ต้องถามกลับก่อนว่า
เป็นกลางของคุณ คือไม่เลือกข้าง ไม่สน ไม่ชอบเรื่องการเมือง
หรือไม่เห็นว่าข้างไหนมันดี
หรือไม่เห็นว่ามันจะดีไปกว่ากัน ถ้ามันขึ้นมามีอำนาจในมือ ไม่เห็นว่าอนาคตจะดีขึ้น
หรือมันก็วังวนเดิมๆ

การที่เขาไม่ได้ไปยืนข้างใคร มันมีหลายปัจจัย โลกไม่ได้มีขาวกะดำ

คุณมองอยู่ข้างนอก คุณอาจจะพอมองเห็นภาพรวมได้แบบ 3rd person
แต่ถ้าคุณลงสนามเมื่อไร คุณมองแบบ 1st person ยังไง bias มันมีแน่ เหมือนแทงบอลน่ะ ในวันที่ทีมเชียร์มันฟอร์มแย่ คุณกล้าแทงฝั่งตรงข้ามไหม

ผมขอตอบในฐานะคนเชียร์มาก่อนครับ

เหตุผลของการเชียร์ผมว่าเกิดจากการถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก บวกกับความคิดเห็นทางการเมืองของคนในบ้านเป็นสำคัญ

ในตอนที่ยังเด็กการคิดวิเคราะห์และเข้าใจเรื่องการเมืองยังไม่มากพอ ยิ่งบวกกับการชี้นำของคนในบ้านทำให้เราเชียร์ฝั่งนั้น (ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่เชียร์น่าจะมีรากฐานแบบนี้เหมือนกัน)

แต่พอโตขึ้นอายุมากขึ้น พอได้คิดเองหาข้อมูลจากหลายๆด้านเองทำให้เราตาสว่างมากขึ้น

จุดแตกหักน่าจะเป็นตอนสว.250 เสียง คือถ้าโหวตแบบให้เฉือนๆกันอาจจะยังไม่ตาสว่างนะ แต่นี่เล่นแบบหน้าด้านหน้าทนได้ขนาดนี้ ประเทศคงเป็นของแ..งไปแล้ว

ส่วนตัวคิดว่าไฟแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ถูกจุดขึ้นมาแล้วและมันสำเร็จแน่ เพียงแต่หวังว่ามันจะจบที่รุ่นเรา

มองจากคนใกล้ตัว ผมว่าคนที่เชียร์อยู่ตอนนี้ (คิดเองว่าน่าจะเป็นยุคBaby Boomer 90%, Gen X 70%, Gen Y 50%) เหตุผลสำคัญที่ไม่เลิกเชียร์ผมว่ามาจากการที่ไม่สามารถยอมรับว่าตัวเองถูกหลอกมาตลอดหลายปีได้ และที่สำคัญที่สุดคือการไม่ได้รับการต้อนรับและเหยียดหยามจากฝั่งประชาธิปไตย

เมื่อก่อน รักแม้ว ตอนนี้ย้ายมาเชียร์ลุงและมังกรฟ้าเต็มตัว

ไม่ได้ชอบรัฐบาลมาตั้งแต่แรก ไม่งั้น5ปีก่อนผมคงไม่ตั้งชื่อหมาว่าประ...หรอกครับ แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับม็อบในหลายๆเรื่อง รวมทั้งไม่เชื่อใจพรรคส้มด้วย ผมยังไม่เห็นทางเลือกที่ผมจะสามารถออกเสียงสนับสนุนได้อย่างเต็มที่ เพราะผมมักคาดคะเนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และแนวทางปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์ในหลายๆข้อ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเป็นกลางครับ ผมไม่ปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลของทั้ง2ฝ่าย เพราะที่บ้านผมมีคนทุกขั้วการเมือง เรื่องพวกนี้อยู่ที่เราเองว่าจะเลือกเชื่อข้อมูลของใคร หรือถ้าเราเชื่อในแนวโน้มที่เราคาดคะเนเอง เราก็อาจจะกลายเป็นคนอีกประเภทครับ

