[RE: เซาธ์เกท สไตล์ “แชมป์กลุ่ม”, คลีนชีต และ ราฮีม no.1]
ผมโคตรเกลียดไอ้ระบบ24ทีมเลย ตั้งแต่บอลโลก94แล้ว
อิตาลีทีมที่เข้ารอบเป็นลำดับสุดท้ายของบรรดาทีมที่ได้อันดับ3 คือห่วยสุดในบรรดาทีมที่เข้ารอบแล้ว เลยทะลุไปถึงรอบชิงเลย
ยูโร2016นี่ยิ่งกว่า โปรตุเกสรอบแรกไม่ชนะสักนัดแต่ได้เข้ารอบในโควต้าลำดับ3 แทบไม่ชนะใครใน90นาทีเลยในทัวนาเมนต์แต่ยิงจุดโทษ+ต่อเวลาจนได้แชมป์ สำหรับผมถือว่าไม่สมศักดิ์ศรีแม้แต่น้อยดวงเยอะมากปีนั้นแต่ไม่มีปัญหา ปัญหาคือระบบการแข่งขันที่ไม่แฟร์ แค่ลองนึกว่าอันดับ1เหมือนกันทำไมบางกลุ่มได้เจอที่3บางกลุ่มเจอที่2ก็ทุเรศละ พอไขว้แบบต้องดูว่าทีมไหนดีกว่ากลายเป็นเวลาพักของแต่ละทีมต่างกันพอสมควร แทนที่จะได้พอๆกัน
ยูฟ่าเป็นองค์กรที่คิดแต่เรื่องทำไงให้มีแมตท์เยอะๆเพื่อเอาเงิน โดยไม่สนใจเลยว่าการแข่งขันมันจะเสียสมดุลขนาดไหน นอกจากยูโรแล้วดูUCLสิที่จะให้เตะกันเกือบ20นัดถ้าจะเป็นแชมป์(แก๊งค์ซุปเปอร์ลีกผมว่ามันคิดแบบนี้แหละ โดนเอาเปรียบยังพอทนแต่เงินยังไม่แบ่งอีก) ยิ่งทำยิ่งถอยลงคลอง
บอลยูโรเนี่ยผมดูจริงจังมาตั้งแต่96(ปีที่่เซาเกตยิงจุดโทษพลาดพาอังกฤษตกรอบ
)รู้สึกสนุกมาก เป็นทัวร์ฯที่สูสีมันมากรอบ8ทีมคือบิ๊กแมตท์ทุกคู่ แล้วมันมากมาตลอดทุกครั้ง พอเป็น24ทีมบอกเลยผมไม่สนใจอะไรนอกจากคู่ใหญ่ๆแบบคืนนี้ ใครไปไขว้ใครผมไม่สนเลยไม่มีเสน่ห์แม้แต่นิดเดียว 4ปีก่อนก็โคตรกากฝรั่งเศสถือว่าซวยจากระบบปัญญาอ่อน มาปีนี้ถ้าไม่นับกลุ่มFคือแทบจะหาความสนุกไม่มี นัดสุดท้ายควรจะอัดกันไฟแลบกลายเป็นหลายทีมตั้งเป้าไว้ที่3-4แต้มก็พอลุ้นแล้ว
ผมคงเลิกติดตามแบบจริงๆจังๆละกับทัวร์นาเมนท์แบบนี้ ยูโร96-2012ในความทรงจำที่แสนสนุกและสมศักดิ์ศรี ทีมแชมป์ เยอรมัน ฝรั่งเศส กรีซ สเปน เหมาะสม+มีสตอรี่ให้เล่าได้ทุกทีม ทีมรองแชมป์อย่างอิตาลี เยอรมัน ถ้าเป็นแชมป์ก็พูดได้ว่าเหมาะสม+มีสตอรี่เช่นกัน มันต้องแบบนี้ถึงจะทรงคุณค่าน่าจดจำ
เชื่อว่าถ้าอนาคตยูฟ่าอยากจะแก้ปัญหาเรื่องการเข้ารอบให้เหลือ2ทีมเหมือนเดิม สิ่งที่จะทำคือน่าจะเพิ่มเป็น32ทีมให้มันครอบคลุมทั้งทวีปไปเลยเตะคัดเลือกคัดออกนิดเดียวประมาณชนะสักนัดก็การันตีได้ไปเล่นรอบสุดท้ายไรงี้ แล้วมาบอกเราให้โอกาสทีมเล็กๆตามสูตรเชฟเฟริน