ปัญหาคือมันทำทั่วทั้งยุโรปไม่ได้ครับ คุณไปกำหนดให้แมนซิค่าเหนื่อยเท่าโอลิมเปียกอสไม่ได้หรอก พอมาทำแค่ลีคเดียวก็จะเกิดปัญหาการแข่งขันในเวทียุโรปขึ้นมาอีก

แคปอเมริกันเกมส์เค้าคำนวรปันส่วนจากรายได้ของทีมของลีกด้วย ถ้ารายได้เยอะขึ้นไม่เพิ่มแคป สหภาพผู้เล่นประท้วงไม่เล่นด้วยนะ + เค้ามีขั้นต่ำด้วยว่าทีมต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ารายได้เยอะเเยะ เอาเงินมาจ้างแต่ตัวถูกๆ

ของยุโรปถ้าเป็นแคปแบบเน้นควบคุมค่าจ้าง ทีมใหญ่ชอบเลย จ่ายเท่ากันใครๆก็อยากอยู่ทีมใหญ่ อยู่ทีมใหญ่อาจจะชื่อเสียงดีมีผลกับการได้สปอนเซอร์
ดีไม่ดีก็เลี่ยงโดยให้สปอนเซอร์จ่ายแทน แบบว่าถ้าเซ็นมาดริด แมนยู อาจจะมีไนกี้ อาดิดาสให้ค่าสปอนเซอร์อีก หรือมีสปอนเซอร์ตัวอื่นเข้าเพิ่ม

กับอีกส่วน กลายเป็นการหาเงินหาของทีมมันไม่มีลิมิต ยิ่งดัง ยิ่งมีผลงาน ยิ่งหาได้เพิ่มเรื่อยๆ แต่ขารายจ่ายมันติดแคปนักฟุตบอลก็เรียกร้องเกินแคปไม่ได้ อีกหน่อยกลายเป็นทีมก็จะรวยเงินเหลือ ค่าตัวนักเตะอาจจะแพงขึ้นเยอะๆ แต่ค่าจ้างน้อยเพราะติดแคป

แล้วแต่ละลีกจะกำหนดแคปยังไง
สมมติพรีเมียร์ค่าจ้าง max 500,000 ถ้าลีกอื่นแคปต่ำกว่ามาเจอกันในบอลยุโรปก็เสียเปรียบ หรือถ้าแคปเท่ากันทุกลีก ในลีกเล็กๆก็เหมือนไม่มีแคปอยู่ดีเพราะมันสูงเกินที่ใช้อยู่แล้ว

เอาจริง ถ้าทำจิง คนได้ประโยชน์คือ เจ้าของทีมนะ

แต่คนเสีย คือนักเตะ

แล้วก็ไม่ได้ ลดความเหลื่อมล้ำขนาดนั้น

เพราะมันแค่เพดานค่าเหนื่อย แต่ไม่ใช่เพดานซื้อตัว (ค่าตัว)

ทำแบบ Fantasy Point แบบในเกม

จะสายเติม หรือสายฟรี ก็เอาลงสนามได้เท่ากันหมด

ในกรณีสนามจริง ก็รวมทั้ง Squad คนไหนเกินก็ตัดออกไม่ลงทะเบียนตอนเริ่มฤดูกาล

แต่สุดท้ายยังไงมันเปลี่ยนไม่ได้หรอก

เพราะจะออกกฏแต่ละอย่าง มันต้องมีทั้งคนได้เปรียบเสียเปรียบอยู่แล้ว

ถ้าไม่บังคับไปเลย ก็ต้องมีคนยอมเสียเปรียบ

แค่ทำรายจ่ายให้สมดุลย์กับรายรับ ยังยากหรือกฎแฟร์เพลย์ คนยังว่าเสือกระดาษ

แล้วนี้เป็นรายได้ส่วนบุคคล ยิ่งทำได้ยากมาก ๆเลย

มันทำไม่ได้เพราะดูเงินไม่ได้อ่ะ ไม่เหมือนNFLที่บัญชีสามาถเข้าถึงได้หมด คุณอยากดูว่าเงินก้อนไหนทำอะไรเห้นหมดเลย
NFL NBA เลบรอนเจมส์ ลุงทอม คุณเห็นหมดทุกสตางค์เลยในสัญญา ให้เอเย่นต์เท่าไหร่ก็แจ้ง เห็นรายได้รายจ่ายทีมด้วย

แต่ฟุตบอลรายละเอียดสัญญาเมสซี่ เราก็พึ่งมารู้ตอนข่าวหลุด ก่อนหน้านั้นมันเป็นเลขสรุปตอนแจ้ง ไม่เห็นรายละเอียดครบ
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เงินมันแอบซอกแซกอยู่ข้างหลัง อย่าไปหวังว่าจะทำได้ องค์กรที่ตรวจสอบเองยังไม่แสดงรายละเอียดเงินครบเลย

ส่วนตัวผมคิดว่าไปออกกฏแจ้งสัญญาโดยละเอียดทุกคนเข้าไปดูได้ คุม%เอเย่นต์ เก็บภาษีแบบก้าวหน้าในอัตรารายได้ของทีม

