ช่วง 1-2 ปีแทบนับครั้งได้ที่เราจะเห็นใครซักคนต่อกรกับ แมนฯซิตี้ ได้ “หนักแน่น” เหมือนที่ อาร์เซนอล แสดงออกใน 45 นาทีที่ เอมิเรสต์ สเตเดียม

แม้กระทั่ง เป๊ป กวาดิโอล่า ต้องยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่า “เดอะ กันเนอร์” เป็นทีมที่ดีกว่าแต่ท้ายที่สุดแล้วฟุตบอลมันอิงกับเหตุการณ์หน้างาน แค่บังเอิญวันนี้มันอยู่ฝั่ง ซิตี้

แฟนบอลที่ไม่ได้เชียร์ทั้ง 2 ทีมอาจรู้สึกเหมือนถูก “ลักหลับ” ขโมยเกมมันๆต้อนรับปี 2022 และ “ว่าที่” หนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของ อาร์เซอล จากใบแดงท่ามกลางดราม่าอีกหลายต่อหลายจังหวะที่ไม่เป็นใจให้ทีมจาก ลอนดอนเลย

เวลาเพียงแค่ 2 นาทีพลิกโฉมหน้าเกมที่เหลือจนทั้งนักเตะและแฟนเจ้าถิ่นทำใจรับไม่ทันด้วยซ้ำ

จุดโทษนาที 57 ของ ริยาด มาห์เรซ และใบเหลืองแดงของ กาเบรียล ในนาที 59

ครับ เรื่องการไล่ กาเบรียล แฟน “ปืนใหญ่” ติดใจน้อยสุดเพราะเป็นการทำตัวเองล้วนๆ ในฐานะกองหลังคุณไปหั่นโควต้า “ใบเหลือง” ของตัวเองด้วยการไปเถียงผู้ตัดสินจังหวะที่เพื่อนทำเสียจุดโทษก็เท่ากับตัดแขนขาตัวเอง

ผลที่ตามมาคือการตัดเกมกลางสนามที่ควรเป็นใบเหลืองแรกกลับเป็นเหลืองสองและทำให้ทีมที่กำลังติดลมบนเป็นรองทันที

แต่ที่เขา "ติดใจ" คือการตัดสินหลายๆอย่างตรงข้ามกับความรู้สึกของแฟน “ปืนใหญ่” แทบทุกจังหวะ เริ่มตั้งแต่ มาร์ติน โอนเดนการ์ด ถูก เอแดร์ซอน รวบในเขตโทษ

จังหวะนี้ไม่มีการเรียกดู VAR เพราะผู้ตัดสิน สจวร์ต แอตต์เวลล์ ให้เตะมุมตั้งแต่ทีแรกและ จาเร็ด กิลเลตต์ ผู้ควบคุมในห้อง VAR เห็นพ้องจึงเอกฉันท์

ผมดูภาพช้าตอนแรกคิดว่าน่าจะได้จุดโทษเพราะแข้ง นอร์เวย์ ถึงบอลก่อนและขาบังไว้แล้วแต่น้ำหนักที่ทำให้ผู้ตัดสิน 2 คนมองไปทางเดียวกันคือทิศทางของบอลมันเปลี่ยนชัดเจน

ธรรมชาติของทั้งผู้ตัดสิน (หรือแม้กระทั่งมุมของคนเล่นบอล) เมื่อมีการเข้าบอลและบอลเปลี่ยนทิศทาง ต่อให้ minimum contact โดนคนก่อนโดนบอลจะถูกมองว่าไม่ฟาว์ลมากกว่าฟาว์ล

แต่คำถามตัวโตๆคือแล้วจะมี VAR ไว้ทำไมในเมื่อการ “หยุด” ภาพมันชัดเจนที่ว่า เอแดร์สัน ไปเตะเท้าของ โอเดนการ์ด และบอลเปลี่ยนทิศเพราะเท้าของฝ่ายหลัง

นี่คือสิ่งที่เขาอยากถามกัน ถึงขนาดที่ว่าในแฟนปืน “ฝรั่ง” โลกโซเชี่ยลตั้งคำถามมีใบสั่งอะไรกับ อาร์เซนอล หรือเปล่า

