ตอบให้ที่ตอบมา2เรื่อง

1. ทีมใหญ่มีเงินซือนักเตะ ทีมใหญ่15ทีม ทีมเล็กมี100-200ทีม ยอดต้องการขายมากกว่ายอดต้องการซื้อแน่นอน แล้วทีมใหญ่มันจะไปซื้อแพงทำไมทั้งๆที่เงินตัวเองมีเยอะขึ้นแต่ ปลาในบ่อมีเยอะเท่าเดิม

ลองคิดภาพ แมนยู อยากซื้อกองกลางตัวรุกตัวนึง แมนยูมีเงินเพิ่ม300ล้านปีนี้ จิ้มเอาสิ ไม่ว่าจะจาก โรม่า เลสเตอ เวสแฮม อะเลสเตอไม่ขาย ไปซื้อจากเวสแฮมก้ได้ แล้วจะโก่งยังไงในเมื่อทีมใหญ่มีแค่15ทีมที่ได้เงินมา


2. ค่าลิขสิท มันจะไม่ถูกลงได้ไง เงินที่คนทั่วโลกมาดูบอลตอนนี้อะ มันไม่เพิ่มไปกว่านี้แล้ว ลีคความเข้มข้นมันก้ต้องน้อยลงอยุ่แล้วตามหลักของ SPL เลยทีมใหญ่ผูกขาดมากขึ้นจากรายรับที่มากขึ้นเยอะ ไม่นับรวมความตื่นเต้นที่ลุ้top4จะลดลง อะไรที่มันแย่ลง ยอดมันก้ตก


ส่วนเรื่อง คล้อป เวนเกอ เฟอกี้ ไม่รุ้เรื่องบัญชี อันนี้ตลกละครับ ต่อให้พวกนั้นไม่ใช่จบสายบัญชีแต่รุ้เรื่องงบการเงินเยอะแน่นอน เวนเกอนี่จบตรงสายเรื่องพวกนี้มาด้วยซ้ำ

ผมว่าเสีย รายได้ กับ ขาดทุน ต่างกันนะครับ

พวกเราจะช่วยโลกฟุตบอลไว้, พวกเราจะไม่ยอมให้ฟุตบอลหายไปจากโลกเด็ดขาด"

ฟุตบอลมันไม่หายหรอก สิ่งที่พวกนายทำต่างหาก จะให้มันหายไป

ถ้าเราพูดถึงบาร์ซ่า ผมว่าไม่ใช่กำลัง แต่น่าจะเข้าสู่การล้มละลายแล้วหล่ะ esl คือเชือกฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยพยุงไม่ให้บาร์ซ่าจมน้ำ

เพราะโควิทจะอยู่กับโลกใบนี้ไปอีกนานจนกว่าวัคซีนที่ได้รับการปรับปรุงจนเสถียรและป้องกันได้จริงจะแล้วเสร็จซึ่งก็ต้องรอตำ่ๆ 3-5 ปี

ถ้าไม่มี esl บาร์ซ่าน่าจะไม่พ้นปีหน้าแล้วหล่ะ อาจต้องขายนักเตะในทีมทิ้งถูกเพื่อตัดปัญหาค่าเหนื่อยมหาศาล อาจจะต้องขายสนามซ้อมเพื่อเอามาใช้หนี้ธนาคาร

ในเมื่อกระแสเงินสดจะไม่กลับมาเป็นปกติไปอีกนาน

ตอบได้ดีจริงๆครับ

ถ้ามองแบบธุรกิจ บริษัทใหญ่ขาดทุนจนอาจจะล้มละลาย เลยต้องการจะเปลี่ยนโมเดลการตลาดซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเล็กไม่มากก็น้อยแต่มันไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่อาจจะดูไม่แฟร์ในความรู้สึกคนบางกลุ่ม ถ้าเป็นบริษัทใหญ่คุณแคร์หรอถามจริงๆแล้วเวลาถ้าบริษัทคุณขาดทุน บริษัทเล็กมาช่วยรับความเสี่ยงไหม มีโปรโมชั่นลดค่าตัวให้สำหรับทีมใหญ่หรอก็ไม่มีอยู่ดีค่าเหนื่อยก็ไม่ได้มีใครดูแลแล้วถ้าจะบอกจะซื้อนักเตะแพงจะจ้างแพงๆทำไมมันคือการลงทุนนั่นแหละ สุดท้ายกีฬามันก็ต้องไปด้วยกันกับธุรกิจนั่นแหละยุคสมัยนี้มีทีมไหนไม่ต้องลงทุนปั้นเด็กแล้วคว้าแชมป์รัวๆบ้าง

