แล้วแต่พฤติกรรมการกินครับ
เมื่อก่อนสัก 4-5 ปีก่อนผมทำกินเอง ถ้ากินปกติแล้วทำกินเอง สำหรับผมแพงกว่าค่อนข้างเยอะครับ เสียเวลาด้วย วัตุดิบที่ซื้อถ้าเป็นของสดมาต้องปรุงเมนูเดิมๆ จนหมด กว่าจะหมดก็หลายวัน กินเสร็จต้องล้างอีก มื้อนึงใช้เวลาชัวโมงกว่าๆ ตั้งแต่เริ่มยันจบ ไปทำอย่างอื่นไม่ได้ด้วย

แต่ถ้ากินคลีน กินซ้ำๆ แบบเดิมได้ทุกวัน เช่น ไข่ต้ม อกไก่ต้ม อะไรแบบนี้ ถ้ากินแบบนี้ได้ทุกวันคือประหยัดมากจริงๆ ครับ เวลารอก็เอาไปทำอย่างอื่นได้
หรือกินไม่คลีน ต้มมาม่ากินทุกวัน อันนี้น่าจะถูกสุดครับ 5555+

ท่านออกกำลังกายใช่มั้ย ลองทำเป็น prep meal สิครับ ทำอาทิตย์ละครั้ง ผมทำกับข้าวประมาณ 3-4 อย่าง ชั่งนนใส่ถุง แช่ฟรีชไว้ เวลากินก็เอามาอุ่น ทำทีละมื้อไม่ใหวครับเหนื่อยทำ เหนื่อยล้าง

ข้อเสียในการทำอาหารของผมคือ อาหารค่อนข้างจืด ไม่อร่อยเท่าข้างนอกแน่นอน ไม่กล้าใส่เยอะรู้สึกผิด เวลาไปทานอาหารรสจัดๆนี่รู้เลยว่ามันต้องใส่เครื่องปรุงเยอะแค่ใหน

จริงครับ ผมทำกินเองตลอด ประหยัดกว่า สารอาหารได้เยอะกว่า สะอาดกว่า

ผมไม่ได้แตะร้านอาหารตามสั่งมานานละ กินละรู้สึกได้สารอาหารไม่พอเลย 55

ใช่ครับ ...อย่างถ้าจะทำอะไรทีหม้อใหญ่ วัตถุดิบเวลาซื้อทีก็ซื้อเยอะ รับจากแหล่งวัคถุดิบเลย มันก็เลยถูก
บางที เค้าก็มาส่งให้ถึงบ้าน อย่างวันนี้ทำต้มจับฉ่าย เป็นมื้อหลัก..ทำทีหม้อใหญ่ กินทีข้ามวันเลยอะครับ
ทีเหลืออาจจะทำกับข้าวมาอีก1-2อย่างในแต่ละมื้อครับ ..

เคยทำครับ แต่ผมชอบทำสดกินสดมากกว่า

ตอนอยู่อังกฤษอยู่คนเดียวทำกินเองบ่อย กับข้าวสำหรับที่เดียวล้างจานไม่เยอะเท่าไหร่ แต่พอกลับมาอยู่ไทย ทำให้หลายคน ล้างโคตรเยอะเลย

ส่วนเรื่องประหยัดมั้ย มันก็ประหยัดแหละ แต่ถ้ารวมค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น (ค่าไฟ ค่าล้างจาน ค่าแก๊ส ค่าเครื่องปรุง ค่าแรงเราเอง) ก็อาจราคาพอๆ กันได้

ตอนผมลดน้ำหนักก็ทำกับข้าวกินเองนะ พอดีอยู่หอคนเดียวแต่ทางหอห้ามใช้เตาแก๊ส ใช้ได้แค่เตาไฟฟ้า สรุปค่าไฟออกมา ลมแทบจับ กลับไปกินแกงถุงเหมือนเดิม
ซื้อกับข้าวมาทำเองประหยัดจริงครับ สำหรับคนที่มีพวกเตาแก๊สอะไรในบ้านนะ อย่างอกไก่ชิ้นนึงนี่แบ่งทำได้หลายมื้อเลย คุมหวาน เค็ม เองได้น้ำหนักลดฮวบๆ ผมจาก 76 เหลือ 68 ภายในเดือนเดียว แต่ออกกำลังกายด้วยนะ

