BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Dec 2013
ตอบ: 4173
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 09:15
อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?


ธรรมเนียมการดูตัวและอิทธิพลของวรรณกรรมแปลในพระราชพงศาวดาร

ธรรมเนียมการขอดูตัวนี้ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การสงครามไทย กรรณิการ์ สาตรปรุง ให้ความเห็นไว้ในหนังสือเรื่องราชาธิราช สามก๊ก และไซ่ฮั่น : โลกทัศน์ชนชั้นนำไทย ว่าธรรมเนียมการขอดูตัวทหารที่เก่งกล้าสามารถของฝ่ายตรงข้ามเป็นวัฒนธรรมการทำสงครามของมอญ ดังที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมแปลเรื่องราชาธิราช ซึ่งแปลและเรียบเรียงในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๓๒๘ โดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ตัวอย่างที่คล้ายคลึงกัน เช่น ตอนพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องขอดูตัวสมิงอังวะมังศรี ทั้งยังเอาพานพระศรี เครื่องทองคำสำรับหนึ่งกับอานม้าเครื่องทองใส่เรือน้อยมาพระราชทานอีกด้วย

นอกจากนี้ยังปรากฏอิทธิพลของวรรณกรรมแปลเรื่องอื่นในศึกอะแซหวุ่นกี้ เช่นตอนที่เมืองพิษณุโลกขาดเสบียง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ถอนทัพออกจากเมืองพิษณุโลก ได้มีการทำอุบายดังนี้

“…เจ้าพระยาทั้งสองจึงให้เจ้าหน้าที่ระดมยิงปืนใหญ่น้อยหนาขึ้นกว่าทุกวัน เสียงปืนลั่นสนั่นไปมิได้ขาดตั้งแต่เช้าจนค่ำ แล้วให้เอาปี่พาทย์ขึ้นตีบนเชิงเทินรอบเมือง…”

กลยุทธ์การเอาปี่พาทย์ขึ้นตีเป็นกลลวงนี้ หากดูในพระราชพงศาวดารไทยจะพบว่าไม่เคยมีมาก่อน แต่อาจเป็นเพราะการชำระพระราชพงศาวดารในสมัยหลังได้อิทธิพลมาจากวรรณกรรมแปลเรื่องสามก๊กและไซ่ฮั่น เนื่องจากฉากที่คล้ายคลึงกันนี้ปรากฏในตอนที่ขงเบ้งดีดกระจับปี่ลวงให้สุมาอี้ถอยทัพและในตอนที่ฮั่นสินทำอุบายลวงพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไปในที่ที่ตนวางอุบายไว้ ซึ่งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเห็นฮั่นสินนั่งเสพสุราอยู่หน้าค่ายและให้ทหารเล่นมโหรีปี่พาทย์อยู่อื้ออึง เรื่องแรกอำนวยการแปลโดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เช่นกัน กล่าวกันว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระราชดำรัสให้แปลสามก๊กและไซ่ฮั่น สันนิษฐานว่าสามก๊ก ต้องแปลก่อน พ.ศ. ๒๓๔๘ ซึ่งเป็นปีที่เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ถึงแก่อสัญกรรม ส่วนเรื่องไซ่ฮั่น อำนวยการแปลโดย สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ซึ่งเป็นพระเจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ ๑ และเป็นวังหลังเพียงพระองค์เดียวในสมัยรัตนโกสินทร์ ไม่มีบานแพนกระบุปีที่แปลและจุดประสงค์การแปล แต่คาดว่าน่าจะเหมือนกับเรื่องสามก๊ก โดยคงแปลเสร็จสิ้นก่อน พ.ศ. ๒๓๔๙ ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ทิวงคต

สิ่งที่น่าสนใจประการต่อมาคือ ภาพการถอนทัพออกจากเมืองพิษณุโลกในพระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ก็มิได้ “แตกกันเป็นอลหม่าน” อย่างที่กล่าวถึงในพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) แต่ดูมีการวางแผนและเป็นระเบียบ มีการแบ่งกองทหารเป็น ๓ กอง เปิดประตูเมืองฝั่งตะวันออกรบฝ่าค่ายพม่าที่ตั้งล้อมอยู่ออกไป

