[RE: “ยูฟ่า” นักรบองค์ดำในสายตา ESL]
bird_romantic พิมพ์ว่า:
ผมว่าแยกประเด็นก่อน
ประเด็นแรก ทุกทีมเล่นฟุตบอลเพื่อคว้าแชมป์. ถ้าบอกว่าอันดับ9 ก็ยังได้เตะ แต่กลัวเตะไม่เตผ็มที่คงไม่ใช่
ประเด็นที่สอง ได้แชมป์ลีคแล้วยังไม่เตะ อันนี้ผมว่าเขามีแนวทางอยู่แล้วนะ พื้นที่ว่างส่วนนั้น.
คือถ้าการเล่นแบบไม่มีตกชั้น ยกตัวอย่างชัดๆ พวกอเมริกันเกมอย่าง NBA นะครับ มันก็มีทีมที่ลุ้นแชมป์กันอยู๋กลุ่มนึง แต่ก็มีอีกกลุ่มนึงที่เล่นไปงั้นๆให้มันครบๆ จบฤดูกาลก็ส่วนแบ่งค่าถ่ายทอดสด เพราะกากยังไงก็ไม่ตกชั้น หวังรอลุ้นดร๊าฟท์ตัวใหม่ปีหน้า ถ้าไม่ได้สิทธิ์ดร๊าฟท์ตัวที่มีลุ้นก็เล่นทรงๆมันต่อไปให้จบฤดูกาล
ทีนี้กลับมาที่ระบบ ESL นี่ ที่ทีมที่ร่วมก่อตั้งยังไงก็ไม่โดนคัดออก ถ้าสมมุติผลงานไม่ดี แพ้รัวๆ จบบ๊วยกลุ่ม แต่ปีหน้าก็ยังได้มาเล่นเหมือนเดิม คิดว่าการลงทุนเสริมตัวผู้เล่นเพื่อหวังคว้าแชมป์ จะคุ้มมั๊ย จะมีทีมที่คิดว่าช่างมัน จบที่โหล่ก็ได้ส่วนแบ่งเยอะแล้ว แล้วก็เล่นให้มันจบๆปีไปมั๊ย ยิ่งไม่มีระบบ Draft แบบอเมริกันเกมด้วย คุณจะแก้ปัญหา กระตุ้นให้ทีมพัฒนาตัวเองเพื่อแข่งขันยังไง
เรื่องลีกในประเทศ ถ้าทีมที่ได้ร่วม ESL อยู่แล้ว ต้องมาแข่งลีกต่อ จะสนใจผลงานในลีกแค่ไหน เพราะยังไงก็ไม่ได้เอาผลงานในลีกไปคัดเข้า ESL แบบ UCL แล้ว บอลลีกจะกลายเป็นสนามสำหรับตัวสำรองรึเปล่า แล้วคุณค่าของลีกในประเทศมันจะลดลงมั๊ย
การแข่งขันในลีกมันจะยิ่งยับ เพราะเงินไปกองกับทีมที่ได้ไป ESL หมด แล้วแค่รอบแบ่งกลุ่ม ESL ก็เตะกัน 10 นัดแล้ว ทีมพวกนี้ต้องใช้ขนาดทีมใหญ่ขนาดไหนเพื่อหมุนลงทุกรายการ มันก็ต้องมีการดึงตัวผู้เล่น ไปกองกันไว้ที่ทีมพวกนี้ แถมราคานักเตะ ค่าเหนือยนักเตะก็ยิ่งเฟ้อ เพราะขายให้ไอทีมพวกนี้ได้เงินมันเยอะ ทีมอื่นๆก็ยิ่งซื้อตัวดีๆยาก ทีมอย่างเอฟเวอร์ตันที่ซื้อผู้เล่นอย่าง ฮาเมส ได้ในราคา 30 ล้านปอนด์ ก็อาจจะกลายเป็นซื้่อไม่ได้ไปเลย ช่องว่างมันก็ยิ่งถ่างออกไปมากขึ้นๆ ระบบลีกในประเทศมันก็มีปัญหาตามมาอีกแหละ
คนในวงการฟุตบอลเค้าถึงคัดค้านไง เพราะแบบนี้มันอันตรายไม่ใช่แค่กับทีม แต่กับฟุตบอลในประเทศทั้งระบบ