หมายเหตุ - ถ้าgifไม่ขึ้น แนะนำให้เปิดในbrowserแทน
Lineups
แมนยูมาในระบบ4-2-3-1 แม้จะมีข่าวว่าโซลชาร์อยากเปลี่ยนไปเล่นระบบ4-3-3ก็ตาม
ป็อกบา สตาร์ทด้วยปีกซ้ายเหมือนช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว แดนกลางเลือกใช้กลางdouble-pivotจับคู่กันระหว่างแม็คและเฟรด
ในขณะที่ปีกขวาเป็นแดนเดียล เจมส์ โดยหน้าเป้าเป็นเมสัน กรีนวู้ด ที่ได้รับความไว้วางใจให้ลงก่อนมาร์กซิยาล
ส่วนทางด้านทีมเยือนมาในระบบ4-1-4-1 ซึ่งเป็นระบบที่บิเอลซ่านิยมใช้มาตลอด
ผู้เล่น11ตัวจริงเกือบเป็นผู้เล่นตัวหลักของฤดูกาลที่แล้ว มีเพียงแค่เควิน ฟิลิปส์ที่สตาร์ทด้วยการเป็นสำรอง เท่านั้น
คนที่รับหน้าที่แทนในตำแหน่งมิดฟิล์ดเกมรับ ก็คือ โรบิน คอช
ลีดส์มาไม้เดิม ปรัชญาบิเอลซ่า+1/-1
มาร์เซโล บิเอลซ่า ยังคงใช้ปรัชญาการทำทีมแบบเดิมที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในฤดูกาลที่่ผ่านมา
นั่นก็คือ การเล่นเกมรับแบบman-marking และส่วนที่ขาดไปไม่ได้เด็ดขาด นั้นก็คือปรัชญา +1/-1ของเขา
อธิบายเพิ่มเติม :
Spoil
+1 คือ ผู้เล่นในแดนรุกหนึ่งคน ยืนกดดันระหว่างเซ็นเตอร์แบ็คคู่แข่ง
-1 คือ ผู้เล่นเกมรับหนึ่งคน คอยปัดกวาดหน้าแผงเกมรับ
บิเอลซ่า ตั้งชื่อปรัชญาการเล่นแบบนี้ ว่า "partial libero"
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ คนอื่นจับคู่แมนมาร์คไป แต่ผู้เล่น+1และ-1 ต้องมีอิสระ
(ดูจากรูปล่างจะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น)
ในเกมนี้ก็เช่นกัน ถ้าสังเกตตามรูป(ล่าง)จะเห็นว่า บรรดามิดฟิล์ด4ตัวของพวกเขา จะทำการเข้าคู่ประกบ
โดยแดนหน้ามีเพียงแบมฟอร์ดที่เล่นในบทบาท(+1ตามปรัชญา) ยืนอยู่ระหว่างคู่เซ็นเตอร์แบ็คของแมนยู
แมนยู เจาะทะลายแผนเกมรับของลีดส์ได้อย่างไร?