นอกจากนี้ยังมีข้อความที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากพระราชพงศาวดารฉบับก่อนหน้านั้น คือตอนที่อะแซหวุ่นกี้เผาเมืองพิษณุโลก และได้กล่าวชื่นชมความเข้มแข็งของฝ่ายไทยไว้อย่างน่าสนใจ ราวกับเป็นการ “เษก” ให้กรุงรัตนโกสินทร์ปลอดภัยจากการรุกรานของพม่าตลอดไป

“…อแซหวุ่นกี้จึงออกปากประกาศแก่นายทัพนายกองทั้งปวงว่า ไทยบัดนี้ฝีมือเข้มแข็งนักไม่เหมือนไทยแต่ก่อน และเมืองพระพิษณุโลกเสียครั้งนี้ ใช่จะแพ้ฝีมือเพราะทแกล้วทหารนั้นหามิได้ เพราะเขาอดข้าวขาดเสบียงอาหารดอกจึงเสียเมือง และพม่าซึ่งจะมารบเมืองไทยสืบไปภายหน้านั้น ถ้าแม่ทัพมีสติปัญญา และฝีมือแต่เพียงเสมอเราต่ำกว่าเรานั้น อย่ามาทำสงครามตีเมืองไทยเลย จะเอาชัยชนะเขามิได้ แม้ดีกว่าเราจึงจะมาทำศึกกับไทยได้ชัยชนะ”

งานเขียนอีกชิ้นที่น่าสนใจคืออภินิหารบรรพบุรุษ ว่าด้วยพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยรวมเอาพระประวัติของสมเด็จกรมพระราชวังบวร หรือวังหน้าของทั้ง ๓ รัชกาลไว้ด้วย เนื้อความค่อนข้างมีส่วนที่เป็นอิทธิปาฏิหาริย์และเห็นได้ชัดว่าแต่งเพื่อยอพระเกียรติผู้ที่หนังสือกล่าวถึง เรื่องเล่าที่เป็นที่รู้จักมากเรื่องหนึ่งในอภินิหารบรรพบุรุษ คือการที่มีซินแสจีนทำนายว่าพระสินและพระทองด้วงจะได้เป็นพระมหากษัตริย์ทั้ง ๒ พระองค์

อภินิหารบรรพบุรุษ กล่าวถึงศึกอะแซหวุ่นกี้ในส่วนที่เป็นพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยตัดเรื่องกลยุทธ์การศึกต่างๆ ออกไป เหลือเพียงแต่ตอนอะแซหวุ่นกี้ขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีและกล่าวถึงผลของสงครามเล็กน้อย มีการบรรยายเพิ่มเติมรายละเอียด ส่วนผู้เขียนบทความขีดเส้นใต้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจากเนื้อความในพระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์

“…ครั้นรุ่งขึ้นถึงวันกำหนดเจ้าพระยาจักรีก็แต่งตัวตามธรรมเนียมแม่ทัพไทยแล้วขึ้นม้าขาวกั้นสัปทนแดง นายทัพนายกองฝ่ายไทยก็ตามออกจากเมืองพระพิศณุโลกย์ ครั้งนั้นเปรียบดังกระแสน้ำไหลหลั่งถั่งมาแต่ฝ่ายเหนือเมื่อวสันตฤดู เจ้าพระยาจักรีก็ออกไปยืนม้าให้อะแซวุนกี้ดูตัว อะแซวุนกี้จึงให้ล่ามถามอายุศม์เจ้าพระยาจักรีว่าได้เท่าใด ไทยตอบไปว่าได้ ๓๐ ปีเศศ แล้วเจ้าพระยาจักรีจึงให้ล่ามถามอายุศม์อะแซวุนกี้บ้าง พม่าตอบว่าได้ ๗๒ ปี ขณะนั้นอะแซวุนกี้พิจารณาลักษณราษีเจ้าพระยาจักรีถี่ถ้วนแล้ว จึ่งสรรเสริญเจ้าพระยาจักรีว่ามีลักษณดีรูปงามเปนสง่า อายุศม์ก็ยังเยาว์แต่มีฝีมืเข้มแขงอาจสามารถต่อสู้กับเราผู้เฒ่าได้ ท่านจงอุสาหรักษาตัวไว้ให้ดีเถิด ภายน่าท่านจะได้เปนกษัตริย์องค์หนึ่งในสยามประเทศเปนแน่แล้ว อะแซวุนกี้จึ่งว่าให้เจ้าพระยาจักรีเร่งรักษาเมืองพระพิศณุโลกไว้ให้มั่นคง เราจะตีเอาเมืองให้ได้ในครั้งนี้ เราจะไว้เกียรติยศฝ่ายเราผู้เปนแม่ทัพนายทหารเอก จะหาผู้ที่มีปัญญาแลฝีมือเช่นเราในเวลานี้ไม่มี การสืบไปภายน่าแม่ทัพพม่าที่มีฝีมือเสมอเราฤๅต่ำกว่าเราจะมาตีเอากรุงไทยไม่ได้อีกแล้ว อะแซวุนกี้ว่าดังนั้นแล้วจึ่งสั่งขุนนางนายทหารฝ่ายพม่า ให้นำเอาเครื่องม้าทองคำสำรับ ๑ สักลาดพับ ๑ ดินสอแก้ว ๒ ก้อน น้ำมันดินสองหม้อมาให้เจ้าพระยาจักรี ขณะนั้นพม่ากับไทยก็มิได้ทำร้ายแก่กันไปมาหากันได้ฯ”