เข้ พึ่งเห็นว่ายังมีคนเป็นกลางอยู่อีกหรอ

ผมว่าผมน่าจะเป็นกลางนะ ไม่ค่อยอินกับการเมืองเท่าไหร่ อยู่ได้กับทั้งสองฝั่ง

เห็นด้วยกับข้อเสนอม๊อปบางข้อ แล้วก็ชอบนโยบายรัฐบาลบางส่วน

ซึ่งแน่นอนหลาย ๆ คนที่ผมรู้จักก็เป็นแบบผมนี่แหละ

เคยไปเม้นเห็นต่างในเพจสลิ่มโดนไล่ออกนอกประเทศ แล้วก็เคยไปเม้นเห็นต่างในเพจเชียร์ม๊อปก็โดนด่าว่าไอโอ

ตอนนี้เลยไม่ค่อยอยากไปให้ความเห็นหรือแสดงออกทางการเมืองเลย รู้สึกเฟลๆ ที่มีแต่คนยัดเยียดไปอีกฝั่ง

ผมคงเป็นคนเดียวมั้ง ที่เข้าใจคำว่าเป็นกลางต่างจากคนอื่น

เป็นกลางของพวกท่านนี่คือ ไทยเฉย สินะ

สำหรับผมเป็นกลาง ไม่ว่า ฝั่งไหนทำผิด ก็ต้องถูกวิพากย์วิจารณ์หมด

ตำรวจไม่ยอมเปิดทางรถพยาบาล หรือทำอะไรที่มันขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน ก็ด่าหมดนะ แชร์ทวิตให้ต่างประเทศเห็นด้วย

ส่วนม็อบเรื่องไหนทำผิดก็ วิพากย์วิจารณ์ว่าไปตามนั้น

ผมไม่ชอบรัฐบาล บางเรื่องเขาทำดีก็ต้องยอมรับ แต่น้อยเท่านั้นเอง

ผมไม่ชอบฝั่งสามนิ้วเหมือนกัน หลายๆเรื่องทำดี แต่หลายๆเรื่องทำออกมาได้ไม่ดีอ่ะ อย่าว่างั้นงี้เลยนะบางทีประสบการณ์ไม่มี พอมีอำนาจจริงๆมือนะถึงหรือป่าว เพราะหลายๆครั้งเดินมากพลาดมากๆ

เหมือนเรื่องม๊อบอ่ะ หลายๆอย่างคืออีหยังวะ
อย่างอนาคตใหม่ ชอบวิสัยทัศนะ แต่หลายๆอย่างเดินหมากพลาดง่ายจัง

ส่วนเรื่อง อนาคตใหม่ ต้องรอดูตอนมีอำนาจอ่ะ จะทำแบบไหน

แต่ก็ยอมรับนะครับ ชอบประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง 100%

เพิ่งฟัง มาเหอะจะคุย ของจอมขวัญ ที่เพื่อนสมาชิกเอามาแปะ

สำหรับผม ถ้าจะมีใครที่พูดว่าเป็นกลางได้ ก็คือคนแบบปิงปองอะ คือตัวเองก็มีความคิดเห็นทางการเมือง แต่ก็ไม่อยากให้ใครเอาความคิดเห็นทางการเมืองมาฟาดฟันกัน คนเราควรจะอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ต้องฆ่าแกงกัน โดยมีความคิดเห็นที่ต่างกัน แต่เมื่อคุณเห็นสภาพสังคมที่มันวิปริต คุณต้องรู้ว่าไม่ใช่แล้ว คุณต้องเป็นหนึ่งเสียงที่ช่วยยืนยันว่าอะไรผิดอะไรถูก ไม่ใช่กอดคำว่าเป็นกลางเอาไว้บนความวิปริตของสังคม

ถ้าคนสองคนเถียงกัน แล้วคุณบอกว่าคุณไม่เข้าข้างใคร เป็นกลาง มันยังพอเข้าใจได้
แต่ถ้าคุณเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรุมกระทืบคนอีกกลุ่มหนึ่ง แล้วมาบอกว่าคุณไม่ยุ่งนะ คุณเป็นกลาง ก็ส้นตีนเหอะครับ คุณไม่ได้กลาง คุณแค่ขี้ขลาด เห็นแก่ตัว ไม่อยากยุ่งเพราะจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน

