มันน่าเศร้าตรงที่ ต่อให้ทุกคนตาสว่างเกิน 80% ของประเทศมันก็เปล่าประโยชน์ครับ

สถาบัน + ทหาร + ตำรวจ + กระบวนการ(อ)ยุติธรรม + นายทุน (มีจำนวน 1% ของจำนวนประชากร) ที่ครอบครองทรัพยากร 90% ของประเทศ แค่กลุ่มนี้รวมกัน แบ่งผลประโยชน์กัน กดขี่ประชาชน ต่อให้มีคนที่มีประสิทธิภาพอย่าง ปรีดี ธนาธร ปิยบุตร อีก 100 คน ประเทศเราก็ยากที่จะเป็นประชาธิปไตย ยากที่จะมีสิทธิเสรีภาพอย่างแท้จริงครับ

ขออภัย แต่ผมกลัวเหลือเกินว่าการเสียสละของเหล่าผู้กล้าจะเปล่าประโยชน์ครับ ...

ยุคมืด

เหมือนกับตำแหน่ง สว. เลยนะ ที่ตอนนี้ไม่แคร์ว่าจะทำให้ชื่อเสียงของตำแหน่งตัวเองจะป่นปี้หรือเป็นที่รังเกียจของสังคมขนาดไหนแล้ว

ไม่หลงเหลือหอกอะไรให้เคารพอีกต่อไปประเทศนี้

ไม่เปล่าประโยชน์หรอก คอยดูพวกเจนแซด เจนอัลฟ่า ขึ้นมาทำงานก็แล้วกัน ประเทศไทยกว่าถึงเวลานั้นน่าจะออกจากสังคมวัยชรา แสดงว่า เจนเบบี้ บูมเม่อร์ และ เจนเอ็ก ล้มหายตายจากไปหลายคนแล้ว เสียงทางประชาธิปไตยก็จะดังมากขึ้นเรื่อยๆ คนพวกนี้เขาไม่หวังกับคนรุ่นก่อนเขาหรอก ผู้ใหญ่เชื่ออะไรไปแล้วเปลี่ยนความคิดยาก เขารอเด็กรุ่นใหม่ครับ

ไอ้วาจี้

อยากให้มีคนลุกขึ้นมาทำแบบหนัง law abiding citizen จริงๆ

ถ้าจบเรื่องนี้ ศาลที่เป็นหมารับใช้ทุกตัวที่ทำแบบนี้ต้องรับโทษมั้ย รับคำสั่งภายนอก ทำผิดหลักความยุติธรรมทุกอย่าง

สถาบันก็จะมี NO.11 No.12 ที่มาจาก Gen Z, จปร. ก็จะผลิตทหาร ตำรวจ จาก Gen Z ออกมาถือปืน, ลูกหลานนายทุน Gen Z ก็มาสานต่อธุรกิจครอบครัวต่อ อีกเช่นกันครับ

ถ้าคนเหล่านี้มีอำนาจ มีผลประโยชน์ เหตุผลที่เขาเหล่านั้นจะวางพลังอำนาจเหล่านั้นลงคืออะไรล่ะครับ? ผมยังมองไม่ออก

ผมก็มั่นใจสัดส่วนฝ่ายประชาธิปไตยต่อฝ่ายเชื้อเจ้า ทางฝ่ายประชาธิปไตยมากขึ้นเรื่อยๆตามรุ่นที่ผ่านขึ้นมาเป็นวัยทํางานครับ ส่วนทางกับฝ่ายเชื้อเจ้าลดลงเรื่อยๆตามรุ่น ถ้ารณรวค์กันตลอด กว่าประชาชนในเมียนม่าร์จะมีความคิดประชาธิปไตยตั้ง 90% ต้องผ่านมากี่รุ่น ของเราพึ่งรณรงค์จริงๆจังๆ แบบเห็นถึงต้นตอปัญหาแค่ 3 ปี เส้นทางมันยังแค่เริ่มเอง ของพรรณนี้มันว่ากันเป็นรุ่นๆ ครับ เพราะการเปลี่ยนความคิดคนรุ่นก่อนเรามันยาก