มันเหมือนฉายภาพฤดูกาลที่แล้วซ้ำอีกครั้ง ในเกมวันนั้นแมนยูเอาชนะลีดส์ได้ด้วยอาวุธของพวกเขาเอง
การเล่นman-markingมันทำพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับการเคลื่อนที่อิสระของนักเตะแมนยู
ตัวอย่าง(ล่าง)การเคลื่อนที่อิสระ ในเกมที่พวกเขาเอาชนะลีดส์6-2
และมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเกมนี้ โดยเฉพาะการเคลื่อนที่ของบรูโน่ และกรีนวู้ด
ตลอดทั้งเกม พวกเขาสามารถเคลื่อนที่และดึงตัวประกบให้เพื่อนนับครั้งไม่ถ้วน
ตัวอย่างเช่นจังหวะนี้ กรีนวู้ดถอยลงมาทำให้สามารถดึงคูเปอร์ลงมาด้วย ทำให้บรูโน่มีพื้นที่ในการวิ่งสอดไปข้างหน้า
อีกตัวอย่างนึง(รูปล่าง) การลงมาเชื่อมเกมของบรูโน่
ทำให้สามารถดึงโรบิน คอช ที่เล่นในตำแหน่งมิดฟิล์ดตัวรับให้หลุดตำแหน่งได้
ส่งผลให้ แมคโทมิเนย์มีพื้นที่ในการเติมเกมขึ้นไปข้างหน้า เปิดเกมรุกเขาใส่ได้ทันที
การเล่นman-markingของลีดส์ เมื่อเจอกับการเคลื่อนที่อันยอดเยี่ยมของนักเตะแมนยู
ทำให้เกมรับของพวกเขาเสียกระบวน จนนำมาซึ่งการเสียประตูแรก
จังหวะนี้(รูปล่าง) ป็อกบาขยับเข้ามาข้างในมากขึ้น
ในขณะเดียวกันกรีนวู้ดก็ฉีกไปเล่นทางซ้ายส่งผลให้ ปาสกาลต้องตามไปประกบ
จังหวะนี้เองที่ทำให้คู่เซ็นเตอร์แบ็คถูกถ่างออก
ทำให้บรูโน่มีพื้นที่ระหว่างสองเซ็นเตอร์ และหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตู
ส่วนนี่ก็เป็นอีกหนึ่งการเคลื่อนที่ที่ยอดเยี่ยมของกรีนวู้ด
ถอยมารับบอล ลากลุค อายลิ่งให้ออกจากแนวรับ แล้วเปิดพื้นที่ให้ป็อกบา
อีกตัวอย่างนึง ที่ช่วยยืนยันได้ดีว่า แผนการเล่นman-markingของลีดส์ถูกทำให้หัวหมุน
จังหวะนี้(ล่าง)แม้ไม่ได้สร้างอันตรายใดๆ แต่ถ้าลองสังเกตุจะเห็นชัดว่า
การเคลื่อนที่อิสระของนักเตะแมนยูสร้างปัญหาให้ลีดส์ยังไง
สจ๊วต ดัลลาสแบ็คซ้ายของลีดส์ถูกเดเนียลเจมส์ลากเข้ากลาง หลุดตำแหน่งไปไกลมาก
ในขณะเดียวกัน แมคโทมิเนย์ก็เคลื่อนที่จนสามารถดึงตัวประกบได้ถึงสองตัวในจังหวะเดียว
จุดอ่อนของแมนยู พวกเขายังคงต้องการมิดฟิล์ดเกมรับ
แม้ว่าเกมนี้โดยรวมมิดฟิล์ดdouble pivotของพวกเขาจะทำหน้าที่ได้ดีก็ตาม
ตามภาพนี้ คือ ตัวอย่างของการยืนตำแหน่งมิดฟิล์ดแบบdouble pivotในอุดมคติ
แต่บางจังหวะ พวกเขามักปล่อยให้คู่หูของตัวเองโดดเดี่ยว ทำไห้ไม่สามารถคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด
จังหวะนี้ คือ จังหวะที่แสดงให้เห็นการคุมพื้นที่ในแดนกลางที่ผิดพลาด
เนื่องจากเฟรด เติมขึ้นสูง และเสียบอลในแดนหน้า ทำให้แมคต้องขยับไปประครองพื้นที่ของเฟรด
ส่งผลให้เกิดพื้นที่ในแดนกลางมหาศาล และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นลีดส์ได้ทำเกมรุกเข้าใส่
