็เป็นกรณีศึกษาพอได้
ท่านก็ห้ามผมยกตัวอย่างเป็นทีมนี้อีก
ฺตอบข้อ B การไม่ซื้อมันช่วยลดหรอครับ?
- ถ้าไม่ซื้ออย่างเดียว ไม่ทำอะไรเลย มันก็ไม่ช่วยแน่ๆแหละฮะ..ผมก็ถึงบอกว่าหงส์ใช้อย่างอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ซื้ออย่างเดียว
ซึ่งผมจับจุดได้ว่าท่านไปนึกถึงเรื่องพวกอุปกรณ์เสริม,ทีมงานเสริม ฯลฯ แต่ขาดไปอย่างนึงที่ผมบอกไม่ละเอียด นั่นคือการ train ฮะ
(ไอ้เรื่อง train นี่ผมไม่ได้ยกมาเอง..มันเป็นบทสัมภาษณ์ของคลอปป์แทบทุกครั้งที่โดนสื่อจี้ถามเรื่องทำไมไม่ซื้อตัวเพิ่ม)
- ถามว่าเอาอะไรมา prove กับข้ออ้างอันนี้ เรื่องไม่ซื้อ (แต่ทำอย่างอื่น) แล้วจะช่วยลด gap ได้..
ก็ต้องยกกรณีปี 2018-19 ที่ทีมไม่ได้ซื้อใครเพิ่มเลยแม้แต่คนเดียว แต่ทำไมคะแนนมันถึง boost ขึ้นจาก 75 เป็น 97 คะแนนได้
(ก็แปลว่าทีมงานต้องทำอย่างอื่นเพิ่มเติมถูกต้องมั๊ยอะ..และทีมงานเค้าก็เชื่อวิธีการนี้เพราะมันเคยได้ผล แต่ก็ไม่ใช่จะดื้อไม่ซื้อเลย)
ผมต้องพยายามเน้นหลายๆครั้งขีดหลายๆเส้นว่า การซื้อมันอาจจะดีกว่าไม่ซื้อจริงๆอันนี้คือเห็นด้วย และอาจช่วยลด gap นี่ก็ใช่
แต่การไม่ซื้อ มันก็ไม่ใช่ end of the world เหมือนที่หลายๆคนบ่น,ด่า กังวลกัน..เพราะมันก็มีอีกหลายๆวิธีในการแก้ปัญหา
ถ้าเหตุผลของการไม่ซื้อมันพอรับได้..เช่น ตัวที่ต้องการยังไม่พร้อมย้าย เลยไม่อยากซื้อตัวอื่นเพื่อแก้ขัด ขอรอตัวนี้ก่อน
ไม่ใช่เหตุผลแบบปลิงสูบอย่างเดียวยังงัยก็ไม่ซื้อเลยอะไรแบบนั้น (อันนั้นผมจะร่วมด่าเช่นกัน)
หรือถ้าผลลัพธ์มันออกมาในบั้นปลายว่าการใช้วิธีนี้ผิด เช่นรอตั้งนานสุดท้ายเป้าหมายหลักก็ไปทีมอื่น แถมอันดับก็ทรุด อดไป UCL
อันนั้นสำหรับผม ก็สามารถติ,ด่า,วิจารณ์ได้เช่นกัน ว่าทีมงาน พวกเอ็งผิดพลาดนะ ทำทีมเสียหาย (ตามที่ผมพิมพ์ไปโควทก่อนๆ)
"ถ้าคุณไม่ใช่แบบนั้นก็โอเค ผมขอโทดด้วยที่อาจจะใช้โพสต์คุณตอบแทนคนที่บ่น"
- ใช่ครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ท่านคุยกับผมมาตั้งหลายโควทก็น่าจะเห็นแหละ..ผมไม่เคยไปพาดพิงเรียกกลุ่มที่บ่นแบบเสียๆหายๆเลย
ที่พิมพ์คุยกับท่าน ลองย้อนดูตั้งแต่โควทแรกก็ content แสดงเหตุผลของผมทั้งนั้น..
และ หลายๆคนก็พิมพ์แบบผมนั่นแหละฮะ แต่โดนฝั่งที่บ่นแขวะ อย่างท่าน growthseek ที่โควทท่านด้านบนก็เช่นกัน..
ท่านไปอ่านเมนต์เค้าย้อนหลังได้ฮะ..ผมไม่เคยเห็นเค้ามีเริ่มแขวะใครก่อนเลย แต่สุดท้ายเค้าก็โดนอยู่ดีนะฮะ
ดังนั้นในสังคมนี้ ที่ท่านบอก "
ถ้าจะแสดงความเห็นเชิงซัพพอร์ทและ “อยู่ในcontent” ก็คงไม่เป็นปัญหาเช่นกัน"
อาจจะใช้ไม่ได้ฮะ..ไม่ต้องนับเรื่องที่โดนทีมคู่แข่งกระทำหรอกฮะ..เชียร์ทีมเดียวกันเองก็โดนทั้งนั้นแค่ความเห็นไม่ตรงกัน
[edit]
เพิ่มเติมอีกนิดนึง เรื่องคุยอยุ่ใน content อันนี้ผมก็เห็นด้วยกับท่านนะฮะ..คุยกันในตัวบท มันแลกเปลี่ยนความเห็นต่อยอดได้เยอะ
เช่น ถ้าฝ่ายที่บ่น เอาข้อมูลนักเตะมาคุยกัน ว่าน่าจะซื้อคนนั้นคนนี้เพิ่ม คนนี้น่าสนใจ ฯลฯ พอไม่ซื้อแล้วสถิติไหนมันชี้ชัดว่าดรอปลง
ผมก็สนับสนุนข้อมูลเหล่านั้นเช่นกันนะฮะ..คือไม่จำเป็นจะต้องเห็นตรงกันก็ได้ แต่ขอแค่คุยกันที่ข้อมูล,สถิติ
ซึ่งถ้ามีคนพิมพ์ด้วย content แบบนั้นแล้วยังจะถูกฝั่งที่ protect มาแซะ,ป่วน..อันนี้ก็น่าด่าคนแซะเช่นกัน
(ก็เคสเดียวกับที่ท่าน growthseek โดนแหละฮะ คุยกันด้วยเหตุด้วยผลแล้วก็ยังโดนแซะนี่ คนทำผมว่าน่ารังเกียจ)