ผมว่าเหตุผลนี่ฟังขึ้นแล้วก็ทำหลายเหตุผลตกลงไปเหมือนกันนะ รอดูตอนจบดีกว่า

พีระมิดที่เปเรซว่าคงประมาณว่าทีมที่ได้เข้าร่วมได้เงินค่าตอบแทนจากรายการมาจำนวนนึง ไปกระจายให้ทีมอื่น ๆ โดยการซื้อนักเตะจากทีมระดับกลาง ระดับเล็ก

ผมว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ทุกวันนี้ทีมระดับกลางจนถึงเล็กก็โก่งราคานักเตะจากทีมใหญ่แทบจะปกติอยู่แล้ว

แต่ที่ต่างไปคือทีมใหญ่ที่วางเป้าหมายไปที่การลุ้นแชมป์จะได้ไม่ลงทุนแบบเข้าเนื้อ มีเงินมาช้อปนักเตะจากทีมเล็กตลอด

ทีมระดับกลางก็เรียกราคาได้ นำเงินไปหมุนซื้อนักเตะจากทีมระดับเดียวกันหรือเล็กมาทดแทน

หรือจะเจียดนำไปพัฒนา Facility หรืองานส่วนอื่น ๆ เพื่อพัฒนาทีม และอาจเกิดทีมนักปั้นมือทองใหม่ ๆ ขึ้นมา

เรื่องช่องว่างของทีมเล็กกลางใหญ่ ผมว่ามันถูกจำกัดโดยระบบโควต้านักเตะด้วยส่วนนึง

จะให้ทีมใหญ่ไปทุ่มซื้อนักเตะทีครึ่งทีมคงไม่น่าจะมีหรอก ส่วนนึงเพราะรายได้ส่วนที่ได้มาก็ต้องแบ่งไปเป็นค่าพัฒนาส่วนอื่น ๆ ด้วย

ตอบแบบผู้ใหญ่ กับตอบแบบเด็กน้อยบ้าอำนาจมันต่างกันแบบนี้เอง

ตอนแรกยังไงก็ได้นะ หลังๆเริ่มหมั่น ยูฟ่า เลยอยากให้จัดได้ละ

ผมอยากดูว่าระดับเทพอย่างเปเรซ จะแก้ปัญหาการโดนบีบโดนแบนยังไง สนุกมากเลยนะเห็นผู้มีอำนาจงัดกันเนี่ย

ในลีกส์ก็เต๊ะเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจาก UCL เป็น ESL

แชมป์ UCL ก็หน้าเดิมๆ

ผมอยากให้ 12 ทีมยืน ส่วน 8 ทีมอื่นใครติด 1-4 ลีกส์ใหญ่ ให้มาเข้าร่วม

ส่วนลีกส์เล็กใครได้ที่ 1 ให้มาอย่างละทีม

ถ้าลองหาข้อมูลเร็ว ๆ โดยอ้างอิงจากการสัมภาษณ์เพื่อดูว่ากีฬาอื่นนอกจากฟุตบอลกำลังเจอกับสถานการณ์เดียวกันหรือเปล่า



ในภาพจะเป็นข้อมูลที่มาจากทางการศึกษาฝั่งอเมริกาที่ชี้ว่าในช่วงโควิดที่ผ่านมายอดคนดูในกีฬาประเภทต่าง ๆ ในช่วงโควิดลดลง

โดยเหตุผลที่ได้จากการทำแบบสอบถามหลัก ๆ คือคนดูเอาเวลาไปทำอย่างอื่นหรือไม่ได้ใส่ใจกับกีฬาเท่ากับเมื่อก่อน

เพราะกีฬาเองในมุมของคนดูก็เป็น content ประเภทหนึ่ง ท่ามกลาง content มากมายเช่นบน Youtube Netflix

ที่มีความยืดหยุ่นในการดูมากกว่า สามารถดูเมื่อไรก็ได้ หยุดดูกลางคันได้ โดยเฉพาะในกลุ่มของคน Gen ใหม่ ๆ