ถ้าถามผมในจังหวะนี้ ผมมองว่า โอเดนการ์ด ท่าล้มไม่สวยครับ กล่าวคือเป็นท่าว่ายน้ำที่ตัวพุ่งไปข้างหน้าจนผู้ตัดสินมองว่าตั้งใจรอให้ contact เพื่อทิ้งตัวแต่ถ้าเอาตามกติกาลูกนี้โดนขาก่อนต้องจุดโทษครับ

ในทางกลับกันจังหวะ ชาก้า ทำฟาว์ล แบร์นาโด้ ผู้ตัดสินในสนาม wave play on (เพราะยืนห่างจากที่เกิดเหตุเยอะมาก) แต่ห้อง VAR สะกิดว่าควรเป็นจุดโทษทำให้แกต้องวิ่งมาดูเอง

แต่พอเราได้ดูเพลย์มันจ้าซะเหลือเกินว่า ชาก้า โดนโยกหลงไปอีกทางและกลับตัวไม่ทันแล้ว ขาที่ยื่นออกมาขวาง (พร้อมดึงเสื้อ) คือหลักฐานที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้า

อย่าว่าแต่ผู้ตัดสินหรือแฟนบอลเลยครับ อดีตนักเตะบอลยังเห็นไม่ตรงกันเลย ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตแข้ง แมนฯยูฯ มองว่า “ซิตี้” ไม่ควรได้จุดโทษ ส่วน โจเลออน เลสค็อตต์ อดีตกองหลัง “เรือใบ” มั่นใจว่ายังไงก็จุดโทษและต่อท้ายด้วยว่า “ปืนใหญ่” ก็ควรได้เช่นกัน

แม้ความเห็นเรื่องจุดโทษขัดแย้งกันแต่ทั้งคู่กลับเห็นเหมือนกันตรงที่ว่าการตัดสินของกรรมการ อังกฤษ ไร้มาตรฐาน

กล่าวคือจังหวะนั้นเช็ก VAR จังหวะนี้ไม่ยอมเช็ก ผิดกับทางผู้ตัดสินลีกใหญ่ยุโรปจะเดินไปดูลูกกังขาด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นว่าผู้คุมห้อง VAR เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร

ผมเสียดายแทน “ปืนใหญ่” ที่มีโอกาสนำ 2-0 ในครึ่งแรก (จาก มาร์ติเนลลี่) และช่วงพีคที่ควรพลิกนำอีกรอบอย่างไวแต่ มาร์ติเนลลี่ คนเดิมยิงโล่งๆข้ามคาน

ผมไม่อยากใช้คำว่า “ถ้า” ในสถานการณ์ที่ อาร์เซนอล แพ้ไปแล้วซักเท่าไหร่แต่ด้วยคุณภาพฝีเท้ามี 10 ให้ 10 ในครึ่งแรกและเล่นด้วยหัวจิตหัวใจตอนเหลือ 10 ตัวในครึ่งหลัง

ช่วงที่ตัวน้อยกว่า ผมรู้เลยว่าแฟน “ปืนใหญ่” รู้สึก ณ ตอนนั้นอย่างไร ทุกคนต้อง “ภูมิใจ” กับนักเตะในสนาม สปิริตและความใจสู้ที่งัดกับ “เรือใบ” ชนิดถวายหัวทำให้แฟนบอลส่งเสียงเชียร์อย่างเมามัน

แต่ที่มันโหดร้ายสำหรับ อาร์เซนอล คือวิธีที่แพ้วิธีที่เสียประตูนี่แหละครับ สรุปแล้วต้องให้พวกเขาทำอะไรมากกว่านี้อีกเหรอถึงจะมีแต้มในเกมนี้?

สิ่งเดียวที่เราพอจะปลอบเหล่า เดอะ กันเนอร์ส ในช่วงเวลาแบบนี้คือ “ปืนใหญ่” ทีมๆนี้มีอนาคตกว่าที่คาดไว้เยอะมาก

รูปเกมในครึ่งแรก “ปืนใหญ่” แสดงให้เห็นว่าระดับมาตรฐานที่สามารถขึ้นไปถึงได้มันสูงพอๆกับ ซิตี้ (แต่อาจไม่สม่ำเสมอเท่า) ช่วงต้นเกมอาจไม่กล้าเสี่ยง build up หน้าประตู (ซิตี้ เพรสสูง) และเลือกทิ้งบอลเลยเส้นกลางสนามขึ้นมาอยู่บ่อยครั้ง

