ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2008
ตอบ: 16530
ที่อยู่: NYK
โพสเมื่อ: Thu Jun 30, 2022 16:21
[RE: [NBA]อาจจะเพิ่ม Salary Cap เป็น 123.6m]
เรื่อง Cap ผมชอบ NFL กว่า เกินไม่ได้เลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jun 2020
ตอบ: 1378
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jun 30, 2022 18:05
[RE: [NBA]อาจจะเพิ่ม Salary Cap เป็น 123.6m]
bossa26 พิมพ์ว่า:
OGCGOD พิมพ์ว่า:
bossa26 พิมพ์ว่า:
ไม่ค่อยชอบโครงสร้างเค้าเลย
ตัวแมกซ์นี่มันกินเงินเยอะโคตรๆ ตัวเดียวเกือบครึ่งแคปแล้ว  


ผมว่ามันคือความยากของทีมบริหารครับ คือการให้ Max หรือ Super Max เนี่ยเขาไม่ได้บังคับให้เซ็น

ดังนั้นทีมจะต้องรับความเสี่ยง มันได้อย่างเสียอย่าง

ถ้าเซ็น Max จริง ก็จะรั้ง Star ไว้ได้ ทีมดูมั่นคง อาจจะขายสินค้าได้ อาจจะคงแฟนทีมไว้ได้ สร้างตำนานทีมต่อไปได้ แต่ก็ต้องแลกกับการที่หาเพื่อนร่วมทีมเก่งๆยากขึ้น ต้องมองหาคนที่ราคาถูกและดี

ถ้าไม่เซ็น ก็ไม่เปลืองแคป แต่เขาก็อาจจะไปหาทีมอื่นที่ให้เขาได้

ซึ่งจริงๆการที่จะได้ 30-40% มันมีกฎระดับนึงเลยนะ ไมใช่ว่าจะได้ง่ายๆ

แต่ NBA ก็เปิดช่องไว้ไงครับ ถ้าไม่อยากอยู่ในข้อจำกัดเหล่านี้ เสียภาษีฟุ่มเฟือยสิจ๊ะ

สุดท้าย NBA ได้ประโยชน์ ผู้เล่นได้ประโยชน์ เพราะดูดเงินออกมาจากทีม 555555  


ผมว่ามันก็ไม่วินทุกคนนะ
เท่าที่เห็นหลายๆทีมก็ไม่อยากเสียภาษี
มันเลยกลายเป็นพวก max super max ก็ได้เยอะโคตรๆไปเลย
แล้วที่เหลือก็ไปกดกับตัวอื่น แล้วส่วนใหญ่แต่ละทีมแคปก็ไม่ค่อยพอทั้งนั้น จะย้ายทีมก็ไม่ใช่ว่าจะได้เยอะกว่ากันเสมอไป

พวกแม็กซ์อยากให้ไม่เกินซัก 30% supermax เป็นข้อยกเว้นส่วนเกิน max ไม่ต้องเอามานับ  



ใช่เลยครับมันไม่วินทุกคน ถ้าคิดตามสัดส่วนรายได้มันค่อนข้างห่างกันระหว่าง Minimum กับ Max35%

จะต่างกันอยู่ประมาณ 20 เท่าได้ซึ่งมันห่างเหมือน เงินเดือนเด็กจบใหม่ 2 หมื่น กับผู้นำองค์กร 4 แสน

มันห่างกันเบอร์นั้นทั้งๆที่คัดเป็นผู้เล่นระดับโลกมาแล้ว คือใจผมก็อยากให้ปรับโครงสร้างเรื่อง Minimum ขึ้นนะ แต่มันก็จะยิ่งไปดัน Cap อีก


Spoil
อันนี้กาวๆนะ เรื่องโครงสร้าง Contract ผมมองว่าอยากให้เปลี่ยนหลายอย่าง คือ Max ของลีคอะ 35% ได้ แต่อยากให้เปลี่ยนโครงสร้าง % ให้ซอยย่อยกว่านี้เช่น

ประสบการณ์ 0-3 ปี เซ็น Max 20%
ประสบการณ์ 4-6 ปี เซ็น Max 25%
ประสบการณ์ 7-9 ปี เซ็น Max 30%
ประสบการณ์ 10+ ปี เซ็น Max 35%
(ปัจจุบัน ช่วงประสบการณ์ 0-6 มันเซ็นได้ 25% เลย)

