ผมกลับมองว่าภาพรวมเงินจากสปสช หรือเงินจากสิทธิ์ข้าราชการ
มันมาจากการเก็บภาษีเช่นกัน ถ้าการรวมสิทธิ์ทำได้มันจะเกิดการเฉลี่ยต้นทุนกันได้ครับ

ก็ควรมีไว้ เป็นสวัสดิการของรัฐ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษา

แต่มองว่าถ้ามันถึงจุดที่มันไปต่อไม่ไหวจริงๆ

ขาดทุนยับเยิน ไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์

หรือตกเบิกซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ได้เงินไม่ครบเต็มจำนวน

บุคลากรทนอยู่ในระบบไม่ไหว

คนที่จำใจอยู่ก็รับ workload ไม่ไหว ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพพอ

ถ้าถึงจุดนี้ก็คงต้องมาวางระบบกันใหม่

แต่มองว่าคงถึงจุดนั้นยาก ด้วยโครงการผลิตแพทย์เพิ่ม ทุกๆปีแพทย์จบใหม่ออกมาเยอะมากๆๆๆ

สถาบันใหม่ๆหลายสถาบันรับผลิต รับเทรนนิ่งหลักสูตรแพทย์ศาสตร์บัณฑิตเพิ่ม

อนาคตแพทย์จบใหม่คงเดินเตะฝุ่น ตกงาน กันพอสมควร

รพ เอกชน คลินิค ดูเหมือนจะเปิดกันเยอะก็จริงๆ แต่ผมมองว่าแพทย์จบใหม่ต่อปีเยอะกว่ามาก

และก็ใช่ว่าทุกคนจะไปได้สวยกับ รพ เอกชน หรือ คลินิค

เพราะฉะนั้นมองว่าไงๆ แพทย์ในระบบ ใน รพ รัฐ ไงๆก็ไม่ขาดคน

ถ้าตกงานไม่มีจะกินแล้วจริงๆ ต่อให้ระบบมันเฮงซวยแค่ไหนก็ต้องอยู่ๆไปละครับ

สวัสดิการในเรื่องการดูแลรักษาชีวิตของประชาชนเป็นสิ่งที่ควรมี

เราไม่ควรเสียทรัพยากรมนุษย์ไปกับโรคที่รักษาได้

ค่าใช้จ่ายมันไม่ได้สูงอะไรมากมายขนาดนั้น การแลกกับคนที่เป็นระดับหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานหาเงินเพื่อที่จะให้ครอบครัวแต่ละครอบครัวมีกำลังในการจับจ่าย มันย้อนกลับมาสร้างอะไรมากมายให้กับประเทศอย่างหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้หรอกก

เรื่องปรับเพิ่มเงิน เป็นไอเดียที่ไร้สาระค่อนข้างมาก เพราะต่อให้เพิ่มเงินไป ยังไงการที่โรงพยาบาลมีรายได้ติดลบจากเรื่องค่ารักษา มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

สิ่งที่ผมชอบในโครงการนี้คือมันทำให้ผมสามารถรักษาคนไข้ ใช้ยาใช้อุปกรณ์ได้เต็มที่ โดยไม่ต้องมาถามญาติว่ามีปัญญาจ่ายมั้ย เหมือนที่พวกโรงพยาบาลเอกชนเค้าทำกัน ผมสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกคนได้โดยไม่ต้องกลัีวเรื่องเงินกับเค้า

ใครบอกเปลืองภาษีจะจับมาตบให้ดิ้น ภาษีที่ได้มา ก็ต้องเอามาดูแลประชาชน มันถูกที่สุดแล้ว

ประเทศไทยมีความเพี้ยนตรงที่คนอยากเป็นข้าราชการส่วนหนึ่งเพราะต้องการรับสวัสดิการนี่แหละ

แต่ประเทศแถบแสกนดิเนเวียที่มีสวัสดิการถ้วนหน้าไปแล้วการเป็นข้าราชการเพราะอยากพัฒนาประเทศจริงๆเป็นส่วนใหญ่

ถ้าท่านปรับสิทธิ์ข้าราชการ เท่ากับสิทธิ์บัตรทอง คนหลายคนเค้าไม่อยู่ราชการให้โง่หรอกครับ ไปหาเงินที่เยอะกว่าในเอกชนดีกว่า

เอาจริงๆผมชอบนะ ทำแบบโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ที่ออกจากระบบราชการไปแล้ว จ่ายเงินเท่าเอกชน สวัสดิการกลายเป็นประกันสังคมเกือบหมด

ผมชอบนะ เพราะผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการใช้สิทธิ์บัตรทอง