แต่เทคนิคการเก็บบอลของทั้ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ บูคาโย่ ซาก้า 2 ผู้เล่นริมเส้นทำให้เจ้าถิ่นบังคับให้ไลน์แนวรับของ ซิตี้ ยิ่งเล่นยิ่งถอยร่นลงมาเรื่อยๆ

เรื่อยไปจนถึงการกดและขึงเกมในแดน “เรือใบ” (อยู่ช่วงนึง) ที่เป็นการหนามยอกเอาหนามบ่ง

แนวทางที่ มิเกล อาร์เตต้า เรียนรู้จาก เป๊ป มาใช้กำลังส่งสัญญาณที่สั่นระดับริกเตอร์กันเลยทีเดียว ถ้าให้เวลาและจับจ่ายอีก 1-2 ตลาด (ซัมเมอร์) น่าจะเบียด เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ได้แน่ๆ

แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการเข็นทีมรุ่นใหม่สายเลือดใหม่คือต้องเรียนรู้ชัยชนะที่มาจาก “วินัย” และ “จบสกอร์” กับโอกาสในเกมลักษณะแบบนี้ด้วยครับ

สำหรับ แมนฯซิตี้ ทุกอย่างทำท่าว่าจะจบง่ายๆและคู่ต่อสู้น่าจะยอมรับสภาพกันเรียบร้อย ขนาดวันที่เป็นรองยังกลับมาชนะได้จนตอนนี้ทิ้งห่าง 11 แต้มและคว้าชัย 11 นัดติด

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม Match day 17 ซิตี้ เบียดกับ ลิเวอร์พูล แต้มเดียวแต่แค่ 2 สัปดาห์ทิ้งไปไกล 12 แต้มแล้ว

เป็นซีซั่นที่ต้องบอกว่าโควิดเข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนจริงๆครับ...

สถิติ สถิติ สถิติ

การเอาชนะ อาร์เซนอล ทำให้ แมนฯซิตี้ ทิ้งที่ 2 ถึง 11 แต้มในวัน “ปีใหม่” โดยในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก มีเพียง แมนฯยูฯ (1993-94) และตัว ซิตี้ เอง (2017-18) ที่ทำได้มากกว่าทีมชุดนี้ (12 แต้ม)

ประตูทดเจ็บของ โรดรี้ (93.38) เป็นประตูท้ายเกมที่สุดของ “เรือใบ” ใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ กาเบรี่ยล เชซุส ทำไว้ในเกมพบ เซาธ์แฮมป์ตัน ปี 2018 (93.01)

ริยาด มาห์เรซ ยิงประตูให้ ซิตี้ มา 5 นัดติดทุกรายการ เป็นสถิติต่อเนื่องยาวนานที่สุดในการเล่นใน อังกฤษ ของเขาแล้ว

“ปืนใหญ่” กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ได้ใบแดง 100 ใบโดยในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า มีผู้เล่นถูกไล่ออกถึง 11 คนเข้าให้แล้ว

42% คือตัวเลขการทำประตูของ อาร์เซนอล ที่มาจาก 2 นักเตะดาวรุ่งอย่าง บูกาโย่ ซาก้า (6) และ เอมิล สมิธ โรว์ (8) โดยทั้งคู่เป็นดาวซัลและรองดาวซัลโวที่ยิงรวม 14 ประตูจาก 33 ประตูที่ “ปืนใหญ่” ทำได้ในซีซั่นนี้

ซาก้า (20 ปี 118 วัน) เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของ อาร์เซนอล ที่ยิงใส่ “แชมป์เก่า” หลัง นิโกลาส์ อเนลก้า (18 ปี 240 วัน) เคยทำไว้ในเกมพบ แมนฯยูฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1997

ไม่ได้ดูเกมส์ และยังไม่เห็นจังหวะปัญหา... แต่แค่เห็นจั่วหัวว่า VAR ก็ แอบเซงแล้ว.. มันค่อนข้างสะสมสำหรับผมและแฟนบอลหลายๆคนว่า... ขนาดมีตัวเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขนาดนี้ แต่ด้วยการที่คนใช้แม่งยังไม่มีมาตรฐานเดัยวกัน สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนวงการตัดสินบอลอังกฤษ ยังไม่พัฒนาไปไหนเลย....