อีกอย่างคืออยากให้ลดอายุสัญญาพื้นฐานลง 1 ปี เหลือ เซ็นได้สูงสุด 3 ปี ถ้ามี Bird Rights เพิ่มเป็น 4 ปี และตัดสิทธ์ Bird Rights สำหรับผู้เล่นประสบการณ์ 10+ ปี
เพราะผมไม่ชอบสัญญาขยะ และสัญญาที่ไม่เหมาะสมกับฝีมืออะ สัญญาสั้นลง มันจะได้เพิ่มค่าตัว หรือลดค่าตัวกันเร็วขึ้น  

จากการที่ผมดูบาสมาหลายปี ปัญหาอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างเพดาน Max กับ Minimum ซะทีเดียวครับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นชัดๆเลยคือ คนรับสัญญาระดับต่ำเยอะขึ้น คนรับสัญญาระดับกลางน้อยลง

ซึ่งปัญหาที่ผมเห็นมีประมาณนี้นะ
1.ทีมให้สัญญาระดับสูงกับผู้เล่นง่ายเกินไป ก็จะมีทั้งกรณี
- ให้สัญญาระดับสูง หรือให้ Max กับผู้เล่นที่มองว่าเป็นอนาคต ทั้งๆที่ฝีมือยังไม่ได้สูงมาก ยกตัวอย่างเช่น Fox Dlo MPJ
- ให้สัญญากับผู้เล่นมือ2 ของทีมสูงเกินไป หรือบางทีมก็ให้ Max เลย ยกตัวอย่างเช่น Simmons Klay Gobert Middleton Mccollum ตรงนี้ก็จะทำให้ทีมเหลือ Cap น้อยเกินกว่าเหตุ กลายเป็นการเซ็น Role Player ต้องกด Salary เขา

2.เหตุการณ์ Star เบอร์ 1 ย้ายไปรวมเป็น Big3 หรือ Duo กันมากขึ้น ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นสัญญา Max กันเกือบทั้งนั้น ทำให้มันกิน Cap เยอะมาก ทำให้เกิด 2 สิ่งนี้ขึ้น
- ผู้เล่นที่เหลือจะกลายเป็นผู้เล่นฝีมือน้อยซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะต้องหาผู้เล่นค่าตัวไม่สูง ทำให้ความต่างมาก
- Role Player ที่ควรได้สัญญาปานกลาง ยอมลดค่าตัวของตัวเอง เพื่อไปร่วมทีมเหล่านี้ เพราะอยากลุ้นแชมป์ ทำให้ผู้เล่นดู Salary ต่ำกว่าเดิมอีก

มันเลยทำให้ Salary เฉลี่ยในลีคสูงขึ้นจากผู้เล่นเหล่านี้ ทีนี้ถ้าทีมอยากจะลุ้นแชมป์ มันเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องจ่ายภาษีฟุ่มเฟื่อย ซึ่งทุกทีมพร้อมจ่ายนะถ้าต้องลุ้นแชมป์ แต่พร้อมจ่ายเท่าไหร่นี่อีกเรื่อง

ซีซั่นที่ผ่านมามีทีมที่ Cap เกินอยู่ 14 ทีม ซึ่งเกือบทุกทีมเข้าข่ายข้อ 1 ไม่ก็ 2

ส่วนทีมที่ Cap เหลือบาน มีหลายทีมนะ อย่างก็อย่างที่บอกว่า ผู้เล่นที่พอมีฝีมือ ยอมลดค่าตัวไปลุ้นแชมป์ดีกว่ามาเสียเวลาแล้วได้เงิน อีกส่วนนึงคือเป็นแผนของทีมเด็กๆด้วย

ที่พิมพ์มาอยากสรุปในคหสต.ว่า
1.มันเป็นความผิดพลาดของทีม ที่เซ็นผู้เล่นบางคนแพงไม่สมเหตุสมผลจนไปกินแคป
2.หลายๆครั้งที่ผู้เล่นเลือกที่จะลดสัญญาเอง ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องรับต่ำ


การกำหนด Max ไว้ที่ 25% Up แล้วมี Salary Cap มาค้ำไว้ โดยตัวของมันเองมีข้อดีมากกว่า
ส่วนหนึ่งมันคือการบังคับให้กระจาย Star ให้อยู่คนละทีม และกระจายผู้เล่นสัญญาระดับกลาง และระดับล่าง ให้เสมอกันด้วย เพื่อไม่ให้เกิความหล่ำล้ำของฝีมือแต่ละทีมมากเกินไป


