นั่นแหล่ะครับ สมัยแกเป็นรมต. ดันเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูง แกก็ชนหมดนะ แต่สุดท้ายแกแพ้ แล้วทำไมแค่ระดับกทม.ถึงคิดว่าแกจะไม่กล้าชน

วิโรจน์​เเกเเซะชัชชาตินิดๆหน่อยๆตลอด
ผมว่าเเกเหมาะอยู่ในสภามากกว่า​
ชัชชาติ​เเกลงพื้นที่มาตลอด​ ไม่ใช่เพิ่งมาเเสดงตัวว่าจะลงผู้ว่า​ ผมว่าเเกโคตรพร้อม​
นโยบายผู้ว่า​ มีเวลาสี่ปี​ ทำได้50%ผมว่าเก่งเเล้วนะ​
ถ้ามาถึงรื้อๆๆๆ​ ล่อไปสองปีอะ​
ถ้าชัชชาติ​ เเล้วตามด้วย​วิโรจน์​ อาจจะดีนะ​
เเต่วิโรจน์​เข้าไปเเล้วบอกจะชนอย่างเดียวนี่​ พวกเกียมลับมีดละมั้งถ้าเเกได้ผู้ว่าอะ​

.
ถ้าให้เลือกพรรคผมก็ยังเลือกส้มนะ​ เเต่ตัวผู้สมัครผมใช้ชัชชาติ​เต็มร้อยเลย

ระหว่างพนักงานที่สมัครชิงตำแหน่งประธานบริษัท กับคนที่เป็นผู้บริหารมาชิงตำแหน่งประธานบริษัทแนวคิดมันต่างกัน พนักงานบอกผมจะจัดการงั้นงี้จะเปลี่ยนแปลงงั้นงี้จะชนรัวๆ ในขณะที่ผู้บริหารบอกมองภาพรวมของบริษัทแล้วจะปรับโครงสร้างโดยแก้ในทีแต่ละแผนกแต่ละส่วนให้มันแข็งแรงขึ้นไปพร้อมๆกัน คิดว่าคนในบริษัทจะเลือกใครล่ะ

ทำงานจริงใครเขาจะไปทำด้วย งานมันจะเดินไหม อย่าอยู่แต่ในโลกแห่งอุดมคติ นี่มันเลือกตั้งท้องถิ่น คนอยากได้การพัฒนา การแก้ปัญหา ไม่ใช่มัวแต่จิกกัดแบบนี้
ขนาดพี่เอ้ จากพรรคแมงสาปแท้ๆยังไม่เป็นลูกอีช่างแซะแบบนี้เลย

ปล.รอดูมาพักใหญ่ ตอนนี้ตัดสินใจได้แบบ 100% แล้ว

ผมว่าบางทีวิโรจน์ก็ลืมไปหน่อยว่ากำลังลงสมัครผู้ว่าไม่ใช่ ส.ส.

ลงสมัครผู้ว่าต้องชูนโยบายเป็นแกนหลักให้คนมาเลือก

ไม่เหมือนส.ส.ที่นโยบายเป็นของพรรค ส่วนตัวบุคคลไม่ต้องเน้นหาเสียงกับตรงนี้

อย่าง งง มีบอก ความตั้งใจไม่มากพอ ถ้าแพ้แล้วเลิกเล่นการเมือง ดึงดราม่าขอคะแนนสงสาร
ชัชชาติลงพื้นที่ก่อนล่วงหน้า2ปีครึ่ง ตั้งแต่ยังไม่มีประกาศรับสมัครผู้ว่ากทม. บอกเค้าตั้งใจไม่มากพอ
55555555555

ผมงงว่าผู้ว่ากรุงเทพนี่ต้องชนอะไรขนาดนั้น ผมอ่านจากหลายๆที่วิโรจน์แก้ปัญหาโครงสร้าง อันนี้คืออะไรผู้ว่ากทม.มีอำนาจตรงนี้ด้วยหรอ อันนี้ผมไม่รู้จริงๆว่าปัญหาโครงสร้างที่ผู้ว่าแก้ได้คืออะไร นโยบายที่พูดมาผมไม่เห็นมีอะไรที่ต้องชนหรือแก้ปัญหาโครงสร้างอะไรเลย มันเรื่องของความร่วมมือทั้งนั้น ชนแล้วไงถ้ากฎหมายไม่ให้ผู้ว่าทำอะไรได้ละ ถ้าเป็นสส.คงให้คะแนนวิโรจน์แต่ผู้ว่ามองว่าไม่เหมาะ

วันนี้พรี่เอ้แซะแรงอยู่ครับ เพิ่งมาแซะนี่แหละ

ผมนอกเรื่องนิดได้ไหม

นิยามการเมืองเก่าการเมืองใหม่นี้มันคือการแซะ-ไม่แซะหรอ ผมนึกว่าหมายถึงวิธีการทำงานของพรรคและ สส. ในสภาที่เถียงกันเรื่องดีล-ไม่ดีล

แต่อันนี้ผมอาจจะเข้าใจผิด เพราะในทางวิชาการกับในทางเวทีสังคมทั่วไปอาจจะไม่เหมือนกัน