อันนี้ไม่ซีเรียสเพราะอาหารไทยปัจจุบัน(ย้ำว่าปัจจุบัน)ผมว่ามี fake cal ค่อนข้างเยอะ ผมทำกินเองเพื่อเลี่ยงตัวนี้เท่านั้น สังเกตถ้าไม่ fake cal ทำจากวัตถุดิบสด ไม่มีอาหารสำเร็จรูปในจานมาก ต้องไปกินร้านแพงๆอย่างเดียว ซึ่งสำหรับผมการทำกินเองมันตอบโจทย์กว่า

ยกเว้นทำเองแล้วยังไปซื้อพวก fake cal มาทำอีกนะ

สิ่งเดียวที่ไม่ชอบ คือ การเตรียมของ การล้าง ทำความสะอาด

ผมสนุกกับการทำ การปรุง มาตายกับขั้นแรกกับสุดท้าย

งั้นก็เตรียมง่ายๆ ผมนี่ 3 เกลอ พริกไทย กระเทียม รากผักชี ไปได้ทุกงาน บางทีก็มีแค่พริกไทยกับกระเทียม แต่ต้องเอาไปทุบกับมีดกับเขียงหน่อย มันจะได้หอมๆ

ชอบต้มน้ำแกงหม้อใหญ่ๆ ใส่ผักแยะๆ ขอบอกว่าปริมาณเกลือไม่น้อย.

พอลดเกลือลงจนเริ่มชิน ชาวบ้านมากินไม่ได้เลย บอกจืดดดดดด.

หลังๆมา หาร้านตามสั่งอร่อยๆกินยากมาก

คือร้านตามสั่งมีเยอะแต่แค่พอกินได้

พึ่งมีร้านกะเพรามาเปิดแถวบ้าน รสชาติดี ราคาไม่แพง ขายแต่กะเพรากับข้าวผัด

โดนไป 4 วันติด เจ้าของร้านดันเป็นหัวใจรั่ว หยุด 2 อาทิตย์ 5555

สรุปได้ทำกินเองเหมือนเดิม

พริก กระเทียม โขลกรวมกัน เติมน้ำมะนาว น้ำปลา แล้วบอกถ้าจืดเชิญเติมเอาเองตามสะดวก

เวลาผมทำอาหาร ผมชอบทำไปล้างอุปกรณ์ไป เพราะบางอย่างไม่เปื้อนมาก ล้างง่าย ถ้าเอามาล้างทีเดียว จะพลอยเปื้อนและเสียเวลาล้างครับ

ช่วงที่ผมกิน 5 มื้อนี่ ถ้าไม่ทำเองจะเสียโคตรเยอะ


ทุกวันนี้ลดลงมากิน 3 มื้อ แต่เพิ่มปริมาณเข้าไป เพราะเริ่มขี้เกียจเข้าครัว

ในวันที่เล่นกีฬาหนักๆ หลังวิ่งตอนเช้าผมซัดโปรตีนเชค ปั่นรวมกับกล้วยและมิกซ์เบอรี่ ข้าวโอ๊ต ใส่น้ำ รวมปริมาณ 600-800มิล
มื้อ 1 คือ 1ชม.หลังจากโปรตีนเชค ผมก็เน้นคาร์บเยอะๆ ข้าวสวย 300-350กรัม เนื้อหมูบด 250กรัม มาทำกะเพรา
มื้อ 2 เป็น pre workout ตอนเย็น ขนมปัง 4 แผ่น ไข่ทั้งใบ 4 ฟอง อกไก่ 200-300กรัม
มื้อ 3 post workout ทำสุกี้ไก่ แล้วใส่ข้าวลงไปด้วย 100-200 กรัม แล้วแต่ว่าเล่นหนักขนาดไหน

ทั้งหมดนี้ 1 สัปดาห์ 1200 เอง คุมสารอาหารเองได้ ตกมื้อละไม่เกิน 60 บาท
ถ้าไม่ทำกินเอง มื้อละ 100+ แน่ๆ