ผมเลยคิดว่า ถ้าจะแก้ควรจะแก้กฎเกี่ยวกับจำนวนผู้เล่นที่รับสัญญาระดับสูงในทีม ถึงจะตรงจุด
ถ้ากาวๆก็แบบถ้ามีผู้เล่นสัญญา Max อยู่ในทีมแล้ว 1 คน อีกคนจะไม่สามารถมีสัญญาเกิน 25% ได้ มันจะได้กระจาย Salary กันมากขึ้น และอาจจะผลักดันผู้เล่นให้ไปเป็นมือ 1 ทีมตัวเอง มากกว่าการจะไปรวมเป็น Superteam

ถ้ายกเว้น Cap ในส่วนที่เป็น Supermax มันน่าจะยิ่งเอื้อให้ทีมที่เป็น Star มารวมตัวกัน ยังเหลือ Cap ไปเซ็น Role Player มาเพิ่มอีก ซึ่งมันอาจจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางฝีมือแต่ละทีมมากขึ้น

หรือถ้าเราลดเพดาน Max ลงมาที่ 20-25% ทั้งลีค อันนี้ก็จะส่งผลให้เกิด Superteam ง่ายขึ้นอีกเพราะ Cap มันเหลือ


สุดท้ายถึงบอกว่ามันคือความยากของทีมบริหาร คือเขาไม่บังคับเซ็น คุณจะไม่เซ็น Max ใครเลยก็ได้

จะเซ็นผู้เล่นตัวจริงทุกตัว 15M สำรองทุกตัว 5-6M แต่ถามว่าจะได้แชมป์ไหมมันก็คงยาก

สุดท้ายมันก็ต้องพึ่ง Star ค่าตัว 30-40 ล้านอยู่ดี ซึ่งผมมองว่าค่าตัวระดับนั้นก็ยังคงเหมาะสมสำหรับผู้นำทีม
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2020
ตอบ: 20316
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jun 30, 2022 18:19
[RE: [NBA]อาจจะเพิ่ม Salary Cap เป็น 123.6m]
OGCGOD พิมพ์ว่า:
bossa26 พิมพ์ว่า:
OGCGOD พิมพ์ว่า:
bossa26 พิมพ์ว่า:
ไม่ค่อยชอบโครงสร้างเค้าเลย
ตัวแมกซ์นี่มันกินเงินเยอะโคตรๆ ตัวเดียวเกือบครึ่งแคปแล้ว  


ผมว่ามันคือความยากของทีมบริหารครับ คือการให้ Max หรือ Super Max เนี่ยเขาไม่ได้บังคับให้เซ็น

ดังนั้นทีมจะต้องรับความเสี่ยง มันได้อย่างเสียอย่าง

ถ้าเซ็น Max จริง ก็จะรั้ง Star ไว้ได้ ทีมดูมั่นคง อาจจะขายสินค้าได้ อาจจะคงแฟนทีมไว้ได้ สร้างตำนานทีมต่อไปได้ แต่ก็ต้องแลกกับการที่หาเพื่อนร่วมทีมเก่งๆยากขึ้น ต้องมองหาคนที่ราคาถูกและดี

ถ้าไม่เซ็น ก็ไม่เปลืองแคป แต่เขาก็อาจจะไปหาทีมอื่นที่ให้เขาได้

ซึ่งจริงๆการที่จะได้ 30-40% มันมีกฎระดับนึงเลยนะ ไมใช่ว่าจะได้ง่ายๆ

แต่ NBA ก็เปิดช่องไว้ไงครับ ถ้าไม่อยากอยู่ในข้อจำกัดเหล่านี้ เสียภาษีฟุ่มเฟือยสิจ๊ะ

สุดท้าย NBA ได้ประโยชน์ ผู้เล่นได้ประโยชน์ เพราะดูดเงินออกมาจากทีม 555555  


ผมว่ามันก็ไม่วินทุกคนนะ
เท่าที่เห็นหลายๆทีมก็ไม่อยากเสียภาษี
มันเลยกลายเป็นพวก max super max ก็ได้เยอะโคตรๆไปเลย
แล้วที่เหลือก็ไปกดกับตัวอื่น แล้วส่วนใหญ่แต่ละทีมแคปก็ไม่ค่อยพอทั้งนั้น จะย้ายทีมก็ไม่ใช่ว่าจะได้เยอะกว่ากันเสมอไป

พวกแม็กซ์อยากให้ไม่เกินซัก 30% supermax เป็นข้อยกเว้นส่วนเกิน max ไม่ต้องเอามานับ  



ใช่เลยครับมันไม่วินทุกคน ถ้าคิดตามสัดส่วนรายได้มันค่อนข้างห่างกันระหว่าง Minimum กับ Max35%

จะต่างกันอยู่ประมาณ 20 เท่าได้ซึ่งมันห่างเหมือน เงินเดือนเด็กจบใหม่ 2 หมื่น กับผู้นำองค์กร 4 แสน