ที่จะกลายเป็นกลุ่มคนดูหลักในอนาคตให้คุณค่ากับเวลามาก จนการมานั่งเฝ้าจอดูกีฬาต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่เกิดยากขึ้น

แต่ข้อมูลข้างต้นเป็นการศึกษาที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2020 ซึ่งเป็นยุคโควิด ผมเลยย้อนกลับไปหาข้อมูลก่อนโควิดจะเกิดขึ้นดูบ้าง

และพบว่ามีข้อมูลที่บอกถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของคนดูที่ถูกจัดทำขึ้นในปี 2017 ว่า Rating ในตอนนั้นไม่ได้ตกลง

เพียงแต่คนมักจะสลับหน้าจอไปดูหรือทำอย่างอื่นแทน ทำให้ตั้งใจดูการแข่งน้อยลง

https://morningconsult.com/2020/12/21/2020-sports-viewership-down-but-why/
https://www.forbes.com/sites/alexreimer/2020/12/16/why-sports-tv-ratings-will-likely-still-suffer-in-2021/?sh=47c32a332acf
https://www.lightreading.com/video/ott/how-sports-tv-viewership-is-changing-/a/d-id/749371

ใครที่สนใจก็ลองอ่านบทความใน Link หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ เพราะผมพยายามดึงเฉพาะข้อมูลสำคัญออกมาสรุปเท่านั้น

ในมุมมองผมต่อให้สถานการณ์จากการศึกษาจะดูไม่ค่อยดีต่อวงการกีฬา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้วงการกีฬาพังทลายในไม่กี่ปี

ซึ่งสิ่งที่ดันมาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาคือโควิด ที่ทำให้พฤติกรรมคนดูเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และ Social Distancing เองก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อกีฬา

คือท้ายที่สุดแล้วผมมองว่ามันคงจะมีการต่อรองกันอีกสักพักจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่า ESL จะเกิดขึ้นหรือจะจบกันอีท่าไหน แต่ยังไงก็คงมีการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ

เพราะกลุ่มคนที่มีกำลังจ่ายในตอนนี้ยังเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในยุคที่กีฬาเฟื่องฟู แต่ถ้ากลุ่มคนนี้ล้มหายตายจากไป จะสโมสรหรือลีกส์ก็คงไม่มีทรัพยากรมาคงสถานะเหมือนเดิมในอดีต

คือกลัวแต่ทีมเล็กจะตาย แต่ไม่จะสนทีมใหญ่เลยว่าเค้าเป็นไงมันก็แย่นะ

แล้วถ้าทีมใหญ่ล้ม ทีมเล็กก็ไม่รอดเหมือนกัน

ทำไมผมเห็นด้วยว่า ฟุตบอลเดี๋ยวนี้มันน่าสนใจน้อยลง ผมว่าเปเรซและผู้บริหารทีมใหญ่แกมีตัวเลขในมือแน่นอน แนวโน้มคนดูมันคงน้อยลง ยิ่งเรื่องแพลตฟอร์มอื่น ผมเห็นด้วยนะว่าโลกฟุตบอลมันดูแย่ลง คนรักบอลมันก็ยังมีแต่มันไม่ได้เติบโตขึ้นเหมือนเมื่อก่อน เด็กรุ่นใหม่ ผมเห็นคนสนใจกิจกรรมอย่างอื่นมากขึ้น ดูซีรี่ กิจกรรมอื่นๆ หรือแม้กระทั่งกีฬาใหม่ๆ

เค้าก็คงทำเพื่อความอยู่รอด ยิ่งสโมสรใหญ่อย่าเอาไปเปรียบกับทีมเล็กเลยครับ รายจ่ายมันต่างกัน ผมอยากให้มี ESL นะ แต่อยากให้มันน่าสนใจหน่อยมีปรับทีมใหม่ๆวนมาบ้างแต่เอาเฉพาะลีคใหย๋ๆก็พอ พวก โอลิเปียกอส อตาลันต้า อะไรแบบนี้ อะไรพวกนี้เอาจริงมันก็สีสันเล็กแต่ถามว่าน่าดูมั้ยมันก็ไม่น่าดูเลย ยิ่งทีมเล็กมาเจอกัน นี่ไปดูซีรี่ดีกว่า

ถ้าบาร์ซ่าผมมีประธานเก่งเท่าท่านเปเรซ

บาร์ซ่าผมคงไม่ดิ่งลงแบบนี้แน่นอน