ยกตัวอย่างในบอร์ดเนี่ย เรื่อง 40 เรื้อนแล้วโดนแบน ผมไม่เคยโดน ไม่เดือดร้อน แผล่บสะสมผมเพียบ แล้วคนที่โดนแบนส่วนใหญ่ก็คือฝั่งที่ความเห็นเรื่องการเมืองตรงกันข้าม ผมยังออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกระบบแบนจากเรื้อนเลย เพราะจะเห็นต่างกันยังไง ทุกคนควรมีพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น มันคือการ stand out เพื่อปกป้องสิทธิ ปกป้องหลักการ โดยไม่จำเป็นว่าผมจะต้องไปเห็นด้วยกับสิ่งที่คนที่โดนแบนแสดงความคิดเห็น

หรืออย่างลื่น ที่โดนแบนแบบไร้สาระ แฟนทีมลิเวอร์พูลยังช่วยกันกดดัน gm เพราะมันไม่ยุติธรรม ถึงแม้ว่าลื่นจะเชียร์แมนยู แล้วชอบจิกกัดลิเวอร์พูลก็ตาม

มันคือการช่วยกันทำให้สังคมมันยังคงความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่วิปริตผิดเพี้ยน

คุณเกลียดรัฐบาล คุณไม่จำเป็นต้องมาเห็นด้วยกับม็อบราษฏรก็ได้ แต่การที่เห็นประชาชนโดนยัด 112 โดนกระสุนยาง โดนตำรวจกระทืบ โดนใช้กฏหมายเป็นเครื่องมือรังแก แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็นกลาง ไม่ขอพูดประเด็นนี้

ก็ขอเชิญรับนิ้วกลางงามๆ ไปแนบไว้ที่ใบหน้าด้วยครับ

ตอบ จขกท.

เริ่มสนใจการเมืองไทยหลังรัฐประหาร 2549 ก่อนหน้านั้นสนใจแต่ประวัติศาสตร์ต่างประเทศ เพราะชอบอ่านหนังสือ จนเริ่มมาอ่านเรื่อง 6 ตุลา ก็เริ่ม เอ้ะ

จนกระทั่งพอเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมเสื้อแดง หลังจากนั้นก็แสดงออกทางการเมืองชัดเจนมาตลอด

ถ้าเป็นกลางโดยที่ฝั่งนึงมี250และสารพัดองค์กรตัวอักษรย่อเข้าข้างอยู่ ผมไม่เรียกว่าเป็นกลางแล้ว



มันคือชื่นชอบรัฐบาลแต่ไม่กล้าพูดตรงๆนั่นแหละ

ผมฝ่ายเต่าคะนอง

.

การที่เห็นสภาพสังคมและอำนาจมันบิดเบี๊ยวได้แบบนี้ แต่ดันบอกว่าคุณไม่ชอบบางอย่างของม๊อบ ดังนั้นขออยู่ตรงกลางละกันโดยที่ไม่ทำอะไรปล่อยให้รัฐที่ถือครองอำนาจในแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จมีสว250เสียงที่ตั้งมาตั้งแต่รัฐประหารคงอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ ใช้อำนาจแบบเกินขอบเขตไปได้เรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้เรียกกลางครับ คุณแค่เชียเผด็จการทหารเพียงแค่ไม่อยากยอมรับมาตรงๆก็เลยใช่คำว่า "เป็นกลาง" แอ๊บไปเรื่อยๆ
คนเป็นกลางจริงๆต้องไม่อยู่เฉยกับความ "อยุติธรรม"ในสังคมที่เกินเบอไปแบบนี้ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบแนวทางบางเรื่องของม๊อบก็ตาม แต่ Keyหลักของคนที่เขามาเรียกร้องตอนนี้คือความอยุติธรรมที่คนเขาอยากเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น การที่คุณๆเอาเรื่องหยุมหยิม หรือแนวทางปลีกย่อยมาแล้วเอามาเป็นข้ออ้าง แล้วก็บอกว่า "อ๊ะ ม๊อบมันไม่ดีตรงนี้ไง งั้นชั้นปล่อยเป็นแบบนี้แล้วกัน ให้ รัฐบาลตู่อยู่ไปแบบนี้เรื่อยๆดีกว่า" แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าเป็นกลางครับ คุณแค่พยายามหาประเด็นอะไรก็ตามเพื่อมาสนับสนุนตัวเองและรัฐบาลที่ตัวเองลึกๆสนับสนุนอยู่ต่อไปมากกว่า