มันห่างกันเบอร์นั้นทั้งๆที่คัดเป็นผู้เล่นระดับโลกมาแล้ว คือใจผมก็อยากให้ปรับโครงสร้างเรื่อง Minimum ขึ้นนะ แต่มันก็จะยิ่งไปดัน Cap อีก


Spoil
อันนี้กาวๆนะ เรื่องโครงสร้าง Contract ผมมองว่าอยากให้เปลี่ยนหลายอย่าง คือ Max ของลีคอะ 35% ได้ แต่อยากให้เปลี่ยนโครงสร้าง % ให้ซอยย่อยกว่านี้เช่น

ประสบการณ์ 0-3 ปี เซ็น Max 20%
ประสบการณ์ 4-6 ปี เซ็น Max 25%
ประสบการณ์ 7-9 ปี เซ็น Max 30%
ประสบการณ์ 10+ ปี เซ็น Max 35%
(ปัจจุบัน ช่วงประสบการณ์ 0-6 มันเซ็นได้ 25% เลย)

อีกอย่างคืออยากให้ลดอายุสัญญาพื้นฐานลง 1 ปี เหลือ เซ็นได้สูงสุด 3 ปี ถ้ามี Bird Rights เพิ่มเป็น 4 ปี และตัดสิทธ์ Bird Rights สำหรับผู้เล่นประสบการณ์ 10+ ปี
เพราะผมไม่ชอบสัญญาขยะ และสัญญาที่ไม่เหมาะสมกับฝีมืออะ สัญญาสั้นลง มันจะได้เพิ่มค่าตัว หรือลดค่าตัวกันเร็วขึ้น  

จากการที่ผมดูบาสมาหลายปี ปัญหาอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างเพดาน Max กับ Minimum ซะทีเดียวครับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นชัดๆเลยคือ คนรับสัญญาระดับต่ำเยอะขึ้น คนรับสัญญาระดับกลางน้อยลง

ซึ่งปัญหาที่ผมเห็นมีประมาณนี้นะ
1.ทีมให้สัญญาระดับสูงกับผู้เล่นง่ายเกินไป ก็จะมีทั้งกรณี
- ให้สัญญาระดับสูง หรือให้ Max กับผู้เล่นที่มองว่าเป็นอนาคต ทั้งๆที่ฝีมือยังไม่ได้สูงมาก ยกตัวอย่างเช่น Fox Dlo MPJ
- ให้สัญญากับผู้เล่นมือ2 ของทีมสูงเกินไป หรือบางทีมก็ให้ Max เลย ยกตัวอย่างเช่น Simmons Klay Gobert Middleton Mccollum ตรงนี้ก็จะทำให้ทีมเหลือ Cap น้อยเกินกว่าเหตุ กลายเป็นการเซ็น Role Player ต้องกด Salary เขา

2.เหตุการณ์ Star เบอร์ 1 ย้ายไปรวมเป็น Big3 หรือ Duo กันมากขึ้น ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นสัญญา Max กันเกือบทั้งนั้น ทำให้มันกิน Cap เยอะมาก ทำให้เกิด 2 สิ่งนี้ขึ้น
- ผู้เล่นที่เหลือจะกลายเป็นผู้เล่นฝีมือน้อยซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะต้องหาผู้เล่นค่าตัวไม่สูง ทำให้ความต่างมาก
- Role Player ที่ควรได้สัญญาปานกลาง ยอมลดค่าตัวของตัวเอง เพื่อไปร่วมทีมเหล่านี้ เพราะอยากลุ้นแชมป์ ทำให้ผู้เล่นดู Salary ต่ำกว่าเดิมอีก

มันเลยทำให้ Salary เฉลี่ยในลีคสูงขึ้นจากผู้เล่นเหล่านี้ ทีนี้ถ้าทีมอยากจะลุ้นแชมป์ มันเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องจ่ายภาษีฟุ่มเฟื่อย ซึ่งทุกทีมพร้อมจ่ายนะถ้าต้องลุ้นแชมป์ แต่พร้อมจ่ายเท่าไหร่นี่อีกเรื่อง

ซีซั่นที่ผ่านมามีทีมที่ Cap เกินอยู่ 14 ทีม ซึ่งเกือบทุกทีมเข้าข่ายข้อ 1 ไม่ก็ 2

ส่วนทีมที่ Cap เหลือบาน มีหลายทีมนะ อย่างก็อย่างที่บอกว่า ผู้เล่นที่พอมีฝีมือ ยอมลดค่าตัวไปลุ้นแชมป์ดีกว่ามาเสียเวลาแล้วได้เงิน อีกส่วนนึงคือเป็นแผนของทีมเด็กๆด้วย

