บอลโซลชา สไตล์เป็นยังไง ใช่แบบตอนที่ชนะบ่อยๆรึเปล่า
เอาฮาหรือเอาจริง พิมพ์ว่า:
กัปตันมาร์เวล พิมพ์ว่า:
High pressure แล้ว Quick transition ครับ คือแย่งบอลให้ได้จากแดนบน แย่งบอลให้ได้เร็วที่สุดแล้วทำเร็ว ยิ่งใกล้พื้นที่ final third ของคู่แข่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อเพิ่มโอกาสให้เมื่อเวลาแย่งบอลได้แล้วยังอยู่ในพื้นที่อันตรายของพื้นที่หน้าปากประตูฝั่งตรงข้ามไม่ไกลมาก เราจึงจะสังเกตเห็น แมกไกวร์ ขึ้นมาตั๊นมาตัดบอลจากพื้นที่ตรงเส้นวงกลมกลางสนามเวลาฝ่ายตรงข้ามจะ Build up เกมสวนกลับออกมาบ่อยจนชินตา แมกไกวร์ จะเข้าไปประกบติดและแย่งบอลจากตัวที่จะรับบอลทันทีไม่ให้พลิกตัวได้ หรือที่เรียกว่า Aggressive interception คือเข้าถึงตัวทันที ไม่ต้องมาวิ่งตัดหรือหรือรอดักตัดทางบอลจากการส่งเอาแบบที่เรียกว่า Conservative interception กล่าวง่าย ๆ คือตัดให้เร็วเข้าทำให้เร็ว เปลี่ยนจังหวะเมื่อแย่งบอลได้แล้วเซ็ตเกมรุกให้เร็ว คนเลยคิดว่าเป็นเกมโต้กลับ ซึ่งมันจะแตกต่างจากเกมโต้กลับอยู่คือ เกมรับแล้วโต้เนี่ย คือมันต้องมาตั้งโซนรับแล้วรอสวน(แบบมูริณโญ่) ซึ่งมันจะแต่งต่างจาก Quick transition ที่ โซลชาร์ ใช้
และการเข้าทำโดยรวมหลัก ๆ จะเน้นเจาะตรงกลางเสียเป็นส่วนใหญ่ ใช้การชิ่งสั้น ๆ ทะลุเข้าเขตโทษเอา(เนื่องจากแนวรุกตัวเล็กแต่มีความคล่องตัว นั่นเป็นเหตุผลที่ได้จุดโทษบ่อย ๆ เพราะคล่อง พอปล่อยใฟ้ทะลุเข้าเขตโทษได้พอมาแทคเคิ้ลพลาดก็ฟาล์ว) บางเกมแรชฟอร์ดหลายจังหวะไปหรือผู้เล่นฝั่งตรงข้าม compact เกมรับตรงกลางแน่น ๆ ก็จะทะลุไม่เข้าทำให้อึดอัด หลัง ๆ เริ่มจะมีมิติลูกครอสบ้างละหลังจากเห็น คาวานี่ โหม่งได้บ่อย ๆ(คงจะรู้สึกไว้ใจว่าครอสเข้าไปจะเกิดประสิทธิผลมากขึ้น หลังจากคาวานี่ทำประตูจากลูกกลางอากาศได้บ่อย ๆ)
ซึ่งหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเกมสวนกลับ(ฟังจากพวกคนมาพากย์ชอบพูด) ซึ่งถ้าดู แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกนัดจริง ๆ จะรู้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นแบบที่ผมกล่าวข้างต้นด้านบน เกมที่แบบ switching ออกปีกวัดความเร็ว ปีกรอเล่นกับไลน์กองหลังฝั่งตรงข้ามนั้นจะเอาไว้เจอกับเกมที่เน้นผลการแข่งขันเป็นพิเศษเช่นเกมเจอทีมใหญ่ด้วยกันเอง ทีนี้บางคนเวลาจะดู แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จะดูเฉพาะเกมใหญ่เหม Big match ก็จะไปคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเกมโต้กลับ ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ เอาจริง ๆ แล้ว จากสถิติ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเกมโต้กลับน้อยกว่าทีมใหญ่หลาย ๆ ทีมอีก
บีบตั้งแต่แดนบนแล้วรีบโต้กลับในแดนอีกฝั่งแบบนี้ก็คล้ายๆเกเก้นเพรซซิ่งของคล็อปตอนเข้ามาคุมหงส์ใหม่ๆปะครับ ?