ไม่ได้ดูเกมส์ และยังไม่เห็นจังหวะปัญหา... แต่แค่เห็นจั่วหัวว่า VAR ก็ แอบเซงแล้ว.. มันค่อนข้างสะสมสำหรับผมและแฟนบอลหลายๆคนว่า... ขนาดมีตัวเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขนาดนี้ แต่ด้วยการที่คนใช้แม่งยังไม่มีมาตรฐานเดัยวกัน สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนวงการตัดสินบอลอังกฤษ ยังไม่พัฒนาไปไหนเลย....

อย่าถามหาความยุติธรรม เพราะมันไม่เคยมีอยู่จริง

จริง 2 มาตรฐานมาก กรรมการอะ จังหวะนี้เช็คจังหวะนู้น ไม่เช็ค แต่ที่งงมากคือ จังหวะที่โรดรี้
เข้าหนักแต่ไม่ได้แม้แต่ฟาว ทั้งที่ใบเหลืองก็ได้ กลับได้แค่เตะมุม

กลับไปดูบอลแบบสมัยก่อนยังสนุกกว่า
เกมหยุดนานแต่เจือกไม่ช่วยอะไร สุดท้ายก็อยู่ในดุลพินิจของกรรมการอยู่ดี

มาตี้โดนเสียบอันตราย แต่ไม่ฟาว เป็นชาก้าคงลุ้นแดง

เราก็เบื่อ เหมือนมาตรฐานมีไว้เหมือนตามใบสั่งใครสักคนมากกว่ามาตรฐานกติกาจริงๆ เคสเดียวกันบางนัดก็ได้บางนัดก็ไม่ได้ งงไปหมดสำหรับแฟนบอล

แยกทีละเรื่อง

- ทีมที่ดีกว่าแพ้ --> อันนี้ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น ซิตี้ทีมนี้ยังถือว่าเป็นทีมที่ดีกว่าในเกือบทุกด้าน และดีกว่าเกือบทุกทีมในลีกตามหน้ากระดาษอยู่ดี เพียงแต่ปืนทีมนี้กำลังสุกงอมขึ้นเรื่อย ๆ และน่าจะเป็นทีมที่ดีทีมนึงในอนาคต (ถ้าทีมไม่แตกก่อน ตามลูปเก่า ๆ)

- กรรมการ, VAR, กับ จังหวะน่ากังขา --> เอาจริง ๆ ทุกทีมเคยมีประสบการณ์แบบนี้แหละ ประมาณว่ามันไม่ใช่วันของคุณ แต่แฟนอาร์เซนอลจะชินมากหน่อย เพราะมันบ่อยเหมือนอาร์เซนอลลืมจ่ายค่าธรรมเนียมอะไรบางอย่างให้ FA แล้วโดนแกล้ง จังหวะทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกมส์มันมีโอกาสที่กรรมการจะตัดสินผิดได้หมด เพียงแต่พอมันเอามารวมกันหมด แล้วมันก็ค่อนข้างชัดว่า กรรมการคนนี้ดูแปร่ง ๆ (อย่างน้อยที่สุดคือ มีอคติหรือไม่ค่อยชอบปืนอยู่ในใจ) จังหวะของโอเดการ์ดบอกเลยว่า มันก้ำกึ่งมาก ๆ แต่ในความก้ำกึ่งนั้นคิดว่า ถ้าผู้ตัดสินส่วนใหญ่ดู VAR อาจจะเป่าให้ ถ้านับตามมาตรฐานพรีเมียร์ ฯ นะ ........ส่วนจังหวะของชาก้า ผมมองว่า ถ้าผู้ตัดสินส่วนใหญ่ดู VAR น่าจะไม่ให้เป็นจุดโทษ เพราะซิลวาดูเจตนาทิ้งตัวชัดระดับนึง แต่เอาเถอะมันก็ให้ได้เหมือนกัน ...........อีกจังหวะที่สำคัญคือใบเหลืองแรกของกาเบรียล มีอีกกระทู้นึงตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ตัดสินแจกให้เพราะผู้เล่นซิตี้ผลักกาเบรียลไปชนผู้ตัดสิน ถ้าจริงอันนี้ถือว่าตลกร้ายเลย อาร์เซนอลผู้ทรนงและกำลังมา กลายเป็นอาร์เซนัลผู้น่าสงสารสัส ๆ

