3 แท็กติกน่าจับตา คอมมูนิตี้ ชิลด์
เกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ วันเสาร์นี้ นับเป็นการส่งสัญญาณลั่นกลองว่า การแข่งขันพรีเมียร์ลีก ลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก กำลังจะกลับมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ อีกครั้งแล้ว
การพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ว่ากันว่าคือสองสโมสรที่เก่งที่สุดในอังกฤษ เวลานี้ ซึ่งคงมีแฟนบอลเพียงไม่กี่คนที่ไม่เห็นด้วยกับข้อความดังกล่าว
ทั้งสองสโมสรขยับตัวอย่างรวดเร็วในการเสริมคมให้กับแดนหน้าตอนตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้เริ่มต้นขึ้น
"เรือใบสีฟ้า" เซ็นสัญญา เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ หัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ มาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ส่วนลิเวอร์พูล ทุ่มทุนสร้างกระชาก ดาร์วิน นูนเญซ ดาวยิงของเบนฟิก้า มาท้าทายการจบสกอร์
การเซ็นสัญญานักเตะทั้งสองคนอาจเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นของทั้งสองสโมสร เพราะที่ผ่านมานั้น ทั้งสองทีมไม่ได้มีกองหน้าตัวเป้าที่ชัดเจนคอยยืนค้ำล่าตาข่ายสักเท่าไหร่
นั่นทำให้การแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้น่าจับตามองมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า การลุ้นแชมป์ในฤดูกาลใหม่ จะน่าตื่นเต้นมากขนาดไหน
จากนี้ เราลองมาดูกันว่า แท็กติกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเยอร์เก้น คล็อปป์ จะวางหมากในนัดนี้ อาจมี 3 จุดสำคัญที่ให้พูดถึง
⚽ฮาลันด์ จะเข้ากับซิตี้ได้อย่างไร?⚽
การเคลื่อนที่อันดุดันของฮาลันด์ จะเป็นปัญหาของลิเวอร์พูล เขาจะมองหาทางวิ่งตัดไลน์แนวรับทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งนั่นจะบีบให้กองหลังของลิเวอร์พูล ไม่ดันสูงขึ้นมา
ท้ายที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่าการเซ็นสัญญาของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นจะมาอย่างเงียบๆ แต่แน่นอน เพราะมีข่าวออกมาแต่แรกแล้วว่าพวกเขาคือผู้ชนะในการตามล่าลายเซ็นของฮาลันด์ มาจากบุนเดสลีกา
ซิตี้ ได้รับประโยชน์จากการที่ เรอัล มาดริด ทุ่มสมาธิอยู่กับ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ก่อนเจ้าตัวเปลี่ยนใจอยู่กับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ต่อไป
นั่นทำให้ทีมของกวาร์ดิโอล่า คว้าตัวกองหน้าที่ว่ากันว่าจะกลายเป็นสุดยอดของโลกด้วยราคาแสนถูกเพียง 50 ล้านปอนด์เท่านั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่า เป๊ป ชื่นชอบการเล่นเกมบุกแบบไหลลื่นและไม่มีกองหน้าตัวเป้าแบบเฉพาะคอยยืนรอบอล
เมื่อฤดูกาลก่อน เราได้เห็นนักเตะอย่าง ฟิล โฟเด้น, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และราฮีม สเตอร์ลิ่ง เคยถูกจับลงสนามในตำแหน่งหมายเลข 9 กันมาแล้ว
ในแมตช์นี้เลยน่าสนใจอย่างมากว่า ฮาลันด์ จะถูกใช้งานอย่างไร เชื่อว่าเขาจะได้ลงสนามในฐานะตัวจริง และนั่นอาจส่งผลกระทบต่อแนวรับของลิเวอร์พูล
นักเตะอย่างฮาลันด์ คือฝันร้ายสำหรับกองหลัง เมื่อพิจารณาจากขนาดและความสามารถของร่างกาย
เขาคือหนึ่งในกองหน้าที่เร็วที่สุดแถมยังมีความสามารถในการทะลุทะลวงพร้อมเร่งสปีดสุดฝีเท้าได้อย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าเขาคืออันตรายอย่างแท้จริงในการฉีกแนวรับของคู่แข่ง