-เงินกินเปล่าเอเย่นต์กำหนดเป็น%ของค่าเหนื่อยไป เซ็นนักเตะแพงทีมต้องจ่ายเอเย่นต์แพงตาม นับเงินส่วนนี้ในFFP
-ภาษีก้าว ปกติหน้าFFPปกติหาได้100ใช้ได้100 เปลี่ยนให้คิดเป็นขั้นบันได้แทน เช่น ใช้ไป50เสียภาษีเพิ่ม20
ใช้75เสีย30 ใช้100เสีย40 เงินภาษีไม่นับรวมFFPแยกไว้แบ่งทีมอื่นไป เช่นทีมใหญ่ซื้อ200เสียภาษีเข้าลีค80ไป

ทุกวันนี้บัญชีพวกนี้แจ้งตอนสรุปยอดตลอด มันทำให้ซอกแซกแอบจ่ายได้อ่ะ

ผมไม่รู้เรื่องเพดานค่าเหนื่อยโดยละเอียดว่ามันมีหมกเม็ดไหม

แบบ .... ทีมจ่ายตามเพดานของลีก แต่ลับหลังมีสปอนเซอร์ที่มีคอนเนคชั่นจ่ายให้แทนงี้

ทำไม่ได้เพราะมันมีหลายลีค พรีเมียร์จำกัดก็หนีไปลาลีก้า ถ้าจะทำต้องทำทุกลีคในยุโรป ซึ่งเอาจริงคงจะไปบังคับให้ทำไม่ได้

ผมว่าทำได้อะ โดยคิดเป็น เปอร์เซ็นต์ รายได้ต่อค่าใช้จ่าย ยิ่งถ้าคุณผลงานดี เปอร์เซ็นต์ตัวคูณเข้าไปมันก็จะยิ่งเยอะขึ้นไปด้วย

ไอเดียคือ กฏของ FFP มา + รวมเพดาน ค่าเหนื่อย โดย +/- ตามผลงานของซีซั่นนั้นๆ หรือ 3-5 ปีก่อนหน้า

แบบนี้เราจะได้เห็นสตาร์เข้าไปเล่นทีมเล็กๆมากขึ้น โดยได้ค่าเหนื่อยสมเหตุสมผล แต่ก็ต้องพยายามนำทีมให้ดีถ้าไม่อยากแบกทีมคนเดียว หรืออยากได้ค่าเหนื่อยเพิ่ม อะ

ไม่ควรครับ อเมริกันเกมจำกัดค่าเหนื่อยแต่ค่าเหนื่อยก็แพงกว่านักบอลอีก ไม่รู้ดิ ถ้ามีคนบอกว่ามาจำกัดรายได้เรา เพื่ออะไร ก็ได้มาอย่างสุจริต 0.012% เลยนะ ที่มาถึงจุดนี้

จริงๆก็เจ๋งเหมือนกันนะ

เอาแบบ overall รวมไม่เกินเท่าไหร่ ทั้งทีม

เพดานค่าเหนื่อย เค้าน่าจะหมายถึงเพดานว่าจ่ายให้แต่ละคนไม่เกินเท่าไหร่

จะ cap ทีม มีไม่ได้หรอก แต่ละทีมจำนวนเกมส์ไม่เท่ากัน ทีมใหญ่เกมส์เยอะ ทีมเล่นยุโรปกับไม่ยุโรป ทีมเข้ารอบลึกกี่ถ้วย มันต่างกันเยอะเลย อเมริกันเกมส์มันมีถ้วยหลักถ้วยเดียว นอกนั้นเพลย์ออฟ ซึ่งมันคนละช่วงเวลากัน แต่ฟุตบอลมันแข่งพร้อมกัน เพราะงั้นถ้าลุ้นหลายถ้วยมันต้องมีตัวเยอะกว่า

แล้วคีย์ของระบบ cap คือการแบ่งปันผลประโยชน์ แคปค่าจ้างเค้าคำนวณมาจากรายรับของลีกและของทีม แล้วมาจัดสรรผลประโยชน์กับสมาคมผู้เล่นว่าแคปควรเป็นกี่ % ลีกเป็นแฟรนไชส์ เพราะงั้นมันจะมีรายได้ที่ต้องเข้ากองกลาง เพราะงั้นทีมก็จะมีฐานะต่างกันไม่มาก พอฐานะต่างกันไม่มากก็มีกำลังจ่ายตาม cap เพราะ cap บางทีมีขั้นต่ำด้วย คือต้องใช้เงินให้ถึงขั้นต่ำ ไม่งั้นผู้เล่นเสียเปรียบที่เจ้าของไม่ pay

แต่ของฟุตบอลเชื่อว่าจะไปกำหนด cap ลำบาก แต่ละทีมรายรับรายจ่ายต่างกันเยอะ ถ้าเพดานค่าจ้างไม่เท่ากัน เดี๋ยวก็ด่าว่าเอื้อทีมใหญ่อีก