ที่พิมพ์มาอยากสรุปในคหสต.ว่า
1.มันเป็นความผิดพลาดของทีม ที่เซ็นผู้เล่นบางคนแพงไม่สมเหตุสมผลจนไปกินแคป
2.หลายๆครั้งที่ผู้เล่นเลือกที่จะลดสัญญาเอง ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องรับต่ำ


การกำหนด Max ไว้ที่ 25% Up แล้วมี Salary Cap มาค้ำไว้ โดยตัวของมันเองมีข้อดีมากกว่า
ส่วนหนึ่งมันคือการบังคับให้กระจาย Star ให้อยู่คนละทีม และกระจายผู้เล่นสัญญาระดับกลาง และระดับล่าง ให้เสมอกันด้วย เพื่อไม่ให้เกิความหล่ำล้ำของฝีมือแต่ละทีมมากเกินไป


ผมเลยคิดว่า ถ้าจะแก้ควรจะแก้กฎเกี่ยวกับจำนวนผู้เล่นที่รับสัญญาระดับสูงในทีม ถึงจะตรงจุด
ถ้ากาวๆก็แบบถ้ามีผู้เล่นสัญญา Max อยู่ในทีมแล้ว 1 คน อีกคนจะไม่สามารถมีสัญญาเกิน 25% ได้ มันจะได้กระจาย Salary กันมากขึ้น และอาจจะผลักดันผู้เล่นให้ไปเป็นมือ 1 ทีมตัวเอง มากกว่าการจะไปรวมเป็น Superteam

ถ้ายกเว้น Cap ในส่วนที่เป็น Supermax มันน่าจะยิ่งเอื้อให้ทีมที่เป็น Star มารวมตัวกัน ยังเหลือ Cap ไปเซ็น Role Player มาเพิ่มอีก ซึ่งมันอาจจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางฝีมือแต่ละทีมมากขึ้น

หรือถ้าเราลดเพดาน Max ลงมาที่ 20-25% ทั้งลีค อันนี้ก็จะส่งผลให้เกิด Superteam ง่ายขึ้นอีกเพราะ Cap มันเหลือ


สุดท้ายถึงบอกว่ามันคือความยากของทีมบริหาร คือเขาไม่บังคับเซ็น คุณจะไม่เซ็น Max ใครเลยก็ได้

จะเซ็นผู้เล่นตัวจริงทุกตัว 15M สำรองทุกตัว 5-6M แต่ถามว่าจะได้แชมป์ไหมมันก็คงยาก

สุดท้ายมันก็ต้องพึ่ง Star ค่าตัว 30-40 ล้านอยู่ดี ซึ่งผมมองว่าค่าตัวระดับนั้นก็ยังคงเหมาะสมสำหรับผู้นำทีม  


เห็นด้วยและคิดเหมือนกันเกือบทุกอย่าง

แต่เรื่องวิธีแก้ให้maxต่ำลง เอาง่ายๆตีไปอย่างของปีนี้ maxไม่ควรเกิน 35 minควรตั้งให้สูงกว่านี้ ต่ำๆก้เท่าตัวจากที่คนนๆนั้นควรได้

ส่วนที่กลัวว่าทีมตลาดใหญ่จะเซ็นmax หลายคนเพระาเงินเหลือแล้วเป็นซุปเปอทีม

อันนั้นเขียนกฏขึ้นมาเฉพาะเลยก้ได้ว่า maxได้แค่ 1 คน สมมมติ35ล้าน คนรองลงมาได้อีกแค่ไม่เกิน2คนที่ 30 ล้าน ที่เหลือต้องเฉลี่ยให้พวกตัวระดับกลางๆ และบังคับให้มีคนเซ็ดminได้แค่ 3คนในทีม

คือเป็นระบบfixเลยว่าต้อง

ห้ามเกิน 35 1 คน
ห้ามเกิน 30 2 คน
..
....
....
...
min 3คน


ส่วนเรื่องบีบสัญญาให้ต่ำปีลง เห็นด้วยนะ แต่ต้องหาวิธี เพราะพวกสัญญายาวๆอะคือพวกรับเยอะไอพวกนี้ต่อให้ขาหักไปเจ็บยาว มันมีเงินเลี้ยงตัวเองตลอดชีวิตอยุ่แล้ว เช่นบูกี้ ช่างมันไปเถอะ
เอาให้ลีคสนุกเพราะต้องตั้งใจเล่นตลอดสัญญาดีกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย a.Raptor v.10 เมื่อ Thu Jun 30, 2022 18:21, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