หลักฐานที่ควรกล่าวถึงอีกชิ้นคือพงศาวดารที่ชำระในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ทรงชำระใหม่แล้วนำต้นฉบับขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายให้ทรงตรวจและแก้ไขอีก เมื่อถึง พ.ศ. ๒๔๕๗ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงได้แก้ไขและเพิ่มเติมคำอธิบายเนื้อหาช่วงกรุงศรีอยุธยาถึงรัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ สำหรับเหตุการณ์ตอนศึกอะแซหวุ่นกี้นั้นเมื่อเปรียบเทียบกับพระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์แล้วพบว่าใกล้เคียงกัน ผิดกันก็แต่การใช้คำและชื่อเฉพาะของบุคคลและสถานที่ อาจพอสันนิษฐานได้ว่าการชำระพระราชพงศาวดารเล่มนี้อาจจะมีต้นฉบับส่วนหนึ่งมาจากพระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ก็เป็นได้

ข้อสังเกตของผู้เขียนต่อหลักฐานลายลักษณ์อักษรในสมัยต้นรัตนโกสินทร์คือ ถ้าเรื่องเล่าเกี่ยวกับบรรพกษัตริย์นี้มีการบันทึกและเล่าต่อสืบต่อกันมาในราชสำนัก ศึกอะแซหวุ่นกี้ย่อมเป็นศึกครั้งสำคัญ โดยเฉพาะต่อเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ แม้ว่าจะเป็นศึกที่ไม่ชนะ (ข้อสันนิษฐานในสมัยหลังกล่าวว่าเสมอกันบ้าง พ่ายแพ้บ้าง) แต่กลับถูกกล่าวถึงซ้ำๆ เพราะมีเหตุการณ์อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีและทำนายว่าจะได้เป็นกษัตริย์ ทั้งยังให้ของกำนัลอันมีค่า

พอจะเห็นได้ว่าชนชั้นนำในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการยอพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นที่น่าสรรเสริญ ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่การที่มันปรากฏขึ้นมาและถูกแต่งเพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อศึกษาจากเอกสารหลักฐานแต่ละยุคสมัยก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญบางประการ

https://www.silpa-mag.com/history/article_17415
แก้ไขล่าสุดโดย กำนันกำใน เมื่อ Mon Mar 29, 2021 10:32, ทั้งหมด 1 ครั้ง
5
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 21224
ที่อยู่: -
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 09:37
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
ถ้าเกิดจริงก็อะแซวุ่นกี้วางยาไว้ก่อน

แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่จริง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: ถ้าเธอพบกับรักใหม่..ดวงใจของฉันปวดร้าว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Jun 2007
ตอบ: 8709
ที่อยู่: ชายละเบื่อไม่อยากจะพูด
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 09:39
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
ถ้าอะแซหวุ่นกี้ไม่โดนเรียกกลับไปพิทักษ์บัลลังก์เสียก่อน เผลอๆกรุงธนฯอาจจะแตก
อย่าลืมว่านี่เป็นแม่ทัพระดับท็อปๆของย่านนี้เลยนะครับ
เรื่องการขอดูตัว หรือเมืองหน้าด่านแตกเพราะเสบียงหมด ผมว่าสมัยก่อนเขาเขียนแก้เกี้ยวเอาซะมากกว่า
คหสต นะ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
CJr
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 12646
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 09:43
อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?
ไม่น่าจะจริง ปกติจะส่งแมวมองไป อย่างมากก็ดูเทปเอา แต่แกตาถึงจริง ปั้นดาวรุ่งให้ปืนเยอะจัด

