ก็มาเป็นโค้ชนั้นละแต่ความสามารถแกไม่ถึงพอจะคุมแมนยูแค่นั้นเอง แล้วที่สำคัญคือการคุมแมนยูของแกดันไปต่อยอดให้แกสามารถไปคุมทีมชาติได้อีกด้วย เอาง่าย ๆ คือ ลึก ๆ แกอาจจะอยากเป็นโค้ชอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาศและจังหวะที่เหมาะสมแค่นั้นละ

เอามาเลือกเทนฮากครับ

แกไปเพราะแนวทางไม่ตรงกับเทนฮากนะ

ปัญหาคือ คอนเต้ มันไม่ว่างละไง

ละเป้าหมายตอนนั้น ซีดาน ไม่มา บอร์ดน่าจะอยากได้ซีดานสุด

เป้าหมายรอง พอช เทนฮาก ไม่สามารถมาตอนนั้นได้

ก็ไม่มีใครละ ชื่อที่เหลือ ก็มีแค่ รังนิค จริงๆมี บล้อคง อีกคนที่มีชื่อขึ้นมา แต่บอร์ดคงไม่ได้ติดต่อไป มีแต่ข่าว


รังนิคเข้ามาก็กะเล่นตามแบบตัวเองแหละ แต่ดูแล้วไปไม่ได้ เลยเหมือนปล่อยจอย ในสนาม

เหมือนให้ เฟรชเชอร์ หรือ ไมค์ ออกไอเดียแทนเลย เพราะ ตัวที่ลง ก็เดิมๆ

เฟรด แมคโท แมคไกวร์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อะไร แผนก็กลับไปทำเหมือนเดิม ก่อนโอเล่ ออก


แต่สิ่งที่ รังนวย ทำคือ แนะนำให้บอร์ด เอา เทนฮาก บอกให้บอร์ดรู้ถึงปัญหาซ้ำซากของแมนยู

พวกผู้บริหารก็ทยอยไปทีละคน นักเตะคนไหนที่พฤตติกรรมไม่ดี ก็ไม่ทู้ซี้ต่อสัญญา ต่อให้เสียฟรีก็เถอะ


ถ้าเป็นเมื่อก่อน จับต่อหมดละ สัญญา 4 แสนป้อก ต้องมาแน่ๆ

แต่ตอนจบ เหมือนคุยกะ เทน ฮาก ละ มันไม่คลิกกัน แกก็ยอมไป

เรื่องราว รังนิค กับ แมนยูก็จบลงตรงนี้

เอาเข้ามาวางระเบิด เอ๊ย....ระบบ

การตั้งรังนิคมันเป็นมูฟที่พลาดของทีมแน่นอน ที่ผมไม่เข้าใจเลยคือแฟนแมนฯยูไนเต็ดหลายคนจะปกป้องอะไรกับรังนิคนักหนา


ในแง่การคุมทีมลงสนามคือทีมไม่ได้เล่นดีขึ้นเลย รูปแบบการเล่นไม่เป็นโล้เป็นพาย ผลลัพท์ก็ไม่ได้อีก

บางคนบอกก็มาคุมกลางฤดูกาลเลยไม่หวังอะไรเลย แต่ตอนเข้ามานี่แต้มห่างอันดับ 4 แค่ 3 แต้ม ห่างอันดับ 1 อยู่ 11 แต้ม จบฤดูกาลด้วยการหมดลุ้นท็อปโฟร์ตั้งแต่ 3 นัดก่อนจบฤดูกาล ห่างไป 13 แต้ม แต้มน้อยกว่าอันดับ 1 อยู่ 35 แต้ม

ลองไปดูสภาพทีมอื่นอย่างสเปอร์ นิวคาสเซิ่ล เปลี่ยนโค้ชมาเค้าทำผลงานดีขึ้นเลยชัดเจนทั้งการเล่นทั้งผลลัพท์


เรื่องงานระดับบริหารๆนี่แมนฯยูไนเต็ดก็ดูจะตามใจด้วยนะ ปลด Jim Lawlor ที่ทำงานมาสิบกว่าปีออก ปรับเปลี่ยนอะไรหลายจุด ซึ่งถือว่าตัดสินใจไวพอสมควรเลย สุดท้ายก็เทไปรับงานโค้ชที่หลายคนบอกว่าไม่ใช่งานถนัดอีก