ผมยกตัวอย่างจากบทความของทางอนาคตใหม่เอง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นช่วงแรก ๆ ที่มีคนเริ่มจุดประเด็นนี้ขึ้นมา

https://futureforwardparty.org/?p=293

จากบทความจะเห็นว่ามีแค่ข้อแรกข้อเดียวที่พูดถึงการเมืองเก่าว่าคือการสาดโคลน จ้องทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียวโดยไม่เสนออะไรใหม่และไม่คำนึงถึงวิธีการ นอกนั้นอีก 7-8 ข้อพูดถึงวิธีการทำงานการเมืองของพรรค (ซึ่งไม่ใช่ว่าอนาคตใหม่หรือก้าวไกลจะทำได้ทุกข้อนะ บอกไว้ก่อน)

ที่ผมต้องพูดประเด็นอย่างนี้เพราะไม่อยากให้เกิดภาพเพ้อฝันว่าการเมืองในฝันมันจะต้องบริสุทธิ์แบบที่ทุกคนจะต้องไม่ discredit กัน จะต้องเสนอแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ คือถ้าลองไปติดตามการเมืองต่างประเทศก็จะเห็นว่าการโจมตีฝ่ายตรงข้ามเป็นกลยุทธทั่วไปในการรณรงค์การเลือกตั้งหรือการดีเบต โดยเฉพาะการเมืองอเมริกานี้อย่างหนัก แต่มันมีเส้นแบ่งอยู่ระหว่างการโจมตีด้วยการแซะ การวิจารณ์ การด่า กับการสาดโคลนด้วยความเท็จเพื่อหวังทำลายล้างสถาบันพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามแบบที่ ปชป. ทำ

อย่างที่ผมพยายามย้ำหลายครั้งว่า ประชาธิปไตยมันไม่ใช่ระบอบการปกครองที่ดีที่สุด แต่เป็นระบอบการปกครองที่เลวร้ายน้อยที่สุดแล้วเท่าที่มนุษยชาติเคยลองกันมา เพราะฉะนั้นไม่ควรวาดภาพว่าการเมืองใหม่หรือการเมืองที่ดีจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีจุดด่างพร้อย แต่ควรสร้างสำนึกในการเคารพกติกาและเคารพอำนาจเจตจำนงค์ของประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง

เลยไม่แน่ใจว่าไอ้เรื่องการเมืองใหม่ต้องห้ามแซะ ห้ามด่ากัน นี้มันมาจากไหน

เเกคงคิดจะดึงคะเเนนฝั่งชัชชาติ​เเหละ​
เเต่ผมว่า​ฐานเสียงชัชชาติ​หลากหลายมากๆนะ​ ดีไม่ดีข้ามไปฝั่งโน้นที่เค้ารู้สึกเบื่อกับระบบ​ ปชป​
เวลาเเกลงพื้นที่​นี่คือสลัมอะไรเเกเข้าไปนานเเล้วนะ​ รายการของ​ วันนะซิง ตอนชัชชาติ​นี่ออกไปนานมากน่าจะปีกว่า​ เเกพูดอะไรดูเข้าใจง่ายมากๆ​
ที่สำคัญ​เเกเป็น​ เทคโนเเครท​ อยู่เเล้ว​
รอบที่เเล้วโดนรัฐประหาร​ เเกก็กลับมาทำงาน​ ceo​
รอบนี้เเกก็บอก​ พอเเล้วถ้าไม่ชนะ​ คนรุ่นใหม่เก่งๆมีเยอะ

ไอ้เรื่องชนๆนี่พูดง่ายแต่มันทำยาก ถ้าก้าวไกลได้เสียงส่วนใหญ่ในสภานั่นแหละถึงจะพอทำได้ ผู้ว่าไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น

ผมว่าเรื่องนี้ อ.ชัชชาติ แม่นสุดเรื่อง พรบ.และอำนาจของ กทม. นอกจากนั้นยังโดนกำกับด้วยมหาดไทยอีก
ส่วนใหญ่เรื่องที่ กทม. แก้ไม่ได้คือเกินอำนาจทั้งนั้น อ.แกเลยบอกว่าอยากให้ กทม. แก้ปัญหาได้ต้องแก้ พรบ. เพื่อโอนอำนาจมาถึงจะจัดการได้เบ็ดเสร็จ

ชัชชาติ ตอบได้นิ่มๆ กินขาดเลยครับ

เราดำเนินตามนโยบาย ถ้ามีปัญหา ก็ต้องชน เพื่อ ให้มันสำเร็จ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน

วางแนวทางไว้ ให้ประชาชนรู้ว่า จะไปในทิศทางไหน ทำให้เกิดความเชื่อมั่น

เสียดายผมไม่ใช่คน กรุงเทพ

การเมืองใหม่ ไม่เน้นแซะ แต่เน้นดีล อิอิ

ผมก็มองว่าเป็นปกติธรรมดานะ แซะจุดเสียของผู้สมัครคนอื่นให้ประชาชนเห็น ส่วนประชาชนจะคิดยังไงก็แล้วแต่ แต่ละคน

แต่ส่วนก็ยังเลือก ชัชชาติ วินาทีนี้ดูเป็นไปได้และโอเคที่สุดสำหรับกทม.