กระทู้เก่ามีสมาชิกแนะนำให้cut lossครับ

ถ้าจ่ายไมาได้ตามที่รัฐกำหนดก็ต้องปล่อยไป เพราะแค่เงินนิดเดียวยังไม่มีปัญญาจ่าย
อันนี้ก็เป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจว่ารัฐบาบควรอุ้มทั้งระบบ หรือเลือกคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น

ก็ต้องไปวัดกันว่าสวัสดิการหรือเงินเดือนที่เพิ่มให้ข้าราชการจะคุ้มกับการเกลี่ยสิทธิ์มารวมกันมั้ยอีกที

ผมเห็นด้วยว่าควรมี เพียงแต่ต้องปรับปรุงระบบการรักษา ไม่ว่าจะเป็นสิทธิข้าราชการ ประกันสังคม หรือ 30 บาท เนื่องด้วยตอนนี้ไม่ว่าประชาชนจะเป็นอะไร ไม่สบายก็จะไปโรงพยาบาลอย่างเดียว ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องคอขวดในส่วนนี้ โดยการใช้สถานีอนามัย (รพ.สต.) เป็นตัวคัดกรองเบื้องต้นในการเข้ารับการรักษา ยกเว้นเหตุฉุกเฉินต่างๆ (อุบัติเหตุร้ายแรง การทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ฯ) เพื่อไม่ให้ภาระไปตกกับโรงพยาบาลทั้งหมดครับ

ขอแก้ไขเพิ่มเติมครับ ในส่วนของบัตรทองที่รักษาฟรีควรยกเลิก และเพิ่มการรักษา 30 บาททุกโรค ไปเป็นราคาตามอัตราการรักษาขั้นต่ำที่ควรจะเป็นครับ

ความจริง รพ. ไม่ได้ขาดทุนทุกรพ.นะ อย่างที่แฟนผมอยู่จากติดลบ120ล้าน ผ่านไป2ปีกำไรละ ขึ้นกับผู้บริหารโรงบาลเลย 30บาทไม่ใช่ตัวที่ทำขาดทุนเป็นหลักแน่ๆ แต่อย่างว่าละ การบริหารนี่อย่างกับแดนลับแล ตรวจสอบยาก มันถึงขาดทุนอะ
ปล.เสริมนิดหนึ่ง สิ่งที่รพ.ทำคือประหยัดยาตามรอบลงกับเปิดคลินิคนอกเวลาโดยรพ.เอง เท่านั้นเอง

เรื่องสุขภาพนี้ผมว่ามันพูดยาก เพราะมันมีความเหลื่อมล้ำในระบบอยู่
ถ้าทุกคนเข้าถึงสิทธิได้ แปลว่าบางคนที่ไม่รักษาสุขภาพตัวเอง สูบบุหรี่ กินเหล้า ทำตัวเองเสี่ยงต่อโรคภัย ก็จะสามารถเข้าถึงการรักษาแบบชิลๆ แล้วอาจจะไปเบียดเบียนบางคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีก็ได้

ส่วนตัวผมว่ามันเป็นนโยบายที่ดี แต่คนก็ควรจะดูแลตัวเองส่วนนึงด้วย ให้สิทธิทุกคนอย่างเท่าเทียม แต่ก็อาจจะต้องมีเงื่อนไขบ้าง ไม่งั้นมันจะไปเพิ่มภาระด้านอื่นแทน ดูทรงแล้วสักวันเราจะแบกไม่ไหว ถ้ายังทำแบบนี้กันอยู่

1. โดยระบบออกแบบให้สาธารณสุขขาดทุน การจะได้กำไร โรงพยาบาลต้องมีผู้บริหารทีมีแนวคิดเป็น

ผู้บริหารไม่ใช่ข้าราชการ รู้จักบริหารทรัพยากรส่วนเกินใน รพ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ของพวกนี้ทำไมได้ทุกคน

2. ไม่เห็นด้วยกับโครงการแบบเดิมๆ ด้วยข้อจำกัดในอดีตทำได้แค่นั้น แต่ปัจจุบันระบบ IT มันไปไกลมากแล้ว

เราควรเอาข้อมูลจากการแจกๆๆๆ ผ่านบัตรประชารัฐมา Integrate แล้วดึงเลยจนจริงก็สมทบหมด

ใครไม่จน อัญเชิญไประบบประกันสังคม เพราะไม่อย่างนั้นคนจนไม่จริงจะได้เปรียบมากครับ ไปดูได้เลย