Spoil
ข้ามๆเม้นต์นี้ไปเถอะ  
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Oct 2020
ตอบ: 950
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 09:48
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
จากสภาพ ปวศ ไทยที่พบมา ผมว่าแต่งเติมชัวร์ๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ปลายอาชีพค้าแข้ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 28967
ที่อยู่: กรุงเทพ
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 09:50
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
ผู้ชนะ. สามารถเขียนอะไรก็ได้

เอาจริงๆเราแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอันไหนจริง. อันไหนไม่จริง

ถ้าสมมุติมีไทม์แมชชีนแล้วย้อนเวลากลับไป. บางทีประสัติศาสตร์ที่เรารู้มาอาจจะผิดเพี้ยนหรือขาดหายไปหลายอย่างก็ได้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
<___คนธรรมดา___>
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Feb 2009
ตอบ: 6825
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 10:01
อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?
เรื่องเอาวรรณกรรมจีนมาปั้นรวมกับประวัติศาสตร์ก็น่าสนใจและเป็นไปได้

เพราะขนาดหนังพระนเรศวรเรา ยังทำฉากรบเรียนแบบสามก๊กฉบับจอห์น วู เลย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
แก้ไขล่าสุดโดย vegetables เมื่อ Mon Mar 29, 2021 10:01, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 May 2006
ตอบ: 886
ที่อยู่: ห้องเช่าหมายเลข 54 ถนนเลอปิค
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 10:22
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
มองมาที่บริบทสังคมไทย ผมว่าก็เป็นไปได้แหละว่าการชำระประวัติศาสตร์หลายๆ ครั้ง ความจริงก็อาจมีนัยยะทางการเมืองซ่อนอยู่มากกว่าจะชำระเพื่อความแม่นยำอะ

ปล อย่าลืมให้ credit ต้นทางด้วยครับผม

https://www.silpa-mag.com/history/article_17415
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

It's time for the Reds reign !!
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 09 Dec 2007
ตอบ: 8775
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 10:52
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
คล้ายๆว่ามีแต่ของไทยอย่างเดียว ของพม่าไม่มีบันทึกไว้นะ แต่ถามว่าเก่งไหม ก็เก็บเรียบในย่านนี้แหละ ทรงพระปรีชา จริงๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 May 2011
ตอบ: 4928
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 12:56
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
ผมถามคนพม่าว่า เคยเรียนประวัติศาสตร์ระหว่างไทยกับพม่าบ้างหรือไม่
เขาตอบว่ามีเรียนบ้าง แต่น้อยเหลือเกิน แทบไม่มีรายละเอียดเรื่องการรบกับไทย ไม่รู้จักบางระจัน พูดแบบหยาบๆก็คือ ไม่อยู่ในสายตา

หนังสือเรียนของคนพม่ากลับไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านีด้วยซ้ำ มีแต่ไทยที่เอามาเป็นหนังสือเรียนและสร้างความชิงชังฝังในหัวตั้งแต่เด็ก

สมัยก่อน การศึกพม่าเก่งกว่าเรามาก กำลังพลก็เยอะกว่า เป็นใหญ่ในย่านนี้ว่างั้น
ไทยเป็นแค่หัวเมืองด้วยซ้ำ เขาอยากจะรุกก็รุก ไม่เคยมีที่ว่าไทยไปยึดประเทศพม่า มีแต่ป้องกันตัว

เลยกลับมาคิดใหม่ว่า จริงหรือที่ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวิติศาสตร์ บางที่เราผู้ไม่ได้ชนะ เราก็เขียนเป็นภาษาเราได้นี่นา

4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 4648
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 13:07
อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?
เส้นเรื่องคือประวัติศาสตร์ รายละเอียดประกอบคือนิยาย
ศึกษาประวัติศาสตร์ไทยให้สนุก ไปหาอ่านที่เกี่ยวกับอาณาจักรเทียน อาณาจักรทวาราวดี และอาณาจักรเสียม ดีกว่า โดยเฉพาะอาณาจักรเสียมนี่สุดยอดแห่งความยิ่งใหญ่ในดินแดนแถบนี้ แม้แต่ของก็เป็นเพียง subset ของเสียม
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


