[RE: ศานนา (พุทธ) กับการเมือง]
Sci-fi_Ambience พิมพ์ว่า:
ออกตัวก่อนนะว่าผมก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายหรอก แต่ว่าผมมีความเห็นแบบนี้นะ
การที่ จขกท. ต้องการจะเขียนความเชื่อมโยงระหว่างศาสนากับการเมือง(โดยเฉพาะการเมืองสมัยใหม่)เนี่ย
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนซับซ้อนมากและมีข้อมูลเพียงด้านเดียว(เพราะเทียบด้วยศาสนาเดียว)
ซึ่งผมคิดว่าสิ่งที่น่านำมาเชื่อมโยงกับการเมืองควรจะเป็นเรื่องของความคิดหรือปรัชญามากกว่า...
--------------------------------------------------------------------------
ถ้าถามว่าทำไมจะต้องเป็นเทียบด้วยปรัชญาไม่ใช่ศาสนา ผมขอชี้แจงแบบนี้
เรามาพูดกันถึงภาพรวมเรื่องความแตกต่างของ "ศาสนา"(ส่วนใหญ่) และ "ปรัชญา" กันก่อน
Spoil
"ศาสนา"(ส่วนใหญ่)
-ศึกษาหลักประพฤติปฏิบัติให้ถึงความดี
-เน้นศรัทธา และความสุขทางใจ
-มนุษย์ที่มีคุณค่า คือ ผู้มีคุณธรรม
-เริ่มต้นด้วยศรัทธา จบลงด้วยการปฏิบัติ
-ใช้วิธีการนิรนัย
-ใช้วิธีมอบกายถวายชีวิต
-ใช้ความภักดีและศรัทธาจึงจะเข้าถึงสัจธรรมได้
-มุ่งให้พ้นทุกข์
-ยึดการปฏิบัติเป็นหลัก
-มุ่งแสวงหาความสงบทางจิตใจ
-มีความศักดิ์สิทธิ์
-มุ่งเข้าถึงความจริง
-มุ่งให้คนมีคุณธรรม
-มีคำตอบสิ้นสุดแล้ว
-ยึดศรัทธาเป็นหลัก
-ยึดพิธีกรรมเป็นหลัก
"ปรัชญา"
-ศึกษาวิธีคิด ความรู้ คุณค่ามนุษย์
-การแสวงหาคำตอบเชิงตรรกะ
-มนุษย์ที่มีคุณค่า คือผู้รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล
-เริ่มต้นด้วยความสงสัยใฝ่รู้ อาจจบลงการปฏิบัติหรือไม่ก็ได้
-ใช้วิธีการอุปนัย
-ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มาพิจารณาความจริง
-ค้นคว้าด้วยเหตุผลเท่านั้นถึงจะเข้าถึงสัจธรรมได้
-มุ่งแสวงหาคำตอบที่เป็นไปได้
-ยึดทฤษฎีเป็นหลัก
-แสวงหาปัญญารอบด้าน
-ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์
-มุ่งค้นคว้าความจริง
-มุ่งให้มีความรู้เชิงเหตุผล
-มีคำตอบยังไม่สิ้นสุด
-ยึดเหตุผลเป็นหลัก
-ไม่ยึดพิธีกรรม
จากข้อมูลข้างต้น ผมมองว่าถ้าเชื่อมโยงการเมืองด้วยหลักปรัชญามันดูมีความสอดคล้องกันได้มากกว่า
-------------------------------------------------------------------------
แต่เนื่องจากว่าทางด้านรายละเอียดเนี่ยศาสนาพุทธ(ไทย)เป็นศาสนาที่ไม่เหมือนศาสนาอื่นในโลก
มีการผสมผสานกันระหว่างหลักความเชื่อและหลักปรัชญาเข้าด้วยกัน ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีแต่ผมคิดว่า
มันก็เป็นข้อเสียได้เหมือนกันเพราะว่า ถ้ามองถึงโลกปัจจุบันเป็นยุคที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดตรรกะเป็นหลัก
อย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีการแบ่งเรื่องของ ศาสนา(หลักความเชื่อ)และปรัชญา(หลักการใช้เหตุผล) เอาไว้อย่างชัดเจน
มันเลยทำให้ศาสนาพุทธ(ของไทย)ที่อยู่กึ่งกลางมีปัญหาที่ขัดแย้งกันในตัวระหว่างความเชื่อและเหตุผล
และผมก็คิดว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนรุ่นเก่า(บางกลุ่ม)และรุ่นใหม่ หาข้อตกลงร่วมกันไม่ได้
ถ้าเกิดว่าศาสนาพุทธไทย สามารถแยกเรื่องความเชื่อและหลักเหตุผลได้อย่างชัดเจน
ผมมองว่ามันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงมุมมองความคิด ให้กับผู้คนเหล่านั้นได้ครับ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณท่านที่เข้ามาแสดงความเห็นอย่างมีเหตุผลนะครับ พอดีวันนี้ผมติดงานไม่มีเวลาพิมพ์ยาวๆ ผมขอสรุปสั้นๆ จากความเห็นของท่านว่า
โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าตัดเรื่องความเป็นพุทธของไทยออก เพราะมันมีพราหมณ์เข้ามาปนด้วยมาก และเจาะเข้าไปที่ตัวแก่นของศาสนาพุทธอย่างแท้จริง จะพบว่าเรื่องของพิธีกรรมจริงๆ จะมีน้อยมาก และส่วนที่เป็นพิธีกรรมจริงๆ ล้วนมีเหตุผลรองรับทั้งในเชิงหยาบและละเอียด ซึ่งเราจะรู้ในเหตุผลนั้นได้จากการปฏิบัติ
นอกจากนี้ในแง่ของศาสนาพุทธเอง ตัวคำสอนหลักจะเน้นเรื่องความเป็นเหตุเป็นผลด้วยซ้ำ ซึ่งตรงกับหลักอิทัปปจยตา (หลักที่ว่าด้วยผลย่อมเกิดจากเหตุ ผลจะดับเพราะเหตุต้องดับไปก่อน) และนำหลักนี้มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติจนถึงการดับทุกข์
ถ้าท่านได้ลองศึกษาและติดตามสถานการณ์พุทธศาสนาในชาติตะวันตก จะพบว่าหลายประเทศจะหันมานับถือพุทธมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์กับวิธีคิดดั้งเดิมของชาวตะวันตกที่เน้นเหตุผลเป็นหลัก และชาวตะวันตกเริ่มอิ่มตัวกับทางวัตถุเพราะประเทศเค้าเจริญแล้วและมีปัจจัย 4 เพียงพออย่างสมบูรณ์ แต่ยังพบว่าตนเองยังมีทุกข์ จึงแสวงหาทางออกแบบใหม่และเริ่มเปิดใจหันมาศึกษาทางพุทธมากขึ้น
ดังนั้นชาวตะวันตกกับชาวไทยที่นับถือพุทธมักจะมีความแตกต่างกันทางความคิด คือทางตะวันตกจะเอาปัญญานำศรัทธา แต่ของไทยส่วนใหญ่จะเอาศรัทธานำปัญญาตามที่ผมได้เขียนในกระทู้ ทำให้นักการเมืองหรือผู้ที่เล็งเห็นจุดอ่อนในลักษณะนี้ของคนไทยนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือเรื่องสถาบัน ผมเลยเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาครับ
ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