อีกส่วนนึงที่อยากนำเสนอคือ ต้องให้เครดิตในความแกร่งของซิตี้ด้วย

- ครึ่งแรกฟอร์มยังไม่เข้าที่ แต่ก็ประคองตัวให้ถูกนำแค่ลูกเดียวได้ เรียกว่ามีกระดูก มีความเขี้ยว

- จังหวะเข้าสกัดแม้ว่า บางจังหวะอาจจะเป็นเหลือง หรือเหลืองเข้ม ๆ ได้ (แต่ปรากฎว่าไม่โดนใบเหลืองเลยจนถึงจังหวะโรดี้ได้ใบเหลืองเพราะถอดเสื้อหลังยิงได้ช่วงทดเจ็บ ) แต่ก็ถือว่าเข้าสกัดได้ดี และเล่นหนัก + ฉลาดตามมาตรฐานของพรีเมียร์ฯ คือมันต้องยอมรับด้วยว่า ผู้เล่นอาร์เซนอลชุดนี้ มันยังไม่ค่อยมีตัวที่สกัดได้เนียน ๆ (ที่ดีหน่อย น่าจะเป็นโทมิ กับกาเบรียล) ส่วนใหญ่ถนัดแต่ทำ cheap foul เสียใบเหลืองแบบพร่ำเพรื่อ

- จังหวะที่แบร์นาโด้ ซิลวา เข้าไปดวลกับชาก้า จนได้จุดโทษ อันนี้จะว่าไปมันคงไม่บังเอิญ ต้องเรียกว่าซิตี้เก่งแหละ คือทีมมันมีอยู่ 11 คน แต่ตัวที่มีโอกาสทำเสียจุดโทษมากที่สุดคือ ชาก้านีแหละ เพราะมันจะช้าไปครึ่งจังหวะเสมอถ้าเป็นการเข้าสกัด แล้วซิลวาก็เป็นตัวที่คล่องที่สุดตัวนึงของซิตี้ด้วย เรียกว่า 1+1 มันจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากจุดโทษ 5 5 5 อันนี้จะว่าไปถือเป็นจังหวะที่เก่งอ่ะ เหมือนบาสหาจังหวะไปเรื่อย ๆ ได้ จนเจอตัว mismatched แล้วเข้าหาห่วงเลย

กรรมกากครึ่งแรกยังเนียน แต่ครึ่งหลังชัดไปนะ เหมือนซิตี้โดนนำแล้วเฮียกระตุ้นมาอ่ะ

ผมว่าควรยกเลิกห้อง VAR อะ ตั้งจอข้างสนามให้กรรมการในสนามเดินไปดูจอเองทุกกรณี

ทีมที่ดีกว่าเค้าหมายถึงการเล่นนัดนี้รึป่าวครับ แต่ถ้าพี่บอกว่านัดนี้ซิตี้ดีกว่า ผมก็ไม่มีอะไรจะเอ่ยครับ

เสียดายแทนแฟนปืน

ไม่ต้องมีมันละvar

ก็อะนะแมตช์นี้มันมีผลกับหลายๆทีมไม่ใช่น่อลอย่างเดียว ชัยชนะของซิตี้แทบจะทำให้ลิเวอร์พูลกับเชลซีหมดลุ้นแชมป์ เข้าใจว่าแฟนของสามทีมหลายๆคนในบอร์ดนี้จะหัวร้อน

ในรูปเกมแฟนซิตี้อย่างผมยอมรับตรงๆว่าก่อนโดนใบแดงนี้ซิตี้เป็นรองชัดเจน แถมกองกลางกับกองหน้าเก็บบอลไม่อยู่เลยเสียบอลรัวๆ จังหวะที่เสียประตูแรกก็มาจากการเสียบอลของเดอบรอยหน้ากรอบของอาเซน่อล

วันนี้อาเซน่อลเล่นกันได้ดีมากจริงๆ เกมรุกผมเห็นการขึ้นเกมทำได้ดีมาหลายๆนัดแล้วนะตั้งแต่นัดเจอลิเวอร์พูลแต่มีสิ่งที่ดีเพิ่มเติมจากก่อนหน้านั้นคือ กองกลางกับกองหลังโดยเฉพาะปาเตกับยาสึทำได้ดีมากๆ

ยอมรับตรงๆเลยว่าพอเห็นรูปเกมเป็นแบบนี้แล้วพอโดนนำ 1-0 แล้วขอแค่กลับมาเสมอให้ได้ก็พอใจละ