ห้องพิเศษแทบทุก รพ แทบทุกจังหวัด มันไม่ใช่คนจนจริงๆเลย แต่คุณได้ใช้ Facility หลายอย่าง

โดยการอุดหนุนจากรัฐเต็มๆ จ่ายแค่ค่าห้องซึ่งก็เรียกว่าเศษเงินได้เลย ซึ่งในส่วนนี้คนมีอันจะกินระดับนึง

ควรถูกปัดไปในระบบประกันสุขภาพ ไม่ใช่เอกชนรัฐทำแล้วจ้างเอกชนบริหารเงินก็ได้ แต่มันจะได้เกิดการ

ร่วมจ่ายมากขึ้น ลดภาระสาธารณสุข

3. ถึงจะเป็นคนจน ผมว่าถ้าระบบอนามัยลดภาระ รพ ไม่ได้ รพ ล้นตายครับ ยิ่งพวก รพ ศูนย์นี่โคตรซวย

มันก็แอบควรจำกัดสิทธิการเข้าใช้นะว่า ไม่เร่งด่วนแล้วมา ให้โควต้า 1-3 ครั้งก็ว่าไป ไม่ใช่ให้มากันพร่ำเพรื่อ

ปวดหัวก็มา ไข้วันเดียวก็มา คือแบบเห้ย Load งานกระจายดิ

4. สิทธิข้าราชการควรยกเลิกมั้ย ตอบยากนะครับในมุมนึงมันก็คือแรงจูงใจในการให้คนมาทำงาน

แต่ถ้าระบบประกันสุขภาพแข็งแรงพอ คนทุกคนได้รับสิทธิ มันก็ยกเลิกสิทธิรักษาของข้าราชการได้เลย

จริงๆในระบบสาธารณสุขไทยยังมีอะไรอุบาทว์อีกเยอะ แล้วก็เหนื่อยใจแทนคนทำงานอีกมาก

แต่นั่นแหละคนบริหารก็มักเป็นข้าราชการแบบข้าราชการจริงๆ ความเจริญในกระทรวงเลยช้าเต่าคลาน

ถึงแม้คนดีๆจะเยอะ แต่เจอแบบนี้ไปยังไงก็ลากลงเหว

เห็นด้วยทุกประการครับ จริงๆควรจำกัดสิทธิ ผมทำงานของใน สถานบริการของรัฐ
เคยเจอมา รพ. 2 วันครั้ง
ท้องผูกถ่ายไม่ออกมา ER

ตอบเหมือนเดิม จะมีก้ทำให้สุดโต่งน้อยลงกว่านี้ ปรับให้ลงมาไม่ว่าจะเป็น

A. เพิ่มขั้นต่ำเพื่อกรองให้คนเจ็บหนักหน่อยมาหา 500 1000 อะไรก้ว่าไป
B. ให้คนที่จ่ายภาษีมีโอกาสได้รักษาก่อนถ้าคิวว่างค่อยให้คงที่ไม่จ่ายภาษีได้คิวไป (ดูโหดหน่อยเพราะมันตรงข้ามกับที่ต้องการรักษาคนที่ไม่มีรายได้จริงๆ)
C. นึกไม่ออกเร็วๆตอนนี้แฮะ แต่หลักๆก้สเกลลงมา



ตอบเหมือนเดิม ถ้ามันดีจริงทุกประเทศมันทำไปแล้ว ไม่ดียังไง ได้ทั้งฐานความนิยมจากประชาชนตัวเองก้ไม่เสียอะไร มีแต่ได้กับได้

วิธีทำไม่มีไรซับซ้อนเลย จ่าย 1 ดอล รักษาทุกโรคที่เหลือรัฐบาลเอางบไปลงให้


ไม่ว่าประเทศไหนก้เริ่มต้นได้ภายใน1ปีอะ



อ้อเสริมอีกเรื่อง ใครนึกไม่ออกดีไม่ดียังไงนะ

ลองไปเล่นเกมสร้างเมืองทั้งหลายอะ (ถึงจะบอกว่ามันเป็นเกมก้เถอะ)

แล้วประเทศกำลังพัฒนาอะ ลองไปmax เรื่องโรงพยาบาล การรักษา ทุ่มภาษีไปให้สุดดู

ประชาชนhappy จัดๆอะ แต่ระยะยาว 30 50ปี ประเทศไม่ค่อยไปไหน


ลองไปเทียบกับเล่นปกติแล้วเล่นไม่max พวกพยายาม เจริญกว่าเยอะ


ถึงจะบอกว่าเป็นแค่ระบบเกมแต่มันมีสิ่งที่จริงกว่าเยอะเลย



แล้วก้อย่างที่บอกจะมีใครไม่ชอบ ประชาชนที่อังกฤษก้ชอบ ชอบสิของฟรีใครไม่ชอบ

ผมเพิ่มข้อcให้ครับ คือ กระจายปชช.ไปกรองที่คลินิคก่อนส่งไปรพ. ยกเว้นกรณีอุบัติเหตุหรือฉุกเฉิน

