เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กฎ ก.ร.ว่าด้วยการให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ซึ่งมีอายุครบ 60 บริบูรณ์ รับราชการต่อไป พ.ศ. 2565 ลงนามโดย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. เป็นต้นไป

สาระสำคัญ คือการ กำหนดให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญซึ่งมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณ และดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ หรือระดับทรงคุณวุฒิ หรือดํารงตําแหน่งประเภท ทั่วไป ระดับอาวุโส หรือระดับทักษะพิเศษ

สามารถ รับราชการต่อไปเมื่อสิ้นปีงบประมาณ ที่มีอายุครบ 60 ปี แล้ว แต่จะต้องเป็นกรณีที่มีเหตุผลและความจําเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ

ซึ่งตําแหน่งที่จะให้ผู้นั้นรับราชการต่อไปต้องเป็นตําแหน่งที่มีความขาดแคลน บุคลากรในเชิงปริมาณ หรือเชิงคุณภาพ ต้องใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์ทางวิชาการ ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกระบวนงานของฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางวิชาการหรือหน้าที่ ที่จะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว และหาผู้อื่นปฏิบัติงานแทนได้ยาก








https://ch3plus.com/news/political/middaynews/298067?fbclid=IwAR1LsxRaVgVvgeTHakZurUtveb1jTnJuMITsAvVHbHldA7YAHYklv-WB6-M&fs=e&s=cl

ประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยผู้สูงอายุ จริงๆมันก็ไม่ผิดนะถ้าแก่แบบมีคุณภาพ แต่ส่วนใหญ่นี่แก่เพราะเกิดนาน เหนื่อยกันยาวๆ

เท่าที่อ่านก็สมเหตุสมผลดีนี่ครับ ให้ทำได้เฉพาะตำแหน่งที่ขาดแคลนบุคลากร

อันนี้มันไว้จ้างคนเก่งๆ ต่อ เฉพาะด้าน ไม่ได้จ้างทุกคน

เหมือนเป็นช่องโหว่อะแหละ บุคลากรขาดแคลน แต่ไอ้ที่เอามาให้อะมันตรงกับ requirement ของงานนั้นเปล่า

ปัญหาก็เหมือนปัจจุบันนี้ครับ พยาบาลขาดแคลนหนักมาก และก็มีพย.ใหม่พร้อมบรรจุเยอะมาก แต่สิ่งที่รัฐทำคือไม่เปิด"ตำแหน่ง"เพิ่มครับและยังให้คนที่อายุพร้อมเกษียณแล้วนั่งต่อไปอีกครับ

กลายเป็นว่าคนขาดแคลนจริง แต่บรรจุใหม่ไม่ได้
อันนี้ก็เหมือนเตรียมล็อคเก้าอี้ไว้ให้เลยเช่นกัน

ถ้าการจัดการดีๆ ฝ่ายบุคคลมันก็ต้องรีบหาคนมาแทนตั้งแต่ที่รู้ว่าเขาจะเกษียณกันแล้ว

ทั้งประเทศสงสัยไม่มีคนเก่งเลยมั้งในตำแหน่งนั้นๆอะ ใช้เวลาหากันหลายปีขนาดนั้นเลยเหรอ

คนในองค์กรไม่มีใครทดแทนกันได้เลยไง๊ แค่นี้ก็บ่งบอกการทำงานละ

สร้างช่องโหว่เผื่อไว้อะดิ

ผมเห็นด้วยบางตำแหน่งหรือสายอาชีพนะ เช่น อาจารย์หมอ ที่มีประสบการณ์หรือเชี่ยวชาญในแขนงนั้นๆ ให้เกิน 60 แต่ถ้ายังสอนยังให้ความรู้ได้ ก็ไม่ติดอาราย ขอให้พวกที่ได้ต่ออายุราชการได้พิจารณาตามความเหมาะสมตามความรู้ความสามรถที่ขาดแคลนก็โอเค ครับ

จริงๆระบบพวกนี้มันดีนะ ต่างชาติที่เข้าสู่วัยสูงอายุก็ใช้กัน

แต่มันผิดที่ไทยเอาแต่ละคนเข้ามาทำงานแล้วมันไม่เวิคไง

ลองนึกสภาพมีหัวเรือแบบบิลเกต ทิมคุก สิ พวกนี้เกิน 60 แล้วทั้งนั้น

หรือคุณชัชชาติก้ได้นั่นก้จะ 60 แล้ว

คล้ายๆกับระบบ สว แหละมั้ง ที่ต้องเปนหัวกะทิของแต่ละสาขาถึงจะได้เข้าไปช่วยดูแลกฎหมายให้มีความรอบคอบและมีประสิทธิภาพ

