เมื่อก่อนผ่านไป 7 - 8 เดือน อาร์เซน่อล ของตระกูลเก้ ยังเรียกว่า ปลิงเก้ อยู่เลย แต่ปัจจุบันระบบระเบียบการซื้อตัวกลับดีกว่า แมนยู เสียอีก หลังจาก จอร์ช เก้ ลูกชายคุมเต็มตัว ซื้อทีราคาสมเหตุสมผล ตรงเป้าจุดอ่อนของทีม มีรายชื่อนักฟุตบอลที่จะซื้อทั้งเป้าหมายแรก เป้าหมายรองชัดเจน ในขณะที่ แมนยู ของข่อย สภาพการซื้อขายยังไม่ต่างจากสมัย เอ็ด วูดเวิร์ด อยู่เลย คนอเมริกาเจ้าของทีมเหมือนกัน ไม่อินกับกีฬาฟุตบอลก็พอๆกัน แต่ทำไมบริหารทีมต่างกันขนาดนี้ จะมีหนทางไหมที่ โจเอล เกลเซอร์ อยากพิสูจน์การบริหารทีมให้พ่อเห็น เขามาลุยเต็มตัวบ้าง

ถ้ามันทำได้มันทำไปนานแล้วครับ

เห็นยังงี้ ผมว่าตระกูลโครเอ็นเก้ไม่ใช่ไก่กานะครับ เห็นก่อนนั้นด่ากันปาวๆ

เอาจริง mentalityการคุมทีมกีฬา การวางแผนระยะสั้น-ระยะยาว การจัดการภายใน

น่าจะเก่งกว่าตระกูลเศรษฐีหลายตระกูลแน่ๆอะ ผลงานความสำเร็จมีให้เห็นเยอะมาก

ในตอนแรกๆอาจจะยังจับทางทีมฟุตบอลไม่ถูกเฉยๆ พอเรียนรู้ก้ลุยยาวๆ

ปลิง คือ สัตว์ ชนิดนึง ต้องสูบเลือดให้หมดตัว ค่อยปล่อย


คือ ถ้ายังสูบได้เรื่อยๆ ปลิง เกลเซอร์ ไม่คิดจะขายหรอก


นอกซะจาก ว่า แมนยู ตกชั้น

นี้ไม่ได้ล้อทีมน่ะ

คหสต คิดว่าตามนั้นแหละ



ข่าวล่าสุด ที่เซอร์ จิม จะมาซื้อ หุ้น

ถ้าซื้อได้สำเร็จ อะไรอาจจะดีขึ้นก็ได้มั้ง

ไม่มีครับจะขายแล้ว

ข่าวล่าสุดบอกจะขายทั้งหมดแล้วครับ

ไม่น่ามีวันนั้น

เปรียบเทียบที่ NFL กีฬาที่น่าจะถนัดทั้งคู่ โครเอนเก้ก็บริหารดีกว่า
แรมส์ตั้งแต่ย้ายเมือง ทำสนามใหม่อย่างสวย ก็เข้าเพลย์ออฟบ่อยๆทั้งที่อยู่กลุ่มโหดสุด เข้าชิง 2 ครั้ง ได้ SB มาครั้งนึง

ส่วนบัคคาเนียร์ของเกลเซอร์ ถ้าเบรดี้ไม่ย้ายมาเป็นผู้นำทีม ก็ไม่รู้จะหาจุดเปลี่ยนกลับมาแบบผงาดตอนนี้ได้มั้ย

รู้สึกว่าเก้รวยกว่าเกลเซอร์ด้วย
ตอนนี้คุมสโมสรดีเลย

มันบริหารแนวบริษัทธุรกิจ ซึ่งไม่ได้เลวร้ายอะไร มีผลกำไร ช่วงโควิดหนักๆยังแข็งโป๊กอยู่ได้. ทั้งที่แบกค่าเหนื่อยนักเตะมหาศาล


แต่ปัญหาคือสโมสรมันต้องบริหารแบบธุรกิจ และบริหารแบบฟุตบอลไปพร้อมกัน มันถึงจะสำเร็จ. แต่พวกเกลเซอร์มันไม่เข้าใจฟุตบอล ไม่เข้าใจการบริหารสโมสร

เอาแค่การซื้อตัวที่ผ่านมา เหมือนซื้อดารามาขายสปอนเซอร์ มากกว่ามาเล่นบอล. ซื้อตำแหน่งเดิมถมๆๆ ตำแหน่งที่ขาดไม่ใส่ใจในการเดินดีล

มันไม่ได้เลวร้ายในเชิงธุรกิจ แต่ในเชิงฟุตบอลมันเลวร้ายมาก

ทุกอย่างมันก็ค่อยเป็นค่อยไปไง ต้าปีที่แล้วเปิดหัวมาสามนัดรวด

นอกจากผู้บริหารแบบจอร์จแล้ว แมนยูต้องมีตัวประสานแบบเอดูด้วย คนที่เข้าหาผู้บริหารและโค้ชได้แบบแนบสนิท

โครเอนเก้มันวางระบบแบบอเมริกันเกมเลยอ่ะ พอเรียกคุยกับโค้ชกับแฟนบอลแล้วรู้เป้าหมายว่าจะเริ่มสร้างทีมใหม่ ก็โละองค์กรเลยเริ่มใหม่หมดเป้าหมายชัดเจน รอเวลาได้ตามฉบับอเมริกันเกม(ยอมทิ้งผลงานเพื่อเริ่มสร้างทีมใหม่) ถ้าทุกอย่างยังอยู่ในKPIก็พร้อมไปต่อกับโค้ช

ถึงเก้มันไม่ได้อินกะทีมนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้บริหารแบบขอไปที คือมีการแบ่งฝีมือมาใช้กะนอลอยู่บ้าง แม้ว่าฝีมือที่มีส่วนใหญ่จะเอาไปลงกะแรมส์ก็ตาม