ติ่งมู ติ่งโซลชาร์ ผมยังเข้าใจนะ พวกนี้ชอบผลงานเก่าๆ แต่กับติ่งรังนิคนี่ผมไม่เข้าใจสุดๆ ไม่มีผลงานอะไรเลยที่พอคุยได้กับแมนฯยูไนเต็ดอ่ะ

ประโยชน์เกียวของ รังนิค คือ เป็นที่คั่นเวลารอเทน ฮาก

ตอบตรงๆก็เอามาทำ org restructuring แหล่ะครับ คือมารับตำแหน่งโค้ชแต่ไปๆมาๆก็เหมือนมาทำที่ปรึกษาอยู่ดี 55

การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรของแมนยูฯก็มีแกผลักดันเหมือนกัน หรือการที่แกออกมาพูดหลายๆเรื่องมันก็สร้างแรงกระเพื่อมให้คนนอกมากดดันบอร์ดได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงการสนับสนุนให้เลือก ETH อีกอย่างด้วย

ผลงานในสนามน่ะกากจริง
แต่นอกสนาม ผมว่าก็ไม่แย่เลยนะ

มาทำให้แฟนผี ทะเลาะกัน

ขอคิด + แล้วกัน

ถ้าไม่มีรังนิค อาจไม่ได้เทนฮาก นี้ผมมองแบบบวก

ส่วนมาทำไมนั้น ก็ไม่รู้

ข้อตกลงแต่แรกคงตามที่เป็นข่าว ทั้งแนวทางและแผนงาน

แต่เวลาผ่านไปหลายๆเรื่องคงไม่เป็นใจ ทั้งบอร์ดและผลงานทีม

การจะก้าวไปเป็นที่ปรึกษาตามข้อตกลง คงลำบากใจทุกฝ่ายเลยแยกทางกัน

ยังไงผมก็ยังเชื่อในความสามารถของทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรังนิค

เพียงผลไม่ได้ตามที่วางไว้ก็เท่านั้นเอง และเค้าก็เหมือนจะรับผิดชอบด้วยการไม่ไปต่อ

พอๆกับอาเตต้าฤดูกาลนี้แหละครับ โควต้าถ้วยเดียวกัน

ชอบคอมเม้นท์นี้ครับ ตรงประเด็นดี

มาเปิดแผลราดแอลกอฮอล แล้วก็ไป

ดันคารร์ริคมาคุมยังดีกว่ามั้ง

ถ้าดูจากต้นจนจบ ก็คือสรุปได้เลยว่าเลือกมาเป็น ผจก.ชั่วคราวขัดตาทัพแท้ๆเลยแหละ ไม่ได้กะมาเอาตำแหน่งบริหารอะไรหรอก

ไอ้ตำแหน่งที่ปรึกษานั่น ก็มีไว้แค่เป็น compensate จูงใจให้รังนิกเข้ามารับงานชั่วคราวแค่นั้นเอง..

(ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเป็น 1 ในตำแหน่งบริหาร แต่ไปๆมาๆกลายเป็นแค่ชั่วคราว เข้าทำงานเดือนละ 6 วัน แปลว่าไม่จริงจังตั้งแต่แรก)

ซึ่งแปลว่าจุดประสงค์ที่บอร์ดเลือกมาตอนนั้น ก็คือเพื่อกอบกู้สถานการณ์ระยะสั้น พาทีมไป UCL ให้ได้แค่นั้นแหละ

ไม่ได้เกี่ยวกับสร้างทีมเลย..แค่ว่าโอเล่พาทีมไปไม่ไหว และยังไม่มี ผจก.ว่างตอนนั้น เลยต้องหาคนมาทำชั่วคราวก่อน

ผลลัพธ์ก็ออกมาชัดเจนว่าสอบตก ทั้งรังนิค และคนเลือกเข้ามา เพราะผลงานทีมลงเหวหนักกว่าเดิม..

บอร์ดอาจจะคิดว่าถ้ารู้ว่ารังนิคคุมได้แค่นี้ ตอนนั้นกูตั้งคาริคแทนก็ได้ฟระ