แต่ยังดีที่จังหวะสุดท้ายเดเกอาพุ่งเซฟเอาไว้ได้
อีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการยืนตำแหน่งที่ผิดพลาดของมิดฟิล์ดเกมรับ
รูปล่าง เป็นจังหวะที่ลุค ชอว์ เติมเกมและลงไม่ทัน ดังนั้น แมคไกวร์จึงต้องขยับออกไปปิดเกมริมเส้นแทนลุค ชอว์
ในขณะเดียวกันแมคโทมิเนย์ก็ตัดสินใจได้ดี ด้วยการวิ่งไปแทนตำแหน่งของแมคไกวร์
แต่เฟรดกลับวิ่งไปทับตำแหน่งกับแมคโทมิเนย์อีก แทนที่จะวิ่งไปป้องกันพื้นที่กลางประตู
โชคดีที่จังหวะนี้แมคไกวร์ตัดฟาวล์ได้ก่อน
หากปล่อยให้ลีดส์จ่ายเข้ากลางได้สำเร็จ อาจจะโดนยิงจากผู้เล่นแถวสองที่ไร้ตัวประกบแน่ๆ
ขอจบกระทู้ด้วยประตูนี้
ไม่มีอะไรให้ต้องวิเคราะห์ ความสามารถเฉพาะตัวล้วนๆ เต็ม10ทั้งคนยิงคนจ่าย
กรีนวู้ดบอก เคลื่อนที่ดึงหลอกให้เพื่อนมาเยอะแล้ว ขอโชว์มูฟเม้นท์ในการจบประตูบ้าง
ส่วนอันนี้ช็อตแถม ภาพหาดูยาก
วานบิซซาก้าเติมเกมฝั่งซ้าย ใช่แล้วได้ยินไม่ผิด
ตัดบอลได้จากแบ็คฝั่งขวา ลากตัดกลางขึ้นมาฝั่งซ้าย
นี่ถ้าสปีดช้าลงหน่อยแล้วรอชอว์วิ่งโอเวอร์แลปนี่กลายเป็นมีมได้เลยนะ
พวกเอ็งก็มีอิสระเกมรุกกันเกินไป๊!!!
สุดท้ายนี้ฝากเอาไว้ ด้วยบทสัมภาษณ์ของเรเน่ มูเลนสตีน
ที่อธิบายเอาไว้เกี่ยวกับวิธีการเล่นรุกตามแบบฉบับเซอร์
"แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือ ชัยชนะ
แต่เขา(เซอร์อเล็ก)ต้องการให้ทีมเราคว้าชัยชนะด้วยสไตล์การเล่นในแบบของเขา"
"ผมจำได้ว่าช่วงแรกที่เขามอบหมายให้ผมดูแลการซ้อมของทีมชุดใหญ่
เขาเรียกผมเข้าไปหาที่ออฟฟิศ เขาเอากระดานไวท์บอร์ดออกมาตั้งตรงหน้าผม
และเริ่มอธิบายให้ผมฟัง"
"ฟังให้ดีนะ เรเน่ ฉันคงไม่จำเป็นต้องบอกนายหรอกนะว่านายควรคุมเซสชั่นการซ้อมยังไง
ควรสั่งให้นักเตะวิ่งยังไง นายเองรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้ว"
"แต่มีบางอย่างที่ฉันอยากจะร้องขอจากนาย"
"การครองบอลเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องครองบอลอย่างมีเป้าหมาย"
"เมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมของเราทำเกมบุก
ฉันอยากจะเห็นเกมรุกที่มีความรวดเร็ว(pace), ดุดัน (power), ทะลุทะลวง(penetration) และเหนือความคาดหมาย (unpredictability)
ส่วนตัวจขกท. ตอนแรกอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจว่า
ไอ้เหนือความคาดหมายเนี่ย มันหมายถึง ต้องเล่นยังไง?
แต่พอได้เห็น อิสระในการเคลื่อนที่ในเกมนี้แล้ว ผมถึงเข้าใจ
และส่วนตัวคิดว่าเกมนี้แหละ
คือตัวอย่างของเกมรุกที่ครบทุกข้ออย่างที่เซอร์เคยให้คำจำกัดความเอาไว้
-จบ-
ที่มา(แปลจาก)
https://totalfootballanalysis.com/match-analysis/how-manchester-united-dismantled-leeds-defensive-system-yet-again-tactical-analysis