[RE: จอห์น วิญญู และแฟนเก่า]
Rafia พิมพ์ว่า:
KJKrono พิมพ์ว่า:
talents1628 พิมพ์ว่า:
Professor Hulk พิมพ์ว่า:
ผมพึ่งดู definitely, may be
ผมรู้สึกว่าชีวิตฝรั่งเขามีฟรีดอมมากนะ ไม่ใช่แค่อายุ30กลางๆมีลูกแล้วจบอะ คือเขาพร้อมที่จะexploreอยู่เรื่อยๆ
พร้อมที่จะmoveตามเส้นทางชีวิตไปเรื่อย มีลูกแล้ว เหมือนแบบ แล้วไงอะถ้ากุไม่โอเค
ไม่ได้นิยมให้แบบแต่งมั่วแต่งซั่วนะครับ คนเราควรcommittedจริงๆ แต่มันก็นั่นแหละใครจะไปรู้ได้ทุกเรื่องวะ
ผมไม่อยากให้วัฒนธรรมบ้านเรา ซึ่งผมไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว (ผมยอมรับเลยผมโปรฝั่งตะวันออกมากกว่าในหลายๆไอเดีย)
มาผูกมัดเราอะ
ปล. บ่นเล่นไม่ตรงหัวข้อมั้ยเนี่ย 555+
เป็นเรื่องนึงที่ผมคิดว่าไม่ควรตามยุโรป
"แล้วไงอะถ้ากุไม่โอเค" สำหรับผมนะถ้ายึดความคิดนี้ ก็ไม่ควรตามยุโรปครับ
มันน่าจะเป็นเรื่องความรับผิดชอบและวุฒิภาวะ ถ้าไม่โอเคก็ไม่ต้องแต่งไม่ต้องแตกในครับ รวยก็ดีไป ถ้าจนสงสารเด็ก
เขาถึงต้องมีสวัสดิการพื้นฐานต่างๆให้เด็กไงครับ แบบไม่ต้องร้องขอจากพ่อแม่ คือสงสารเด็กก็เรื่องนึง แต่คนเป็นพ่อแม่ต้องทนอยู่ใช้ชีวิตไม่มีความสุขไปอีกกว่าครึ่งชีวิต ไม่น่าสงสารหรอครับ บางคนมารู้ตัวว่าเข้ากันไม่ได้ตอนอายุ 30-40 แล้วก็มี มันไม่ใช่เรื่องความรับผิดชอบหรือ วุฒิภาวะหรอกครับ
สวัสดิการแบบไหนเหรอครับที่ว่าไม่ต้องร้องขอจากพ่อแม่ ผมนึกไม่ออกจริง ๆ
คือจะที่ไหนถ้าทำลูกมาแล้วก็ต้องเลี้ยงไม่ใช่เหรอครับ จะปัดความรับผิดชอบไปให้ใครอะ
จะบอกว่าเข้ากันไม่ได้และไม่มีความสุข เพราะมีลูกเป็นตัวผูกมัด แบบนี้รึเปล่าครับ
แบบนี้จะทำลูกออกมาทำไมแต่แรกครับ มันก็วกมาที่ความรับผิดชอบนั่นล่ะ
ทำลูกมาก็ต้องเลี้ยงใช่ครับ ผมว่าเรื่องความรับผิดชอบลูกกับความรักกันของผัวเมียต้องแยกกัน
ใช่ครับในวันนึงคุณมีแฟนอยากมีลูก ณ วันนั้นมันก็ส่วนนึง พออยู่มาถ้าหลายๆอย่างมันเปลี่ยนไปผมว่า
การเลิกกันของพ่อแม่ น่าจะมีผลดีกว่าด้วยซ้ำถ้าเกิดว่าอยู่ด้วยกันแล้วทำให้ สภาพแวดล้อมบ้านไม่พร้อมให้เด็ก
ได้ซึมซับอะไรที่ดีๆ
ผมเป็นหนึ่งในคนที่พ่อแม่แยกทางกัน ซึ่งโชคดีที่พ่อแม่สอนมาอย่างเข้าใจ
พอพูดว่าพ่อแม่แยกทางกัน ผมกับน้องผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหาชีวิตเลย มีแต่คนอื่นบอกว่ามันเป็นปัญหา
และยิ่งมองพวกผมเป็นปัญหาหนักเพียงเพราะผมกับน้องไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องแบบนี้
พอต่างคนต่างแยกกันไปแต่สุขภาพจิตในบ้านดีขึ้นมากๆเค้าก็ยังรักลูกๆเหมือนเดิม ไม่มีบรรยากาศอะไรที่ทำให้ผมกับน้องต้องมีปัญหา ผมกับน้องโตมาจนทุกวันนี้กลายเป็นที่ปรึกษาของเพื่อนๆ และเพื่อนหลายคนเข้าใจว่าบ้านผมมีครอบครัวที่อบอุ่นเพราะนิสัยผมเหมือนคนไม่เคยขาดอะไรเลย
เพื่อนผมพ่อแม่ไม่เลิกกันแต่สภาพแวดล้อมบ้านโคตรจะไม่น่าอยู่ สามวันดีสี่วันไข้ ตีกันวันไหนบ้างก็ไม่รู้
เพื่อนมาเห็นพ่อขับรถไปกับเมียน้อยต้องมาคอยถามคอยบอกไม่กล้าบอกแม่สาระพัดเรื่องจะตีกันผมเห็นแล้วผม
ก็คิดว่าทำไมไม่เลิกกันให้มันจบๆ ยิ่งพ่อแม่ไม่ได้รักกันอยู่ด้วยกันคนที่กระทบที่สุดก็ลูกเนี่ยแหล่ะครับ แต่ไอคนเป็นพ่อเป็นแม่มักไม่รู้ตัวเองเพราะคิดว่าไม่เลิกกันสำคัญกว่าการแสดงออกหลายๆอย่างในบ้าน