มนุษย์ไม่มีทางเท่าเทียมกันได้อยู่แล้ว ถ้ามองในแง่สังคมศาสตร์ เพราะเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่เป็นสังคม ว่าง่ายๆเราคือสัตว์สังคม ดังนั้นเราจึงมีการแบ่งงานกันทำตามบทบาทหน้าที่ แค่ประเด็นง่ายๆที่ว่าแบ่งงานกันทำเนี่ย มันก็ทำให้ความเท่าเทียมไม่มีเหลือแล้ว
***อ่านเจอมาครับ คิดเห็นอย่างไรครับ

เวลาพูดว่า "คนเท่ากัน" หรือ "ความเท่าเทียม" มันไม่ได้หมายถึงว่า คนรวยกับคนจนต้องมีเงินเท่ากัน หรือคนจนต้องมีเงินเท่ากับคนรวย หรือคนกวาดถนนต้องได้เงินเท่ากับคนทำธุรกิจพันล้าน

ไม่ใช่เลย ยังแอบเสีบใจที่ แม่ลีน่าจัง ไปเข้าใจ วิโรจน์แห่งก้าวไกลผิดแบบนั้น ทั้งที่แม่ก็เป็นนักกฎหมายและนักการเมือง

หลักคิดคนเท่ากันตามหลักนิติศาสตร์คือ ไม่ว่าใครจะแตกต่างกันทางชนชั้น วรรณะแบบไหน ถ้ามีพฤติการณ์ที่กระทำผิดเหมือนกันแล้ว ย่อมต้องรับโทษ "เท่าเทียมกัน"

ตามหลักรัฐศาสตร์คือ ไม่ว่าใครจะแตกต่างกันทางชนชั้น วรรณะแบบไหนย่อมมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกกัน

ตามหลักเศรษฐศาสตร์คือ ไม่ว่าใครจะแตกต่างกันทางชนชั้น วรรณะแบบไหน ย่อมมีสิทธิในการเข้าถึงทรัพยการอย่างเท่าเทียมกัน

และไม่ว่าใครจะแตกต่างกันทางชนชั้น วรรณะแบบไหน ย่อมต้องได้รับการจัดสรรทรัพยากรจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน มีสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่าเทียมกัน ทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาลและการมีคุณภาพชีวิตที่ดียามชรา

ซึ่งหันมามองประเทศไทยสิ!!!!

จริงตามนั้นครับ แค่อย่าเลื่อมล้ำเยอะก็พอครับ

ไม่มีความเท่าเทียมหรอก ไม่ว่าจะในยุคไหน ต่อให้ยูโทเปียในอุดมคติก็ตาม

แต่ที่ต้องลดคือความเหลื่อมล้ำ การใช้ชีวิต ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสิ่งพื้นฐานได้ง่าย ๆ มากกว่า

ถึงต้องมีสิ่งมี่เรียกว่า สวัสดิการ ไงครับ

ส่วนตัวผมรู้สึกว่าก็เพราะสังคมมันเหลื่อมล้ำไงครับ ถึงต้องพยายามสร้างความเท่าเทียมให้ได้มากที่สุด

เวลาพูดว่า "คนเท่ากัน" หรือ "ความเท่าเทียม" มันไม่ได้หมายถึงว่า คนรวยกับคนจนต้องมีเงินเท่ากัน หรือคนจนต้องมีเงินเท่ากับคนรวย หรือคนกวาดถนนต้องได้เงินเท่ากับคนทำธุรกิจพันล้าน

ไม่ใช่เลย ยังแอบเสีบใจที่ แม่ลีน่าจัง ไปเข้าใจ วิโรจน์แห่งก้าวไกลผิดแบบนั้น ทั้งที่แม่ก็เป็นนักกฎหมายและนักการเมือง

หลักคิดคนเท่ากันตามหลักนิติศาสตร์คือ ไม่ว่าใครจะแตกต่างกันทางชนชั้น วรรณะแบบไหน ถ้ามีพฤติการณ์ที่กระทำผิดเหมือนกันแล้ว ย่อมต้องรับโทษ "เท่าเทียมกัน"

ตามหลักรัฐศาสตร์คือ ไม่ว่าใครจะแตกต่างกันทางชนชั้น วรรณะแบบไหนย่อมมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกกัน

ตามหลักเศรษฐศาสตร์คือ ไม่ว่าใครจะแตกต่างกันทางชนชั้น วรรณะแบบไหน ย่อมมีสิทธิในการเข้าถึงทรัพยการอย่างเท่าเทียมกัน

และไม่ว่าใครจะแตกต่างกันทางชนชั้น วรรณะแบบไหน ย่อมต้องได้รับการจัดสรรทรัพยากรจากรัฐอย่างเท่าเทียมกัน มีสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่าเทียมกัน ทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาลและการมีคุณภาพชีวิตที่ดียามชรา

ซึ่งหันมามองประเทศไทยสิ!!!!

