เจมส์ เพียร์ซ วงในของลิเวอร์พูล เปิดเผยว่าการที่ ติโอโก้ โชต้า กองหน้าจอมเทคนิค ต้องพักฟื้นยาวนานกว่ากำหนดเพราะต้องทำตามโปรแกรมของนายแพทย์ อันเดรส ชลัมเบอร์เกอร์ หัวหน้าแผนกฟื้นฟูร่างกายและสมรรถภาพ ที่เข้ามารับงานตอนปลายปีที่ผ่านมา

หมอชาวเยอรมัน ย้ายจากชาลเก้ 04 เข้ามาทำงานในแอนฟิลด์ โดยเขาเคยร่วมงานกับเยอร์เก้น คล็อปป์มานาน 4 ปี สมัยอยู่กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในฐานะโค้ชฟื้นฟูร่างกาย

โชต้า ได้รับบาดเจ็บเข่าตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยตอนแรกคาดว่าจะกลับมาลงสนามได้ในช่วงปลายเดือนมกราคม กระนั้นจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้กลับมาซ้อมเลย

เพียร์ซ กล่าวว่า "6-8 สัปดาห์ คือความหวังที่จะได้เขากลับมาลงสนามในช่วงปลายมกรา หรือต้นกุมภานะ"

"อย่างไรก็ดี มันก็ขึ้นอยู่กับที่ว่า โชต้าจะตอบสนองอย่างไรบ้างต่อกระบวนการฟื้นคืนร่างกายในระยะต่างๆ"

"นอกจากนั้น นับตั้งแต่ที่อันเดรส ชลัมเบอร์เกอร์ ย้ายมาร่วมงานในเดือนธันวาคม มันมีการโฟกัสมากขึ้นไปที่นักเตะที่เข้ารับการฟื้นฟูหลังจากได้รับบาดเจ็บ ที่ต้องซ้อมพิเศษก่อนที่จะได้รับไฟเขียวให้กลับมาลงซ้อมเต็มที่"

ขอให้หายดี หายยาว ไม่เอาแล้วนะแก๊งค์ hospital

คิดถึงนายมากเลยโชต้า

เห็นเฟอมีโน่ยิงบอลแล้ว อยากเอาติงก่ายหน้าผาก
ไม่น่าเชื่อว่าจะวางเท้ายิงบอลได้ห่วยขนาดนี้

ตั้งแต่เปลี่ยนทีมแพทย์ นักเตะเจ็บแปลก ๆ และเยอะมาก

มองว่าเป็นผลระยาวจากปีก่อนมากกว่า ที่ไม่เจ็บเลย (ไม่รู้ว่าโชคดีหรือแพทย์ดี) แต่เคยไปเจอสติถิมาคือ ลิเวอร์อัตราส่วนการวิ่งต่อเกมคือสูงมาก

ก็คือวิ่งมากกว่าชาวบ้านเขาแต่เจ็บน้อยกว่าชาวบ้านอีก ทีมแพทย์ได้รับเครดิต แต่ผมมองว่าปีก่อนที่เตะถี่ๆ รีสตารจ+พักน้อย+เตะต่อปีนี้ สุดท้ายร่างกายไม่ไหว ส่งผลออกทีละคนๆ มีแค่ฟานนไดจ์ที่ซวย

รอหายดีๆครับ ฤดูกาลนี้ปล่อยผ่าน

วิ่งเยอะกว่าแมนซิอีกเหรอ นึกว่าแมนซิวิ่งเยอะเเล้วนะเนี่ย เสียบอลเเล้ววิ่งไล่เขาตลอด

น่าจะระดับต้นๆพอๆกัน แต่ผมมองว่าซิตี้เคลื่อนที่เยอะด้วยเกมรุกคือไม่ค่อยต้องเพรสตอนเสียบอล

แต่วิเลอที่ผมเคยไปเจอมาคือพอเสียบอลวิ่งไล่เอาคืนกลับมาเร็วมาก

แถมซิตี้ตัวสำรองหมุนโหดมาก แต่ลิเวอร์นี่ใช้ตัวหลักเกือบตลอด อาจจะเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่พอทบกันไปนานๆ ร่างกายมันก็จะแสดงอาการออกมาเอง