ฮาลันด์ จะแย่งบอลกลับมาครองและความคิดแรกคือการจ่ายไปให้ มาห์เรซ ที่อยู่ในพื้นที่ว่าง จากนั้นก็ควบหน้าตั้งขึ้นไปรอรับบอลที่จ่ายคืนมา
กับทีมที่ต้องการตั้งรถบัสคอยเน้นเกมรับอย่างเดียวอาจไม่ได้รับผลกระทบมากมายอะไร แต่สำหรับลิเวอร์พูล ที่ชอบดันแนวขึ้นมาสูงจนถึงกลางสนามนั้น อาจเป็นช่องว่างให้ ฮาลันด์ สปีดผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่ทำให้ แมน ซิตี้ มีความอันตรายอย่างยิ่งคือความสามารถของมิดฟิลด์ และฟูลแบ็คในการวิ่งตัดหลังขึ้นมาช่วยหาที่ว่างในแนวรุก
จากการที่ฮาลันด์ คืออันตรายอย่างยิ่งในการทำลายแนวของเกมรับ เราก็จะยิ่งได้เห็นพื้นที่ว่างมากขึ้นเพื่อทำให้ เควิน เดอ บรอยน์, โฟเด้น และแบร์นาร์โด้ เติมเกมขึ้นมาเล่นแนวรุกอย่างสนุกสนาน
เกมนัดนี้ ฟาบินโญ่ จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการยืนตำแหน่งเบอร์ 6 ที่เป็นศูนย์กลางของแผงมิดฟิลด์ของ "หงส์แดง" ที่จะช่วยซ้อนพื้นที่ว่างและทำให้แน่ใจว่าสามารถรับมือการเติมขึ้นมาเล่นเกมรุกของมิดฟิลด์และฟูลแบ็คคู่แข่งนั้น ถูกปิดตาย
⚽การเสีย ซาดิโอ มาเน่ จะส่งผลกระทบต่อลิเวอร์พูล มากมายขนาดไหน?⚽
ดิอาซ คล้ายกับมาเน่ที่เขาจะมองหาทางเล่นด้านใน ในช่องต่างๆ ที่เปิดกว้าง แล้วใช้ความเร็วเข้าไปคุกคามพื้นที่ว่างด้านหลังแนวรุกของซิตี้
เกือบตลอดช่วงเวลาที่เยอร์เก้น คล็อปป์ อยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ สามประสานแดนหน้าในระบบ 4-3-3 มีตัวเลือกโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยืนทางขวา โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ยืนตรงกลาง และซาดิโอ มาเน่ ทางฝั่งซ้าย คือหนึ่งในสามประสานที่น่าเกรงขามมากที่สุดของยุโรปในช่วงเวลาหนึ่ง
ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา เราได้เห็น ดิโอโก้ โชต้า และหลุยส์ ดิอาซ ถูกส่งลงมาเล่นในแนวรุก ขณะที่ ฟิร์มิโน่ มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่น
ตอนจบฤดูกาล มาเน่ แสดงความตั้งใจว่าจะย้ายออกจากสโมสรอย่างชัดเจนก่อนตัดสินใจเก็บข้างของไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค
เกมกับ ซิตี้ สุดสัปดาห์นี้ จะทำให้ได้เห็นกันว่า ลิเวอร์พูล วางแผนทดแทนมาเน่ ด้วยการใช้ หลุยส์ ดิอาซ มาเป็นตัวตายตัวแทนแบบถาวรอย่างไรบ้าง
หนึ่งในแท็กติกที่น่าสนใจมากที่สุดของคอมมูนิตี้ ชิลด์ หนนี้คือการต่อสู้ทางแท็กติกระหว่างทั้งสองฝ่ายว่าเกมรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสามประสานโฉมใหม่ของลิเวอร์พูล จะรับมือกันได้อย่างไร
ดิอาซ เป็นแนวรุกที่มีมิติ ซึ่งมีความอันตรายในแง่ของการเคลื่อนไหวอันดุดัน จากตรงนี้เราจะเห็นว่าเขาพาบอลขึ้นมาก่อนที่จะจ่ายบอลผ่านช่องของแนวรับไปให้มิลเนอร์ แล้วก็วิ่งทะลุไปรอรับบอลที่ถูกจ่ายคืน
ชัดเจนว่าระหว่าง ดิอาซ และมาเน่ มีความแตกต่างกัน โดยคนหลังจะมีความอันตรายในการจบสกอร์แบบไดเร็คต์มากกว่า เพราะเขามีความสามารถในการวิ่งเข้าพื้นที่เขตโทษยามไม่มีบอลได้เป็นอย่างดี
ทางด้าน ดิอาซ มักเล่นกับบอลมากกว่าและมีมิติพร้อมความอันตรายยามได้บอลเปิดเกมรุกเข้าใส่ฟูลแบ็คและเซ็นเตอร์ของคู่แข่ง
ขณะที่ มาเน่ น่าจะสร้างปัญหาให้ปราการหลังตัวกลางของซิตี้มากกว่า แต่ทางฝั่งดิอาซนั้น จะคอยปั่นป่วนแบ็คขวาของ "เรือใบสีฟ้า" มากกว่าดาวเตะเซเนกัล
