ยังงี้ครับ


บาซ่าซื้อขายราว 20 ตัวใช้เงิน 150 ล้าน เปลี่ยนทั้งทีมเลยนะ

แมนยู ใช้ไป 190 ล้าน ตอนนี้งบยังเหลือซื้ออีก 100 ล้านได้สบายๆ
แต่ผลงาน..

การบริหารต่างกัน บาร์ซ่าไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ แต่แมนยูมีตระกูลเกลเซอร์ เป็นเจ้าของ

จะให้ลาปอร์ต้า มาถือหุ้นใหญ่ก็คงไม่มีเงินขนาดนั้น

จะให้มานั่ง CEO เกลเซอร์ก็คงไม่เอาคนที่มีแต่โยกขาย ไม่มีเอากำไรเข้าทีม

ถ้าจะเปรียบจริง ต้องไปเปรียบกับ แมนซิ เชลซี เปเอสเช ที่เจ้าของทุ่มให้บอร์ดเต็มที่

ที่สำคัญรอดูบาร์ซ่าสัก 1-2 ฤดูกาล ก็ดีนะครับ ว่าโยกแล้วเอาเงินไปทุ่มซื้อนักเตะหมด ผลจะเป็นไง

เขาพูดถึงฝีมือการดีล การซื้อตัวครับ ไม่ได้เกี่ยวกับการบริหาร หาเงินเข้าทีมอะไรเลย

แมนยูมีเงินอยู่แล้ว ถ้าได้เข้ามาบริหารมันจะโยกเพื่ออะไร

ไม่รู้บาซ่าจะได้ แชมป์ป่าวนะ อาจจะวืดหมด

แต่ที่แน่ๆ ถ้าไม่แก้ไข ฤดูกาลที่แล้ว อาจจบที่ 7-10

เงินหายไปแน่ๆ 30- 50 ล้านปอนด์ หรืออาจจะมากกว่านั้นครับ

ผมก็มองไปถึงดีลการซื้อตัวนั่นแหละครับ แค่มองว่ารูปแบบการบริหารมันต่างกัน

ได้บอร์ดบาร์ซ่ามาทั้งทีม ก็ไม่สามารถบริหารได้เหมือนบาร์ซ่าทุกอย่าง เพราะสุดท้ายต้องให้เจ้าของสโมสรร่วมตัดสิน

ที่ยกแมนซิ เชลซี มาเปรียบแทน เพราะรูปแบบเหมือนกัน แต่ของเค้าเจ้าของทุ่มจริง และมีทีมงานเก่ง

ถ้าใช้คำให้งงก็อภัยครับ

ผมมองว่าบอร์ดบาร์ซ่า มีความกล้าหาญกล้าเสี่ยงด้วยครับ

ไม่ได้แค่หวังประคองให้ทีมพออยู่ได้ แต่ทีมต้องอยู่ในระดับสูงเหมือนเดิม แบบวัดกันไปเลย

แบบนี้แหละที่ผมมองว่ามาใช้กับแมนยูไม่ได้ เพราะยังมีเกลเซอร์ที่อยู่สูงกว่าบอร์ด

ซิตี้ก็อดีตทีมงานลาปอต้าบริหารอยู่ไง