ดูเจตนาแมคโทแล้วน่าจะแค่ปัดมือซอนแหละ แต่เล็บมือดันไปโดนขมับ มันเลยนอนดิ้นจะเป็นจะตาย 555

พี่ซ่อนหา บอกว่า ดึงก็ไม่ทันแล้ว กูนอนแม่งนี่แหละ

ปัญหาคือ จังหวะมันไกลแล้วไง กรรมการถ้ามึงจะเป่า มึงควรเป่าฟาวไปเลยซิ รอไรวะ

รอให้เขาทำเกมไป 4-5 จังหวะเนี่ยนะ สมอง

ทุกวันนี้ไม่ค่อยเป่าครับ​ รอจบจังหวะเพลย์ค่อยมาเช็คvar ของเชลซีมั้งถ้าจำไม่ผิดย้อนไกลสุดละ

คัมแบคแบบนี้ยังรู้สึกดีกว่าเฟอร์กี้ไทม์ครับ

ทีมวิเคราะห์แมนยูถือว่าเก่ง วางหมากก่อนลงสนามกับแก้เกมส์พักครึ่งได้ดี หรือแผนเปลี่ยนตัวนาที 70 80 เหมือนเขียนวางเป็นแพลนไว้หมดแล้ว แฟนผีจะสังเกตได้ว่าถ้าเปิดเกมส์มาแล้วเละเล่นไม่ได้เรื่อง ครึ่งแรกต้องรอให้จบครึ่งก่อนค่อยมาลุ้นครึ่งหลัง ถ้าเริ่มครึ่งหลังแล้วยังอึน ต้องลุ้นนาที 70 ถ้ายังอึนก็นาที 80 จากนั้นก็ทำใจได้เลย

กลับกันถ้าเปิดสนามมาเล่นดีมาทางบุก มันดูเข้าเว้ยเห้ย เกมส์นั้นจะมีลุ้นทั้งเกมส์ หรือหลังพักครึ่งถ้าลงมาแล้วแทคติคใหม่ได้ผลจะเจาะได้ทันที

น้อยมากที่เปลี่ยนเกมส์แบบฉับพลันแล้วได้ผลแบบลงมาครึ่งหลังยังอึนอีก เปลี่ยนแทคติคเปลี่ยนตัวมโหฬารระหว่างเกมส์แล้วรูปเกมส์ดีใสๆ ยกเว้นเกมส์นำที่จะคิดไวทำไวเพื่อรักษาสกอร์ มาติชนี่ซอยเท้ารอเลยเกมส์นำ

นี่แหละสายเฮทเตอร์โอเล่เลยไม่เชื่อใจ เพราะเหมือนไม่ได้โชว์กึ๋นแบบสด ๆ เกมส์ต้องการชนะแต่เสมออยู่ใส่หน้าเข้าไปอีกหรือเติมปีกแทนแบคไปเลย ไม่ต้องไปกลัวสมดุลที่วางไว้ช่วงพักครึ่งจะเสีย ไม่ต้องไปกลัวแพ้ กองหน้าวิ่งทำไลน์กันก็ช่ามันเน้นปริมาณไม่ต้องเน้นแบบแผนคุณภาพ (ซึ่งหลายครั้งได้ผล)

โอเล่เลยดูเหมือน ผจก เพล์เซฟเกินไป ไม่เหมือนหวังแชมป์ ไม่ดุดันกล้าได้กล้าเสีย แต่ฝ่ายแฟนโอเล่จะมองว่าไม่มีตัวสำรองดี ๆ พอจะเปลี่ยนอะไรได้ สำหรับผม ผมว่าถ้าขาเก้าอี้เค้าแข็งกว่านี้ เค้าก็น่าจะกล้ากว่านี้ การเปลี่ยนแผนดุดันระหว่างเกมส์นั่นคือละทิ้งทุกอย่างที่ร่วมกันกับทีมวิเคราะห์ระหว่างครึ่งช่วยคิด ถ้ายังไม่แข็งพอจะทำ ทำแล้วทีมจะแตกเอา

สุดท้ายพูดมายืดยาว สาเหตุแท้จริงที่แมนยูคัมแบคบ่อยเป็นเพราะ ความฟิตกว่า ของนักเตะจริง ๆ นักเตะวิ่ง 90 นาทีไม่หมด ไม่รู้ซ้อมกันยังไง แต่ต้องยกเครดิตให้ทีมโค้ชจริง ๆ เป็นทีมบ้าพลังไปแล้วแมนยูตอนนี้