เกเก้นเพรสซิ่งดุกว่าครับ เพรสดุ กัดไม่ปล่อยและวิ่งกวดได้ยาวนานกว่า แล้วสังเกตไอ้คุณสมบัติแบบนี้จะติดตัวกับนักเตะลิเวอร์พูลไปตลอดเวลาไปเล่นที่ไหน ผมเห็นอังกฤษอยู่นัดนึงเปลี่ยน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมา.. มันวิ่งไล่กวดด้วยตัวมันเองคนเดียวเป็นหมาบ้าเลย ขนาดผมไม่ได้เป็นแฟน ลิเวอร์พูล ยังเผลอยกมือมาปรบให้ คือ..กัดไม่ปล่อยใจมันได้จริง ๆ ตัวผมเคยดู เฮนโด้ ก่อนหน้าเนี้ย ก่อน คล็อปป์ เข้ามา มันไม่วิ่งดุอย่างเนี้ย แต่ใช่ครับ โซลชาร์ เอาไอเดียตรงนั้นมาต่อยอด โซลชาร์ เคยออกมาให้สัมภาษณ์อยู่ เรื่องแรกที่แกเข้ามาปรับอีกทั้งยังให้ความสำคัญและออกมาพูดตอนรับงานเป็นเรื่องแรกเลยนั่นคือเรื่องความฟิตของนักเตะ คือ โซล์ชาร์ เน้นย้ำว่า นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องฟิตเพื่อเล่นเกมเพรสซิ่ง โดยตนจะค่อยปรับไปและเข้มข้นขึ้นในฤดูกาลหน้า(ซึ่งก็คือฤดูกาลถัดมาที่ได้คุมฤดูกาลแรกของเจ้าตัว) คือ โซลชาร์ บอกว่า "เฮ้ย..เราเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด นะ!! หากเราจะเป็นอันดับหนึ่ง ฉะนั้นการเป็นนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องวิ่งเยอะที่สุดในลีก"อะไรทำนองนี้(ตอนก่อนโซลชาร์เข้ามา แมนฯ ยูไนเต็ด มีสถิติวิ่งแทบจะน้อยที่สุดในลีก คือเรียกง่าย ๆ ว่าเงินเดือนแพงกว่าชาวบ้านเขาแต่ดันขี้เกียจ ออกแรงทุ่มเทน้อยกว่าชาวบ้านเขา แฟนบอลช่วงนั้นก็ออกมาบ่นประจำที่นักบอลทีมตัวเองชอบออกมาโพสต์โซเชียลหล่อ ๆ ลงข้อความเอาซาบซึ้งหลังเกมแพ้ว่าจะทุ่มเทเพื่อสโมสร, รักสโมสรอย่างนั้นอย่างนี้, จะตอบแทนแฟนบอลนัดหน้า บลา ๆ ๆ แต่ไม่เคยทำมันจริง ๆ ซักที เอาแต่พูด จนแฟนบอลเขาเอียน เอือมระอา
จน โซล์ชาร์ มาปรับแล้วเอาสปิริตและความกระหายกลับมา ได้มีนักเตะที่เล่นสมกับเป็นนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด จริง ๆ ซักที "ผมต้องการนักเตะที่ยอมหัวแตกเพื่อทำประตูให้สโมสรได้" โซลชาร์ เคยออกมาพูดอย่างนั้น