นั่นอาจหมายความว่าใครก็ตามที่ต้องลงเล่นแบ็คขวาของซิตี้ ไม่ว่าจะเป็น ไคล์ วอล์คเกอร์ หรือ เชา คันเซโล่ จะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้นในการเติมขึ้นหน้าเพื่อคอยช่วยซัพพอร์ดแนวรุก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ยากลำบากสำหรับทุกทีมที่ต้องรับมือกับดิอาซ นั่นคือ ความสามารถในการพาบอลแหวกกองหลังของเขาบริเวณริมเส้น ก่อนลากตัดพร้อมพุ่งเข้าไปหาเซ็นเตอร์ตัวกลางที่อยู่หน้ากรอบเขตโทษ
⚽ลิเวอร์พูล จะใช้กองหน้าตัวอย่างอย่างไร?⚽
ฟิรืมิโน่ จะถอยลงมาหาช่องพื้นที่ว่างเพื่อรับบอลโดยหันหลังให้ประตู ก่อนที่จะเชื่อมต่อการเล่นกับเพื่อนร่วมทีมที่วิ่งขึ้นหน้ามาจากตำแหน่งในแนวลึก
ขณะที่ ซิตี้ ออกไปเสริมความคมด้วยการคว้าหัวหอกเน้นๆ อย่าง ฮาลันด์ มาเสริมทัพ เราก็ได้เห็นลิเวอร์พูล ทำแบบเดียวกันในการคว้า นูนเญซ มาลงสนามในฐานะหัวหอกตัวเป้า
ช่วงปลายซีซั่นที่แล้ว เราได้เห็นว่า มาเน่ ยืนตรงกลางในระบบ 4-3-3 แต่เขาเป็นนักเตะริมเส้นมากกว่าที่จะมายืนเป็นศูนย์หน้าตัวกลาง
การเซ็นสัญญาหัวหอกอุรุกวัย ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า คล็อปป์ และลิเวอร์พูล ขยับปรับเปลี่ยนโปรไฟล์นักเตะที่จะเล่นในตำแหน่งนั้นในเวลานี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา เรามักเห็นว่า โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ได้ลงสนามในฐานะเบอร์ 9 เพื่อเรียกสภาพความฟิตกลับคืนมา
หนึ่งในคำถามใหญ่ที่สุดในเกมนี้คือ เบอร์ 9 คนไหนที่ คล็อปป์ จะตัดสินใจส่งลงสนาม
มันจะเป็นความเร็วและพละกำลังในการล่าตาข่ายของนูนเญซ หรือการเคลื่อนที่และความเฉลียวฉลาดในการเล่นเกมของฟิร์มิโน่กันแน่?
อัตลักษณ์ของนักเตะที่ลงสนามในตำแหน่งนี้นั้น จะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการเล่นเกมรับของแผงหลังของซิตี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะที่ ฟิร์มิโน่ มักถอยตำหนีไลน์ลงมา ในพื้นที่วงกลมสีแดงเพื่อรับบอล แต่เราจะเห็นนูนเญซ วิ่งทะลวงไลน์แนวรับขึ้นไปเพื่อหาช่องว่างด้านหน้า
ดาร์วิน นูนเญซ จะเป็นทางเลือกที่ดุดัน ซึ่งต้องการบดบี้กับแนวรับของซิตี้ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน และพร้อมที่จะอาศัยช่องว่างสอดแทรกเข้าไปทำประตูเสมอ
และนั่นทำให้ ซิตี้ จะต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นในการดันแนวขึ้นมาพร้อมปล่อยพื้นที่ว่างทางด้านหลังเอาไว้
ไม่ว่า คล็อปป์ จะเลือก ฟิร์มิโน่ หรือ นูนเญซ ลงสนามในแนวรุกตั้งแต่เริ่มเกม มันจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อแนวทางการเล่นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงการเล่นเกมรับของพวกเขา
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้ มันก็ไม่ได้มีความหมายมากมายไปกว่าการได้เห็นแผนการระยะสั้นๆ ก่อนที่ฤดูกาลที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น
เราอาจได้เห็นอะไรนิดๆหน่อยๆ จากสองยอดผู้จัดการทีมที่โชว์กึ๋นวางหมากในนัดนี้ โดยเฉพาะการใช้สองกองหน้าที่เพิ่งย้ายเข้ามา ทว่าความพ่ายแพ้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเพราะเป็นเพียงแค่เกมการกุศล
แก้ไขล่าสุดโดย ZONG'TEEN เมื่อ Sat Jul 30, 2022 14:02, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