ส่วนเรื่องกรรมการนัดนี้ไม่ขอออกความเห็นดีกว่า เพราะตัวผมเองก็เคยเจอจังหวะกรรมการเฮงซวยแบบตอนไมเคิลโอลิเวอร์แจก 3 จุดโทษนัดแพ้เลสเตอร์ 5-3 คาบ้านมาเหมือนกัน หรืออีกหลายๆกรณี

ส่วนตอนนี้ทีมแมนซิตี้ก็กำลังโดนโควิดเล่นงานบางแล้วเหมือนกันนัดล่าสุดโฟเด้นก็ติดโควิดไม่ได้ลงโชคดีที่ผ่านโปรแกรมเตะถี่ๆนี้ไปได้ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือความล้าของนักเตะหลายๆคนโดยเฉพาะกองหลัง จริงๆอาการมันเริ่มออกมาตั้งแต่นัดที่เจอกับเลสเตอร์แล้ว วิ่งไล่บอลกันไม่ทันมาเจอนัดแบรนฟอร์ดก็ดูดร็อปลงไปอีกไม่แปลกใจเลยว่านัดเจออาเซน่อลจะเล่นกันได้มั่วแบบนี้โดยเฉพาะลาปอต ลูกที่เสียลูกแรกก็มาจากการประกบตัวพลาดของลาปอตกับอาเก้ ไปรุมลากาเซตไม่มีใครมาปิดซาก้าเลยซักคน โดนยิงแบบโล่งๆสวยเลย

แต่สิ่งที่ไม่ชอบใจจากนัดที่ผ่านมาคือแฟนบอลบางคนหัวร้อน(ไม่รู้แฟนน่อลหรือแฟนทีมอื่น) เข้าใจว่าหัวร้อนในเกมเข้าใจว่าหัวร้อนกรรมการ แต่พี่เล่นมาพาลกับแฟนแมนซิตี้ในบอร์ด SS งง นึกว่าแฟนบอลเวียดนามมาเองเลยนะเนี่ยแพ้แล้วพาลไปเรื่อย จะด่ากรรมการหรือจะโทษที่ชาก้ามันไปเสียเหลี่ยมค่าโง่ดึงเสื้อแบนาโด้จนเสียจุดโทษอะไรก็ว่าไปนี้พี่ท่านเล่นมาไล่ด่าแฟนบอลซิตี้คือ งงเลย ดูบอลก็ดูจากหน้าจอทีวีเหมือนกันไม่ได้ลงไปเล่นเองซะหน่อยดันมาพาลหาเรื่องไปเรื่อย ไม่ขอเอ่ยนามละกันมีอยู่คนสองคนอะในกระทู้รายงานผล แต่เข้าใจเพราะแฟนน่อลดีๆก็มีเยอะใครพิมพ์ดีดีแบบมีเหตุมีผลผมก็ไล่กดแผล่บให้หมดอะ ส่วนไอ้คนหัวร้อนก็ไม่อยากไปเถี่ยงเสียเวลาชีวิตปล่อยผ่านไปละกัน

ยังไงสุดท้ายผมก็ยังจะคอยตามเชียร์ ตามให้กำลังใจอาเซน่อลต่อไปนะเพราะชอบอาเตต้าจริงๆเป็นกำลังใจให้ตลอด ตั้งแต่ตอนแพ้น่อลในFA CUP ปีก่อนๆละถึงแพ้น่อลแต่ก็เชียร์ให้อาเตต้าจนได้แชมป์ มาฤดูกาลนี้ถึงจะออกสตาร์ทแพ้ 3 นัดแรกผมก็ยังเชียร์อาเตต้าถึงแม้แฟนน่อลหลายๆคนจะเปลี่ยนชื่อให้แกไปเป็นอาเตตวยไปแล้วก็เหอะ

ภาพตอนอาเตต้ากอดกับเป็ปนัดสุดท้ายของปีที่ชนะลิเวอร์พูล 1 แต้มมันยังติดตาแฟนบอลซิตี้อย่างผมอยู่เลยมันเหมือนอาเตต้ากลายไปเป็นครอบครัวของซิตี้ไปแล้วในตอนนั้น

สู้ต่อไปครับน่อลคว้าตั๋ว UCL มาให้ได้ผมคนหนึ่งละจะเป็นกำลังใจให้

สมงสมองไปหมดละ