อย่างที่ตอบไปเหมือนกันถ้าไม่ดีจริงคงไม่มี70กว่าประเทศทำ และยังใช้มาจนถึงปจบ.ในไทยก็20ปีละมั้ง ถ้ามีวิธีอื่นดีกว่าคงปรับเปลี่ยนไปใช้นานแล้วผ่านมากี่รัฐบาลก็เปลี่ยนไม่ได้

ใช่ครับเริ่มง่ายแต่การสร้างรายได้เพื่อมาทดแทน"สวัสดิการ"ของรัฐในรูปแบบภาษีอื่นๆ มันก็วัดความสามารถของรัฐบาลนั้นๆแหละคับ แต่แก้ตัวให้ว่าปัจจัยภายนอกอื่นๆก็ทำให้มีปัญหาเช่นกัน

จริงถ้าเทียบการสร้างเมืองการทุ่มอะไรอย่างเดียวยังไงเกมก็พังอยุ่ดีครับ เช่นไปลงที่ระบบคมนาคมแบบmax ประชาชนก็มีความสุข เดินทางฟรี ถนนเรียบกริ๊บ แต่ระยะยาวก็ไม่ไปไหนอยู่ดีแหละ เพราะมัน"สุดโต่ง"เกินไป

จริงๆถ้าเทียบของจริง กระทรวงกลาโหมยังได้งบประมาณมากกว่ากระทรวงสาธารณสุขเลย
แถมๆๆๆๆ กระทรวงกลาโหมนี่ขาดทุนแน่นอนอยู่ละเพราะไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเช่นกัน
ที่จะพูดคือต้องดูจุดประสงค์ของโครงการอ่ะคับ กระทรวงกลาโหมมีงบจ้างทหาร ซื้อเครื่องบินรบ เพื่อปกป้องอธิปไตยประเทศ จะไปคิดเรื่องการคุ้มทุนขาดทุนได้ยังไงเพราะไม่ได้สร้างมาเพื่อก่อรายได้

เช่นกันประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็ไม่ได้ตั้งมาเพื่อหารายได้เข้าประเทศ แต่จุดประสงค์คือการสร้างสุขภาพที่ดีให้ประชาชน

สรุปรวมคือ ถ้าตั้งเป้าจุดประสงค์ผิดแต่แรก คำตอบมันก็ผิดแหละคับ ถ้าจุดประสงค์คือสร้างสุขภาพที่ดี ให้ปชช.เข้าถึงการรักษา แต่ไปวัดผลที่กำไร มันก็ไม่ถูกต้องคับ

70 กว่าประเทศเค้าก้ไม่ได้ทำแบบเราครับ

ช่วงยกตัวอย่างหน่อย

มีประเทศไหนที่ จ่ายแค่ประมาณ 30 บาท แล้วรักษาฟรีหมด ให้กับทุกคนมั่ง

จาก 70 ประเทศที่ว่ามา ขอรายชื่อประเทศหน่อย

"จริงถ้าเทียบการสร้างเมืองการทุ่มอะไรอย่างเดียวยังไงเกมก็พังอยุ่ดีครับ เช่นไปลงที่ระบบคมนาคมแบบmax ประชาชนก็มีความสุข เดินทางฟรี ถนนเรียบกริ๊บ แต่ระยะยาวก็ไม่ไปไหนอยู่ดีแหละ เพราะมัน"สุดโต่ง"เกินไป
"

ก้บอกแล้วว่าของไทยไม่มีกรองอะไรเลย ถ้าไม่มีกรองแล้วจัด30บาทได้ให้ทุกคน รักษาเต็มที่ แล้วถือว่าเป็นอันดับ1ทางด้านนี้ ไม่เรียกสุดโต่งแล้วเรียกอะไรครับ

ถ้าแบบนี้ยังไม่สุดโต่ง คงไม่มีประเทศไหนสุดโต่งแล้วนะ




ผมจะไม่คุยที่ประเด็นอื่นนะ แบบ กลาโหมได้เงินเยอะ คิงได้เงินเยอะ เพราะส่วนตัวก้เกลียดพวกนั้นที่ได้เงินเยอะเหมือนกัน


แต่คุยในประเด็นนี้แหละ