เมื่อไหร่โดนบังคับให้ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด ถือว่าเราตายไปแล้ว :D
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: INNER CIRCLE || BLIИK || THE BLUES
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 17500
ที่อยู่: YG EИTERTAIИMEИT || STAMFORD BRIDGE
โพสเมื่อ: Fri Jul 01, 2022 00:05
[RE: [NBA]อาจจะเพิ่ม Salary Cap เป็น 123.6m]
ค่าเหนื่อยนักบาสแพงกว่านักบอลเยอะเลยแหะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
________________________WINNER || BLACKPIИK || CHELSEA________________________
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Jun 2022
ตอบ: 506
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 01, 2022 02:38
[RE: [NBA]อาจจะเพิ่ม Salary Cap เป็น 123.6m]
bossa26 พิมพ์ว่า:
ไม่ค่อยชอบโครงสร้างเค้าเลย
ตัวแมกซ์นี่มันกินเงินเยอะโคตรๆ ตัวเดียวเกือบครึ่งแคปแล้ว  


เค้าสร้างมาเพื่อให้คนเก่ง รับเยอะ โหดเป็นผู้นำทีม เราถึงเห็นหลายคนปากเก่ง หาscene วัฒนธรรมเค้าคือ I’m the best and winner take all
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jun 2020
ตอบ: 1378
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Jul 01, 2022 14:59
[RE: [NBA]อาจจะเพิ่ม Salary Cap เป็น 123.6m]
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
OGCGOD พิมพ์ว่า:
bossa26 พิมพ์ว่า:
OGCGOD พิมพ์ว่า:
bossa26 พิมพ์ว่า:
ไม่ค่อยชอบโครงสร้างเค้าเลย
ตัวแมกซ์นี่มันกินเงินเยอะโคตรๆ ตัวเดียวเกือบครึ่งแคปแล้ว  


ผมว่ามันคือความยากของทีมบริหารครับ คือการให้ Max หรือ Super Max เนี่ยเขาไม่ได้บังคับให้เซ็น

ดังนั้นทีมจะต้องรับความเสี่ยง มันได้อย่างเสียอย่าง

ถ้าเซ็น Max จริง ก็จะรั้ง Star ไว้ได้ ทีมดูมั่นคง อาจจะขายสินค้าได้ อาจจะคงแฟนทีมไว้ได้ สร้างตำนานทีมต่อไปได้ แต่ก็ต้องแลกกับการที่หาเพื่อนร่วมทีมเก่งๆยากขึ้น ต้องมองหาคนที่ราคาถูกและดี

ถ้าไม่เซ็น ก็ไม่เปลืองแคป แต่เขาก็อาจจะไปหาทีมอื่นที่ให้เขาได้

ซึ่งจริงๆการที่จะได้ 30-40% มันมีกฎระดับนึงเลยนะ ไมใช่ว่าจะได้ง่ายๆ

แต่ NBA ก็เปิดช่องไว้ไงครับ ถ้าไม่อยากอยู่ในข้อจำกัดเหล่านี้ เสียภาษีฟุ่มเฟือยสิจ๊ะ

สุดท้าย NBA ได้ประโยชน์ ผู้เล่นได้ประโยชน์ เพราะดูดเงินออกมาจากทีม 555555  


ผมว่ามันก็ไม่วินทุกคนนะ
เท่าที่เห็นหลายๆทีมก็ไม่อยากเสียภาษี
มันเลยกลายเป็นพวก max super max ก็ได้เยอะโคตรๆไปเลย
แล้วที่เหลือก็ไปกดกับตัวอื่น แล้วส่วนใหญ่แต่ละทีมแคปก็ไม่ค่อยพอทั้งนั้น จะย้ายทีมก็ไม่ใช่ว่าจะได้เยอะกว่ากันเสมอไป

พวกแม็กซ์อยากให้ไม่เกินซัก 30% supermax เป็นข้อยกเว้นส่วนเกิน max ไม่ต้องเอามานับ  



ใช่เลยครับมันไม่วินทุกคน ถ้าคิดตามสัดส่วนรายได้มันค่อนข้างห่างกันระหว่าง Minimum กับ Max35%

จะต่างกันอยู่ประมาณ 20 เท่าได้ซึ่งมันห่างเหมือน เงินเดือนเด็กจบใหม่ 2 หมื่น กับผู้นำองค์กร 4 แสน

