[RE: นี่แหละ เหตุผลที่ไม่ควรมี ESL]
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
จริงๆ สมมติฐานที่ว่า "ทีมใหญ่ๆทีมไหนถ้าหมดลุ้นแชมป์แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆในการดิ้นรนอันดับในลีคอีกต่อไป"
มันอาจจะไม่ได้จริงเสมอไปก็ได้ฮะ..เพราะฟุตบอลสมัยนี้คือธุรกิจ (คอนเซปป์เดียวกับ ESL) ซึ่งมันถูกขับเคลื่อนด้วยผลงานในสนาม
ทีมบอลไม่สามารถเล่นบอลเหยาะแหยะ ด้วยเหตุผลว่าไม่ได้ลุ้นแชมป์ละ จะเต็มที่ไปทำไม เก็บแรงไว้เตะ ESL อย่างเดียวดีกว่า
เพราะ supporter(แฟนบอล)ไม่ยอมแน่ๆอ่ะฮะ ถ้าฟอร์มในสนามเล่นแบบไม่เอาอะไร(โดยเฉพาะแฟนบอล local นี่ดุเดือดอย่างที่เห็น)
เมื่อทำผลงานในสนามให้แฟนไม่พอใจ มันก็ลุกลามขึ้นไปถึงนอกสนาม แล้วสุดท้ายก็กระเทือนถึงรายได้ในที่สุด
ดูง่ายๆอย่างแมนฯยูฯตอนนี้ ไม่ต้องลุ้นแชมป์ ไม่ต้องกลัวเสียพื้นที่ UCL เพราะการันตีได้ไปละ..แต่แดงเดือดคืนนี้มั่นใจเลยว่าใส่เต็ม
รวมถึงนัดอื่นๆ อาจมีโรเตชั่นบ้างตามสภาพความฟิต เพราะมีรอบชิงรออยู่(นี่ก็สามารถเทียบได้กับกรณีถ้าทีมไปเตะ ESL เลยนะฮะ)
แต่เชื่อว่าโอเล่ก็ใส่นักเตะที่พร้อมที่สุดลงสนาม และเป้าหมายคือชัยชนะอ่ะฮะ ไม่ใช่เล่นอะไรยังงัยก็ได้รอนัดชิงยูโรป้า
อันนี้ไม่จริงทั้งหมดหรอกครับ
ขนาดทุกวันนี้ทีมทุกทีมเล่นเพื่อทำอันดับที่ดีที่สุด แข่งกันเพื่อพื้นที่สุดท้าย
มันยังมีคำพูดว่า "เล่นแบบไม่เอาอะไรกันแล้ว" เกิดขึ้นตลอด
ไปดูตามมู้ไลฟ์สดได้ แฟนทีมตัวเองทุกทีมล้วนเคยเห็นทีมตัวเองเล่นแบบขาดแพสชั่นกันมาตลอดนั่นแหละ
ดังนั้นในโลกแห่งความเป็นจริง
โค้ชสั่งว่า "เราต้องเต็มที่เพื่อแฟนบอลนะ"
แต่โค้ชส่งสำรองลง 5 คน เพื่อเก็บตัวจริงไปเล่น ESL ในช่วง 6-7 นัดสุดท้าย
นักเตะขานรับโค้ชว่า "ครับ ผมจะเล่นเต็มที่"
แต่ในความเป็นจริง ลงไปเล่น โดนเขายิงนำ 2-0 เหลือเวลาอีก 15 นาที
ถามว่านักเตะมันมีแรงจูงใจในการวิ่งสู้ฟัด วิ่งไล่บอลเป็นหมาบ้า เข้าบอลแบบไม่กลัวเจ็บ
เพื่อกลับมาเสมอ กลับมาชนะให้ได้ "เทียบเท่า" กับตอนที่สู้เพื่อโควต้ายุโรปจริงๆ เหรอ
ไม่มีทางหรอกครับ นักเตะเป็นคน ไม่ใช่โปรแกรมคอมพิวเตอร์
จึงไม่แปลกที่ช่วงท้ายฤดูกาล ทีมที่ไม่ได้ไม่เสีย ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว และก็ไม่ตกชั้นแล้ว
เวลาเล่น แพสชั่น ความกระหาย ความรู้สึกแพ้ไม่ได้เด็ดขาด มันสู้พวกทีมหนีตกชั้น หรือทีมลุ้นพื้นที่ยุโรปไม่ได้
เราดูบอลมาเป็นสิบๆ ปี เราเห็นๆ กันอยู่ครับ