แต่ก้นั่นแหละ ระบบที่วางกับการทำงานจริงมันไม่ค่อยเหมือนกัน

เออ พอมองมุมนั้นก็จริงแฮะ ยิ่งระบบแบบไทยๆด้วย ผมก็ไม่ทันได้นึกถึง

การต่ออายุราชการก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่จุดสำคัญ คือ ข้าราชการที่จะต่ออายุราชการต้องประเมินศักยภาพตัวเองอย่างตรงไปตรงมาด้วย ว่ายังมีศักยภาพพอจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กร/ประเทศหรือไม่ ถ้าไม่มีศักยภาพพอก็ควรมีความละลายและเกษียณไปตอนอายุ 60

เด็กรุ่นไหม่ก็ไม่ได้โตสิครับ

ผมก็ไม่มีความรู้เรื่อง ข้าราชการรัฐสภา ที่พิเศษมากๆจนไม่มีใครทดแทนได้หรอกนะครับ แต่ผมคิดว่ามันสามารถทดแทนได้ตามหน้าที่
ไม่เหมือนกับพวกอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่บางสาขามันยากเหลือเกิน ไม่มีคนเรียน/คนเรียนน้อย (ไม่เชี่ยวชาญ)
ก็ต่ออายุอาจารย์ออกไปจนกว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญมาได้
อย่าง อ.ผม เชี่ยวชาญ Embryology อยู่ภาควิชาชีววิทยา แต่ในปัจจุบันไอ้พวกที่น่าจะเก่งเรื่องพวกนี้มันไปสายแพทย์หมดละ พวกโอลิมปิกก็ไป ตปท. ไปสาย DNA สายที่มีเอกชนสนับสนุนกันหมดละ อนาคตมหาลัยจะเหลืออะไรละ

จขกท. ลองไปอ่านรายละเอียดข้างในจริงๆก่อนครับ อย่าเพิ่งด่า... มันเฉพาะตำแหน่งที่ขาดแคลนแล้วไม่สามารถสร้างคนใหม่ได้ทัน

บางตำแหน่งมันต้องอาศัยระยเวลาและความเชี่ยวชาญจริงๆ อย่างตำแหน่งพวกนักกฎหมาย ผมเคยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ บางเรื่องมันต้องมีประสบการณ์พอสมควรถึงจะรันงานได้

เคยดีลงานด้วย ถามข้อหารือไป กฎหมายมาตรานี้ที่มาที่ไปคืออะไร? เจตนารมณ์ตอนร่างข้อกฎหมายเขามองในมุมไหน? ประเด็นกฎหมายนี้เคยมีการหารือมาในเรื่องใดแล้วบ้าง?

คำถามพวกนี้ ถ้าไม่มีประสบการณ์หรือไม่ได้เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่กับงานมานานจริงๆ "บอกเลยว่ายาก" ครับ

ถามว่าวิธีแก้คือยังไง ก็ต้องสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นครับ ณ ตอนนี้ปัญหาทรัพยากรบุคคลภาครัฐมันหนักจริง

บางคนบอกเด็กรุ่นใหม่ก็ไม่ได้โตซิ คือ...มันโตไม่ทันใช้งานครับ

เอาจริงๆมันก็เป็นปัญหาการบริหารทรัพยากรบุคคลด้วย แทนที่จะรับเด็กเรื่อยๆ มีการสร้างเด็กขึ้นมา

แต่กลายเป็นว่าบางหน่วยของบบรรจุไป บางปีก็ให้ บางปีก็ไม่ให้หรือให้น้อย

พวกเด็กที่อยู่เจอระบบเข้าไปก็ลาออกบ้าง ไปทำอย่างอื่นบ้าง สมองไหลไปหน่วยงานอ่านที่ดีกว่าบ้าง มันเลย "โดไม่ทัน" ใช้งานไงครับ

ผมว่าบางที จขกท. หรือ ใครก็ตาม ต้องเปลี่ยนทัศนคติบ้างนะ ไม่ใช่เห็นว่าอะไรที่มัน "เก่าหรือแก่" แล้วจะเท่ากับ "ไม่เจริญ" ไปเสียหมด หน้างานจริงๆ มันคนละเรื่องกันครับ