มันห่างกันเบอร์นั้นทั้งๆที่คัดเป็นผู้เล่นระดับโลกมาแล้ว คือใจผมก็อยากให้ปรับโครงสร้างเรื่อง Minimum ขึ้นนะ แต่มันก็จะยิ่งไปดัน Cap อีก


Spoil
อันนี้กาวๆนะ เรื่องโครงสร้าง Contract ผมมองว่าอยากให้เปลี่ยนหลายอย่าง คือ Max ของลีคอะ 35% ได้ แต่อยากให้เปลี่ยนโครงสร้าง % ให้ซอยย่อยกว่านี้เช่น

ประสบการณ์ 0-3 ปี เซ็น Max 20%
ประสบการณ์ 4-6 ปี เซ็น Max 25%
ประสบการณ์ 7-9 ปี เซ็น Max 30%
ประสบการณ์ 10+ ปี เซ็น Max 35%
(ปัจจุบัน ช่วงประสบการณ์ 0-6 มันเซ็นได้ 25% เลย)

อีกอย่างคืออยากให้ลดอายุสัญญาพื้นฐานลง 1 ปี เหลือ เซ็นได้สูงสุด 3 ปี ถ้ามี Bird Rights เพิ่มเป็น 4 ปี และตัดสิทธ์ Bird Rights สำหรับผู้เล่นประสบการณ์ 10+ ปี
เพราะผมไม่ชอบสัญญาขยะ และสัญญาที่ไม่เหมาะสมกับฝีมืออะ สัญญาสั้นลง มันจะได้เพิ่มค่าตัว หรือลดค่าตัวกันเร็วขึ้น  

จากการที่ผมดูบาสมาหลายปี ปัญหาอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างเพดาน Max กับ Minimum ซะทีเดียวครับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นชัดๆเลยคือ คนรับสัญญาระดับต่ำเยอะขึ้น คนรับสัญญาระดับกลางน้อยลง

ซึ่งปัญหาที่ผมเห็นมีประมาณนี้นะ
1.ทีมให้สัญญาระดับสูงกับผู้เล่นง่ายเกินไป ก็จะมีทั้งกรณี
- ให้สัญญาระดับสูง หรือให้ Max กับผู้เล่นที่มองว่าเป็นอนาคต ทั้งๆที่ฝีมือยังไม่ได้สูงมาก ยกตัวอย่างเช่น Fox Dlo MPJ
- ให้สัญญากับผู้เล่นมือ2 ของทีมสูงเกินไป หรือบางทีมก็ให้ Max เลย ยกตัวอย่างเช่น Simmons Klay Gobert Middleton Mccollum ตรงนี้ก็จะทำให้ทีมเหลือ Cap น้อยเกินกว่าเหตุ กลายเป็นการเซ็น Role Player ต้องกด Salary เขา

2.เหตุการณ์ Star เบอร์ 1 ย้ายไปรวมเป็น Big3 หรือ Duo กันมากขึ้น ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นสัญญา Max กันเกือบทั้งนั้น ทำให้มันกิน Cap เยอะมาก ทำให้เกิด 2 สิ่งนี้ขึ้น
- ผู้เล่นที่เหลือจะกลายเป็นผู้เล่นฝีมือน้อยซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะต้องหาผู้เล่นค่าตัวไม่สูง ทำให้ความต่างมาก
- Role Player ที่ควรได้สัญญาปานกลาง ยอมลดค่าตัวของตัวเอง เพื่อไปร่วมทีมเหล่านี้ เพราะอยากลุ้นแชมป์ ทำให้ผู้เล่นดู Salary ต่ำกว่าเดิมอีก

มันเลยทำให้ Salary เฉลี่ยในลีคสูงขึ้นจากผู้เล่นเหล่านี้ ทีนี้ถ้าทีมอยากจะลุ้นแชมป์ มันเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องจ่ายภาษีฟุ่มเฟื่อย ซึ่งทุกทีมพร้อมจ่ายนะถ้าต้องลุ้นแชมป์ แต่พร้อมจ่ายเท่าไหร่นี่อีกเรื่อง

ซีซั่นที่ผ่านมามีทีมที่ Cap เกินอยู่ 14 ทีม ซึ่งเกือบทุกทีมเข้าข่ายข้อ 1 ไม่ก็ 2

ส่วนทีมที่ Cap เหลือบาน มีหลายทีมนะ อย่างก็อย่างที่บอกว่า ผู้เล่นที่พอมีฝีมือ ยอมลดค่าตัวไปลุ้นแชมป์ดีกว่ามาเสียเวลาแล้วได้เงิน อีกส่วนนึงคือเป็นแผนของทีมเด็กๆด้วย