โจต้า แก่ลงมากเลยว่ะ แถมใส่เสื้อชาลเก้ซะด้วย

ก็จริงแหละ ขนาดดูไอริ่งก็ได้ปกติแทบไม่เจ็บ ลงแทบทุกนัด ฤดูกาลนี้ยังมีเจ็บไปหลายที เเต่แบ็คหงส์ที่ขึ้นสุดลงสุดแทบไม่เจ็บเลยตลกเหมือนกัน จริงๆสำรองหงส์ก็เยอะนะเเต่ก็ดันเจ็บบ่อยเหมือนกัน

จากสถิติของ Skysport ทีมที่วิ่งเยอะสุดของฤดูกาลที่แล้ว คือ Brighton วิ่งไป 3260 km
เชลซี วิ่ง 3164 km อยู่ที่ 5
ลิเวอร์พูลวิ่งเยอะที่ 7 วิ่งไป 3157 km
ส่วน แมนยู วิ่งไป 3117 km อยู่ที่ 12
แมนซิตี้ วิ่งไป 3089 km อยู่ที่ 14

ถ้าเทียบ 38 นัด และจำนวนนักเตะ 10 คน ไม่รวมผู้รักษาประตู
ลิเวอร์พูลวิ่งมากกว่า แมนยู นัดละ 1 km หรือคนละ 100 ม.ต่อเกมส์
เทียบกับ แมนซิตี้ จะมากกว่านัดละ 1.79 km หรือเป็นคนละ 179 ม.

ดังนั้น จะบอกว่า วิ่งเยอะกว่ามากๆ จนเจ็บ น่าจะไม่ใช่ล่ะละ

ข้อมูลผมอาจจะผิดพลาด แต่สรุปโดยรวมเอาเป็นว่าซวยแหละ

สุดท้ายร่างกายมันไม่เหมือนกัน วิ่งเท่ากัน มากกว่า น้อยกว่าแต่เจ็บไม่เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าการที่ปีนี้พักน้อยเพราะโควิท

ปิดฤดูกาลที่แล้วแล้วเตะต่อเลยเนี่ยมีผล ไหนจะยูโรที่กำลังมาถึง ถ้าไม่ดูแลกันดีๆ ผมว่า2-3ปีหลังจากนี้ร่างกายบางคนมีพัง

เป็นห่วงแมคไกวเหลือเกิน

เค้าคงรวมบอลถ้วยรึเปล่าครับ
แต่ชั่งเหอะวิ่งเยอะกว่ากันแค่ไหนมันอยู่ที่จังหวะเกมมากกว่า
วิ่งเหยาะแหยะ กับสปริ้นท์ไปบุกสวนกลับ เพื่อนคืนหลังเฉยก็ต้องรีบผ่อน
ขึ้นสุดลงสุด วิ่งคุมโซนมันแตกต่างกันด้วยวิธีวิ่ง
มาเถียงกันปวดหัวแย่เลย เตะถึ่พักน้อยเดินทางมากอันนี้สิเหนื่อยของจริง
แถมเห็นบ่นกันทุกทีมว่า เวลาเตรียมทีมน้อยมากช่วยปิดฤดูกาล

สุดท้ายแมนซิพิสูจน์แล้วว่าของจริง เจ็บก็เยอะ เตะก็เยอะ วนกันลงก็ยังเล่นได้ดีมากๆ
ทีมบ้าอะไร ไร้เทียมทานจริงๆ

เจ็บในเกมส์นั้น(ucl) ทำให้โมเม้นต์ทีมเปลี่ยนแบบไม่น่าเชื่อ

ข้อมูลจาก Skysport น่าจะเป็นเฉพาะ EPL นะครับ
นักเตะลิเวอร์พูลที่วิ่งเยอะสุดที่ติด TOP 20th มี Firmino แค่คนเดียว ในขณะที่กลองกลาง Southampton ติดมาหลายคนเลย
ถ้าพูดถึงเรื่อง sprint ก็อาจจะเป็นไปได้ Salah กับ Robertson ติด Top10th เรื่องนี้ แต่ที่ 1 กลับเป็น Ben Chilwell ตอนอยู่ Leicester แต่ Salah กับ Robertson กลับเป็นนักเตะลิเวอร์พูลที่ไม่ค่อยเจ็บจากกล้ามเนื้อเท่าไหร่