AVB Flooring พื้น SPC นำเข้า ราคาขายส่ง
ออนไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Sep 2020
ตอบ: 6434
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 15:12
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
Guitar_Hero พิมพ์ว่า:
ผมถามคนพม่าว่า เคยเรียนประวัติศาสตร์ระหว่างไทยกับพม่าบ้างหรือไม่
เขาตอบว่ามีเรียนบ้าง แต่น้อยเหลือเกิน แทบไม่มีรายละเอียดเรื่องการรบกับไทย ไม่รู้จักบางระจัน พูดแบบหยาบๆก็คือ ไม่อยู่ในสายตา

หนังสือเรียนของคนพม่ากลับไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านีด้วยซ้ำ มีแต่ไทยที่เอามาเป็นหนังสือเรียนและสร้างความชิงชังฝังในหัวตั้งแต่เด็ก

สมัยก่อน การศึกพม่าเก่งกว่าเรามาก กำลังพลก็เยอะกว่า เป็นใหญ่ในย่านนี้ว่างั้น
ไทยเป็นแค่หัวเมืองด้วยซ้ำ เขาอยากจะรุกก็รุก ไม่เคยมีที่ว่าไทยไปยึดประเทศพม่า มีแต่ป้องกันตัว

เลยกลับมาคิดใหม่ว่า จริงหรือที่ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวิติศาสตร์ บางที่เราผู้ไม่ได้ชนะ เราก็เขียนเป็นภาษาเราได้นี่นา

 
ผมว่าไม่น่าแปลกเท่าไหร่นะ เพราะตอนนี้พม่าไม่ได้ปกครองแบบเก่า การจะเขียนเรื่องราวให้kingเก่ง
มันจะขัดกับหลักปกครองปัจจุบันนะครับ ไม่เหมือนเราที่ต้องอวยking
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Feb 2010
ตอบ: 14829
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 17:31
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
เรื่องจริงผสมเรื่องแต่ง ไม่อยากบอกอันไหนจริงไม่จริง ผมว่าเป็นกันทุกประเทศทั่วโลกแต่ถ้าแบบเก่งเหนือมนุษย์ก็สันนิษฐานไว้ก่อนว่าโม้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
evertonian
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Dec 2005
ตอบ: 663
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 29, 2021 22:35
[RE: อะแซหวุ่นกี้เคยขอดูตัวเจ้าพระยาจักรีจริงหรือไม่?]
เรื่องดูตัวเป็นไปได้ที่จะเป็นการแต่งเพื่อเทิดพระเกียรติครับ

แต่ถามว่าเจ้าพระยาจักรี (รัชกาลที่ 1) เก่งจริงไหม ก็เก่งจริงครับ

ด้านผลงานการรบ ในเวลานั้นก็ถือได้ว่าเป็นระดับคีย์แมนของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเลยทีเดียว

ในศึกอะแซหวุ่นกี้ ถึงกองทัพเมืองเหนือของเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์น้องชายต้องล่าถอยออกจากพิษณุโลก แต่ก็สามารถต้านทานได้นานกว่า 4 เดือน สร้างความเสียหายให้ทัพพม่าไม่น้อย

แถมทัพตะวันออกที่ไล่ตามติดตามเจ้าพระยาจักรีไป ก็ตกหลุมพลางถูกละลายทิ้งเกือบหมด เหลือหนีตายข้ามโขงไปเชียงแสนไม่เท่าไหร่

ทัพเจ้าพระยาจักรีที่ถอยไปได้ไปตั้งหลักที่หล่มเก่า เพชรบูรณ์ อันมีเสบียงบริบูรณ์ พักนึงก็วกกลับมาเกาะติดแนวหลังอะเเซหวุ่นกี้แล้ว

ผิดกับทัพพม่าที่ต้องกระจายกำลังเพราะขาดเสบียง เส้นทางลำเลียงที่มาจากเชียงใหม่ก็ไม่มีอีกแล้ว

อีกทังกองทัพหลวงของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ตั้งมั่นอยู่ปากน้ำพิงยังไม่ได้รับความบอบช้ำพร้อมรับศึก รวมถึงเส้นทางลำเลียงเสบียงยังอยู่ในมือ ศึกนี้ถึงพระเจ้ามังระไม่สิ้นพระชนม์กระทันหันจนอะแซหวุ่นกี้ต้องถอยทัพกลับ ผมก็ยังมองไม่ออกเลยว่าเขาจะชนะทัพกรุงธนบุรีได้ยังไง





แก้ไขล่าสุดโดย Gorge เมื่อ Mon Mar 29, 2021 22:41, ทั้งหมด 5 ครั้ง
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel