[RE: การดูถูกความชอบของคนอื่นคือเรื่องปกติปะครับ]
momozee11 พิมพ์ว่า:
byrd.tt พิมพ์ว่า:
ออกตัวก่อนเลยว่าเป็น judging type นะครับ (MBTI - xxxJ)
ส่วนตัวก็คิดว่า content พวกนั้นมัน trash จริงๆนั่นแหล่ะครับ คือเข้าใจว่ามีคนชอบ มันขายง่าย ย่อยง่าย แต่สนุกหรือบันเทิงมั้ยอันนี้แล้วแต่คนละ ส่วนคุณภาพคนดูอันนี้ละไว้ดีกว่า เพราะผมเข้าไม่ถึงจริงๆ (เช่นนั่งดู reaction คนอื่นเพื่ออะไรหรอ มันมีอะไรสนุกหรอ) แต่คนที่ประสบความสำเร็จที่ผมเจอในชีวิตมา ไม่เคยเจอใครดูพวก content/channel แบบนี้ซักคนครับ (อาจจะรู้จัก channel แค่ชื่อ หรืออย่างผมที่รู้จักบางช่องเพราะที่นี่หรือน้องๆในทีม)
ปล. จะมาเปรียบเทียบกับ junk food ว่ากินกันทั้งประเทศก็ไม่ถูกเสียทีเดียวนะครับ เพราะจริงๆแล้วมีการวิจัยออกมาแล้วเหมือนกันว่าคนที่เลือกกิน junk food คือกลุ่มคนที่เรียกว่า average folk ละกัน (พยายามเลือกใช้คำละนะ 555) และก็ไม่ได้มี health-conscious อะไรเลยครับ ซึ่งนั่นก็ reflect ออกมาได้เหมือนกันว่าประชากรเมกันกลุ่มใหญ่ๆก็ไม่ได้มีคุณภาพครับ เพราะไม่ได้แคร์เลยว่าตัวเองจะมีปัญหาเรื่องอ้วน ความดันหรือโรคหัวใจ ฯลฯ ไม่งั้นทรัมป์คงไม่ได้เป็นปธน.หรอกครับ
Edit : แก้ภาษาและคำผิด
ต้องย้อนไปอีกว่าคนประสบความสำเร็จกับคนทั่วไป จำนวนมันต่างกันแค่ไหน
Youtube คือที่ที่คนส่วนใหญ่เข้ามาผ่อนคลาย เทียบกับ % คนมาหาสาระแล้วต่างกันแค่ไหน
จำนวนคลิปมันก็ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้
คือผมงงตรงที่ยก Youtube มาวัดคุณภาพสังคมได้ด้วยหรอ ก็ในเมื่อจุดประสงค์หลักคือเข้ามาผ่อนคลาย
ก็คงตอบว่า ได้ นั่นแหล่ะครับ เพราะมัน”ตอบสนองความต้องการ”นั่นแหล่ะครับ นั่นแปลว่าอะไร มันแปลว่าคุณภาพของคนในสังคมเค้าชอบเสพย์อะไรแบบนี้ไง เป็นเรื่อง supply/demand ครับ เหมือนที่เราชอบพูดกันว่ารายการทีวีไทย ไม่ค่อยมีอะไรดีๆหรือมีคุณภาพให้ดู ละครก็ไร้สาระ ตบตีกัน สื่อบันเทิงก็มีทั้ง body shaming มีรายการอะไรนะ ที่มาทายเรื่องดวงๆอ่ะ ฯลฯ แล้วทำไมยังทำกันออกมา ? เพราะมัน”ขาย”ได้ยังไงล่ะครับ... ซึ่ง Youtube จริงๆคือสื่อทางเลือกประเภทนึง แต่ปริมาณคุณภาพ content ก็พอกันน่ะครับ (รายการผีบ้าง รายการแกล้งกัน ฯลฯ)
ผมว่านี่มันก็สะท้อนคุณภาพคน คุณภาพสังคม”ส่วนใหญ่”ของประเทศนี้ได้แล้วนะครับ
ถ้าคุณเคยไปอยู่ในประเทศที่เจริญแล้วซักพักนึง (โดยไม่ใช่แค่ไปเที่ยว) คุณจะรู้ว่าไอ้การผ่อนคลายเนี่ย มันมีมากกว่าแค่ที่คุณดูๆกันเยอะมาก เค้าใช้เวลาไปเดินหอศิลป์งี้ ไปดูโชว์ ไปฟังสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องรอบตัว เรื่องเพลง หรือ ไป book club งี้ มีการแลกเปลี่ยนกันในเชิงความคิด ไปปิคนิค ฯลฯ ซึ่งพวกนี้นี่แหล่ะครับ คือการผ่อนคลายเช่นกันครับ และส่วนตัวมองว่ามีคุณภาพมากกว่า และได้พัฒนาทั้งตัวเองและองค์ความรู้ไปด้วยเช่นกันครับ