เท่าเทียมกัน ไม่ได้หมายถึงทำงานเหมือนกัน รวยจนเท่ากัน

หมายถึงว่าจะทำงานอะไร รวยหรือจนยังไง ควรต้องได้รับการปฏิบัติ สวัสดิการ พอๆ กัน

แน่นอนว่ามันไม่ได้เท่าเทียมกัน 100% แต่ควรทำให้ช่องว่างมันน้อยที่สุด

จะบอกว่าทำไม่ได้เพราะเป็นธรรมชาติก็ไม่ใช่ เพราะประเทศอื่นเค้าพยายามทำได้เกือบ 100% แล้ว

ประเทศไทยยังมีคนมาเถียงแบบไม่รู้ความอีกว่าความเท่าเทียมไม่มีจริง

จริงครับซีรี่ย์ภาคต่อของพอเพียงเลยครับ ส่วนบอสใหญ่ชื่อว่าทุนนิยม

เท่าเทียมทาง สิทธิ เสรีภาพ ไม่ใช่เท่าเทียมทางสังคม เศรษฐกิจ

คนไทยเข้าใจผิดเยอะ ถ้าจะเอาแบบหลังต้องไปเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว

คนเราไม่มีทางเท่าเทียม (equality) แต่เราทำให้เกิดความเสมอภาค (equity) ได้ครับ ตามรูปนี้พอจะแยกความต่างได้เลย รัฐในฐานะคนจัดสรรทรัพยากร + ควบคุมกลไกต่าง ๆ เลยมีหน้าที่วางกล่องให้คนที่ด้อยโอกาสกว่าในด้านต่าง ๆ ครับ

ก็เห็นกัปตันเมกายังพูดเลยว่า the price of freedom is high always has been ไม่เกี่ยวได้ไงงงอ๊องเลย

มีบางกลุ่มตีเนียนเป็นเรียกร้องความเท่าเทียม แต่เบียวไปคอมมิวนิสก็มี 5555

ผมว่าเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่การตอกย้ำมิติยังไม่มากพอนะคนถึงยังพูดเรื่อยๆ คือการมองหาความเท่าเทียมมันไม่ใช่ว่าให้ทุกคนมีทรัพย์สินและสถานะทางสังคมเท่ากันหมด สิ่งที่การเรียกร้องนี้ต้องการมีคือการยกระดับสิทธิพื้นฐาน โดยเชื่อว่ามนุษย์เรานั้นเท่ากัน เพราะงั้นสิทธิ์ในการเข้าถึงเรื่องต่างๆควรจะมีเท่ากัน

ซึ่งที่ผ่านมาสังคมส่วนใหญ่ผ่านทุนนิยมมาทั้งนั้นเราเลยโดนปลูกฝังมาแบบฝังรากลึกเลยว่า จะเกิดเรื่องระยำกับคนที่สถานะต่ำกว่าก็ไม่แปลกอะไร เป็นความผิดที่ครอบครัวเขาตะเกียกตะกายขึ้นมาไม่ได้

ถ้าเราเชื่อว่ายังไงซะมนุษย์เราเท่ากัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรจะต้องใกล้เคียงกัน อย่างน้อยๆๆที่สุดก็พยายามก็ยังดี ผมว่านั่นคืออยู่ในฝั่งที่เชื่อว่าคนเราเท่ากัน คือการจะลดความเหลื่อมล้ำมันก็ควรจะต้องแก้ในระดับโครงสร้าง เพราะที่สังคมมันรันด้วยทุนนิยมก็เพราะโครงสร้างเรามันไปทางนั้น เพราะงั้นคนที่บอกให้เริ่มที่ตัวเรานี่คือพูดไปเรื่อย

ที่ตลกคือไอ้คนที่ออกมาต้านเรื่องนี้มันใช่ว่าจะมีแต่คนที่สถานะอยู่ในประโยชน์กับระบอบเอื้อนายทุนอย่างเดียวนะ พวกสลิ่มที่บางคนเมื่อก่อนก็เคยออกมาด่าแม้วว่าทำให้สังคมเหลื่อมล้ำ มาวันนี้ก็เนียนไปด่าด้วย เพราะคนพวกนี้มีเพื่อนเป็น elite แล้วก็เชื่อๆไปด้วยโดยที่ไม่ได้ดูสถานะที่บ้านเลย อารมณ์แบบเขาเรียกร้องสวัสดิการผู้สูงอายุ ตัวเองก็ออกมาค้านมั่วๆทั้งที่ตัวเองอีกไม่นานก็ต้องใช้

ส่วนพวกที่บอก เออ ไปทำนารวมไหม อันนี้เบียวไปเรื่อย ประชดประชันสุดโต่งว่าเรียกร้องเท่าเทียมกันคือเท่ากันทุกมิติ หัวใจมันคือ "ความพยายามลดความเหลื่อมล้ำและชะลอการผูกขาดของทุนนิยม"

ปัญหาพื้นฐานที่เบี่ยงหลบให้คล้อยตาม แตกออกมาหลอกคนหัวอ่อนให้ไม่ต้องคิดถึงปัญหามันจริงคนโกงทีี่ได้อะไรโดยง่ายจะได้มีความชอบธรรม

จริงครับ