[RE: เขาล่ะ...'คีโน่' จวก เมาท์, ชิลเวลล์ คุยเฮฮา "กิลมอร์" เพื่อ?]
ReneBaeBae พิมพ์ว่า:
Demokratia พิมพ์ว่า:
ทีนี้ทัศนคติของนักบอลสมัยก่อน ไปดูคลิปเก่าๆได้เลย ไม่ใช่แค่รอย คีน เวลาลงไปแข่งเหมือนลงไปสนามรบจบเกม ไม่ค่อยคุยเจ๊าะแจ๊ะ พอแพ้แล้วคุณไปคุยเจ๊าะแจ๊ะกับคู่แข่ง เข้าห้องแต่งตัวโดนโค้ชเฉ่ง โดนแฟนบอลด่าแน่นอน
ต้องทำความเข้าใจบริบทของยุคสมัย ผมเคยผ่านการดูฟุตบอล การเปลี่ยนวิธีการเล่น และทัศนคติของนักบอลเวลาลงไปเล่น ผมเข้าใจรอย คีน หลายสิ่งผมเห็นด้วยกับแกด้วยซ้ำ เช่น เรื่องเดี๋ยวนี้จะเห็นบ่อยมาก นักฟุตบอลแข่งจบ คู่แข่งพูดกันเป็นต่อยหอยแม้พึ่งแพ้มา ความพ่ายแพ้ของฟุตบอลแต่ก่อน จะรู้สึกเจ็บปวดกว่านี้ เดี๋ยวนี้นักฟุตบอลรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเวลาแพ้
ถ้าให้ทำความเข้าใจบริบทของยุคสมัย ก็คือสมัยนี้ฟุตบอลมันซอฟท์ลงเยอะแล้ว มันก็เป็นไปตามภาพที่เห็นกัน
ซึ่งถ้าสมัยนี้เป็นแบบนี้ สมัยนั้นเป็นแบบนั้น แล้วนักเตะสมัยนั้น มาเฉ่งนักเตะสมัยนี้ทำไม คนต้องทำความเข้าใจบริบทของยุคสมัย ไม่ใช่รอย คีนเหรอ
ผมเอาแค่จากที่แปลในกระทู้นี้น่ะนะ ถ้าตั้งคำถามเฉยๆว่าทำไมคุยกันนานจัง ยังพอว่า
ดันบอกให้ใช้คอมมอนเซนส์ซักหน่อยอีก
ผมถึงอธิบายยาวเหยียดว่าบริบทของยุคสมัยรอย คีน เป็นอย่างไรก็เลยเข้าใจเค้า โพสของผมมีขึ้นเพื่ออธิบายสิ่งที่รอย คีน เป็น และคิด ความเป็นไปในฟุตบอลสมัยก่อนทั้งวิธีการเล่น และทัศนคติของนักฟุตบอล
แน่นอนว่าความคิดเห็นของ รอย คีน ก็ได้ล้าสมัยไปแล้ว เค้ายังยึดติดกับความคิดในยุคสมัยของเค้า
แต่ผมไม่เห็นด้วยที่เค้าจะไม่มีสิทธิเฉ่งแบบที่คุณว่า หรือไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้ ความเห็นของรอย คีน ก็คือความเห็นของนักวิเคราะห์ฟุตบอลคนหนึ่งที่อาจจะไม่ตรงใจบริบทของคนดูฟุตบอลรุ่นใหม่ แต่เค้ามีสิทธิที่จะพูดได้ในสิ่งที่เค้าคิด ที่เหลือคือการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์นี้แหละครับมันก่อให้เกิดสิ่งที่เรากำลังคุยกันอยู่ เพื่อทำความเข้าใจความเห็นของกันและกัน