Top Comment [RE: หมอท่านนี้อธิบายเรื่อง เทคโนโลยีmrna ใครค้านไหม เห็นเพิ่มไหมครับ]
วันก่อนเห็นอดีต หัวหน้า ที่เป็นเด็กทุนเมกา บอกตัวเค้าอยากได้วัคซีน ที่ผลิตด้วยวิธีการแบบเก่า เพราะมันใช้สร้างมาหลายวัคซีนแล้ว แล้วก็ร่ำๆว่าอยากได้ แอสตร้า มาฉีด และบอกว่าในเมกาเค้าก็มีคนบ่นอยากได้แอสตร้าเหมือนกัน เค้าก็ด่ารัฐบาลเหมือนกัน
แล้วเค้าก็แชร์บทความของ จขกท นี่แหละ ผมอ่านแล้วผมก็เฉยๆนะ ไม่ได้รู้สึกกลัว mRNA และวันนี้พอดีมีคนเขียน บทความเกี่ยวกับmRNA เหมือนกันเลยขอเอามาแชร์เทียบกันเลย
ช่วงนี้ใกล้จะมีการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้างแล้ว พบว่ามีคนแชร์ข้อมูลความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนบางชนิด โดยเฉพาะวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งอาจทำให้คนหวาดกลัวหรือลังเลในการฉีดวัคซีนมากขึ้นอีก เลยอยากอธิบายเกี่ยวกับ mRNA vaccine และ Viral vector vaccine ซักนิด
1. mRNA ที่ใช้ในวัคซีน เป็นเพียงส่วน mRNA ของ spike protein มีขนาดเล็กมาก ไม่ใช่ RNA จากเชื้อทั้งตัว เข้าสู่ร่างกายแล้วเราไม่ติดและไม่ป่วย และ mRNA นั้นไม่มีความเสถียรเลย เพราะสลายตัวได้ง่ายมากจึงต้องเก็บในอุณหภูมิเย็นจัด ดังนั้น mRNA ที่ใช้ในวัคซีน เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว mRNA ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วย nanoparticles ทำด้วยไขมัน nanoparticles นี้มีหน้าที่เป็นตัวนำส่ง mRNA เข้าสู่เซลล์ mRNA จะทำหน้าที่เป็น "แม่พิมพ์" ในการผลิต spike protein เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเราให้สร้าง antibody ต่อ spike หลังจากนั้น mRNA จะสลายตัวไปหมด ไม่ผนวกกับ DNA เรา ไม่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ ไม่ก่อมะเร็ง
2. Viral vector vaccine มีลักษณะการทำงานคล้ายกับ mRNA vaccine ในข้อ 1 คือ virus ที่ใช้ (adenovirus) มีหน้าที่นำส่ง DNA ที่เป็นต้นแบบของ spike protein เข้าสู่เซลล์เท่านั้น (เปรียบเทียบกัน adenovirus ก็จะเหมือน lipid nanoparticles ในข้อ 1) จากนั้น DNA ส่วนที่ผลิต spike protein ก็จะทำหน้าที่สร้าง mRNA ก่อน แล้วกระบวนการที่เหลือก็จะเหมือนข้อ 1 ทุกประการ
ตัว adenovirus นั้นถูกออกแบบมาไม่ให้แบ่งตัวได้ จึงไม่สามารถทำให้เราเจ็บป่วยได้อีก นอกจากนี้ไวรัสที่ใช้ใน AstraZeneca vaccine มีต้นแบบจากไวรัสของชิมแปนซี จึงไม่ติดและแพร่เชื้อก่อโรคในมนุษย์ และไม่ผนวกกับ DNA ของมนุษย์
3. โปรตีนของ spike ที่สร้างขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจาก mRNA หรือ viral vector vaccine ทำหน้าที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้วจะถูกระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกำจัดไปหมด เหมือนกับร่างกายกำจัดเชื้อไวรัส ซึ่งแสดงว่าวัคซีนที่ฉีดได้ผลดี ดังนั้นร่างกายจะไม่เหลือโปรตีนนี้อยู่อีก ความเชื่อที่ว่าโปรตีนที่สร้างขึ้นมาจะคงค้างอยู่และอาจเกิด misfolded protein ตกตะกอน ก่อโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ALS จึงไม่เป็นความจริง
4. เทคโนโลยีการสร้างไขมันห่อหุ้มแบบ lipid nanoparticles ใช้กันมานานในวงการแพทย์พอสมควร เป็นวิธีการนำส่งยา (delivery system) แบบนึง เพื่อทำให้สามารถส่งยาไปยังเป้าหมายได้ดี ยาหลายชนิด เช่นยาต้านเชื้อรา ก็ใช้พวก liposome ห่อหุ้ม มีผลให้ยาออกฤทธิ์ดีขึ้น ผลข้างเคียงน้อยลง ไขมันที่ใช้สร้างก็คือตระกูล triglycerides และ cholesterol
5. แม้วัคซีนทั้งสองแบบจะใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อนเป็นวงกว้าง แต่เทคโนโลยีเหล่านี้พัฒนากันมาเป็นสิบปีจนมีประสิทธิภาพดีมาก การพัฒนาแต่เดิมใช้ระยะเวลานานเพราะไม่มีสถานการณ์รีบด่วน ด้วยปัญหาการระบาดของ COVID ทำให้ทุกคนเร่งการทำงานขึ้นมาก วัคซีนทั้งสองแบบผ่านการศึกษา phase 3 ในกลุ่มอาสาสมัครเกิน 150,000 คน และมีการใช้จริงรวมกันกว่า 600 ล้านคนแล้ว ผลข้างเคียงรุนแรงพบได้น้อยมาก โดยเฉลี่ย 1:300,000-1:400,000 คน และรักษาได้
เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้แปลว่าน่ากลัวหรืออันตรายแบบที่หลายท่านเชื่อกัน การศึกษาและการใช้จริงกับประชาชนเป็นวงกว้าง น่าจะพิสูจน์ตัวมันเองได้ดี
การสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน นอกจากจะช่วยกันยับยั้งหรือแก้ไขข้อมูลผิด ๆ แล้ว ยังต้องช่วยกันเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย ภาพนี้เป็น infographics จาก US CDC ที่ผมเห็นว่ากระชับและเข้าใจง่าย นอกจากนี้ เขายังทำรายละเอียดสั้น ๆ ที่อธิบายข้อสงสัยให้ประชาชนเป็นเวบที่เนื้อหาชัดเจน ยกประเด็นข้อสงสัยที่พบบ่อยมาตอบ เป็นสิ่งที่บ้านเราควรมีเหมือนกันครับ ถ้าภาครัฐ หรือสื่อต่าง ๆ ช่วยทำและเผยแพร่ น่าจะช่วยมาก
ทำความเข้าใจ mRNA vaccine
https://www.cdc.gov/.../vacc.../different-vaccines/mrna.html
ทำความเข้าใจ viral vector vaccine
https://www.cdc.gov/.../different-vaccines/viralvector.html
เครดิต ต้นทาง
https://www.facebook.com/manopsi/posts/10160924367893448