ที่พิมพ์มาอยากสรุปในคหสต.ว่า
1.มันเป็นความผิดพลาดของทีม ที่เซ็นผู้เล่นบางคนแพงไม่สมเหตุสมผลจนไปกินแคป
2.หลายๆครั้งที่ผู้เล่นเลือกที่จะลดสัญญาเอง ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องรับต่ำ


การกำหนด Max ไว้ที่ 25% Up แล้วมี Salary Cap มาค้ำไว้ โดยตัวของมันเองมีข้อดีมากกว่า
ส่วนหนึ่งมันคือการบังคับให้กระจาย Star ให้อยู่คนละทีม และกระจายผู้เล่นสัญญาระดับกลาง และระดับล่าง ให้เสมอกันด้วย เพื่อไม่ให้เกิความหล่ำล้ำของฝีมือแต่ละทีมมากเกินไป


ผมเลยคิดว่า ถ้าจะแก้ควรจะแก้กฎเกี่ยวกับจำนวนผู้เล่นที่รับสัญญาระดับสูงในทีม ถึงจะตรงจุด
ถ้ากาวๆก็แบบถ้ามีผู้เล่นสัญญา Max อยู่ในทีมแล้ว 1 คน อีกคนจะไม่สามารถมีสัญญาเกิน 25% ได้ มันจะได้กระจาย Salary กันมากขึ้น และอาจจะผลักดันผู้เล่นให้ไปเป็นมือ 1 ทีมตัวเอง มากกว่าการจะไปรวมเป็น Superteam

ถ้ายกเว้น Cap ในส่วนที่เป็น Supermax มันน่าจะยิ่งเอื้อให้ทีมที่เป็น Star มารวมตัวกัน ยังเหลือ Cap ไปเซ็น Role Player มาเพิ่มอีก ซึ่งมันอาจจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางฝีมือแต่ละทีมมากขึ้น

หรือถ้าเราลดเพดาน Max ลงมาที่ 20-25% ทั้งลีค อันนี้ก็จะส่งผลให้เกิด Superteam ง่ายขึ้นอีกเพราะ Cap มันเหลือ


สุดท้ายถึงบอกว่ามันคือความยากของทีมบริหาร คือเขาไม่บังคับเซ็น คุณจะไม่เซ็น Max ใครเลยก็ได้

จะเซ็นผู้เล่นตัวจริงทุกตัว 15M สำรองทุกตัว 5-6M แต่ถามว่าจะได้แชมป์ไหมมันก็คงยาก

สุดท้ายมันก็ต้องพึ่ง Star ค่าตัว 30-40 ล้านอยู่ดี ซึ่งผมมองว่าค่าตัวระดับนั้นก็ยังคงเหมาะสมสำหรับผู้นำทีม  


เห็นด้วยและคิดเหมือนกันเกือบทุกอย่าง

แต่เรื่องวิธีแก้ให้maxต่ำลง เอาง่ายๆตีไปอย่างของปีนี้ maxไม่ควรเกิน 35 minควรตั้งให้สูงกว่านี้ ต่ำๆก้เท่าตัวจากที่คนนๆนั้นควรได้

ส่วนที่กลัวว่าทีมตลาดใหญ่จะเซ็นmax หลายคนเพระาเงินเหลือแล้วเป็นซุปเปอทีม

อันนั้นเขียนกฏขึ้นมาเฉพาะเลยก้ได้ว่า maxได้แค่ 1 คน สมมมติ35ล้าน คนรองลงมาได้อีกแค่ไม่เกิน2คนที่ 30 ล้าน ที่เหลือต้องเฉลี่ยให้พวกตัวระดับกลางๆ และบังคับให้มีคนเซ็ดminได้แค่ 3คนในทีม

คือเป็นระบบfixเลยว่าต้อง

ห้ามเกิน 35 1 คน
ห้ามเกิน 30 2 คน
..
....
....
...
min 3คน


ส่วนเรื่องบีบสัญญาให้ต่ำปีลง เห็นด้วยนะ แต่ต้องหาวิธี เพราะพวกสัญญายาวๆอะคือพวกรับเยอะไอพวกนี้ต่อให้ขาหักไปเจ็บยาว มันมีเงินเลี้ยงตัวเองตลอดชีวิตอยุ่แล้ว เช่นบูกี้ ช่างมันไปเถอะ
เอาให้ลีคสนุกเพราะต้องตั้งใจเล่นตลอดสัญญาดีกว่า  


ใช่ๆอยากได้ประมาณนั้นเลย แต่ว่ามันน่าจะต้องกำหนดเป็น % เพราะ Cap มันขยับทุกปี
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel