ฉุดไม่อยู่! โฟเด้นซัดเบิกร่อง "เรือ" เคี้ยวท๊อฟฟี่ 3-1 นำ 10 แต้ม
แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อพวกเขาบุกไปเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน แบบไม่ยาก 3-1 โดยได้จาก ฟิล โฟเด้น, ริยาด มาห์เรซ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เป็นการคว้าชัยติดต่อกัน 17 นัดทุกรายการ ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้ามีเพิ่มเป็น 56 คะแนนจาก 24 นัด นำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ทิ้งห่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 10 แต้มและแข่งเท่ากันเป็นที่เรียบร้อย
เอฟเวอร์ตััน
Starting Formation: 4-4-1-1
13.
เยอร์รี่ มิน่า
18'
6
26.
ทอม เดวีส
69'
6
17.
อเล็กซ์ อิโวบี้
69'
6
ตัวสำรอง
23.
เซมุส โคลแมน
18'
6.5
19.
ฮาเมส โรดริเกซ
69'
6
11.
โจชัว คิง
69'
6
พรีเมียร์ลีก
สนาม กูดิสัน ปาร์ค
พุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564
กรรมการ อันเดร มาร์ริเนอร์
เอฟเวอร์ตััน
1
3
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
0-1 โฟเด้น 32'
1-2 มาห์เรซ 63'
1-3 แบร์นาร์โด้ 74'
KDB,กุน มีชื่อสำรอง
เรือใบได้ข่าวดีเมื่อ เดอ บรอยน์,อเกวโร่ ฟิตมีชื่อเป็นสำรอง พวกเขามาเล่น 4-3-3 โยแนวรุกเป็น เชซุส,มาห์เรซ,สเตอร์ลิง ตรงกลางใช้ โฟเด้น,แบร์นาร์โด้,โรดรี้ แนวรับซ้ายไปขวา คันเซโล่,ลาปอร์ต,ดิอาส,วอล์คเกอร์ และ เอแดร์ซอน เฝ้าเสา
เอฟเวอร์ตันมาเล่น 4-4-1-1 โดยให้ ริชาร์ลิซอน ค้ำหน้าและมี กิลฟี่ คอยหนุน แผงกลางเป็น ดีญ,เดวีส,ดูคูเร่,อิโวบี้ แนวรับซ้ายไปขวา ก็อดฟรีย์,คีน,มิน่า,โฮลเกต และ พิคฟอร์ด เฝ้าเสา
• เจอกัน 5 นัดหลัง แมน ซิตี้ ชนะรวด
• ซิตี้ ชนะมา 16 นัดติดจากทุกรายการ
• เอฟเวอร์ตันชนะแค่ 1 จาก 5 นัดหลังสุดในลีก
เรือได้ทักทายก่อน
เริ่มเกมเป็นซิตี้ที่ได้ลุ้นทักทายก่อน จังหวะที่คันเซโล่รับบอลจากดิอาสก่อนได้ลองซัดด้วยขวานอกกรอบเขตโทษ แต่บอลก็ไปติดเซฟพิคฟอร์ด
แบร์นาร์โด้ได้ช่องกดติดเซฟ
อีกครั้งของเรือใบ จังหวะที่แบร์นาร์โด้ได้บอลมาที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนมีช่องลองซัดด้วยซ้าย แต่บอลก็ยังพุ่งเรียดไปติดเซฟพิคฟอร์ด
เชซุสดีดแรงไปนิด
โอกาสน่าได้ของซิตี้ จังหวะที่โรดรี้ตัดบอลได้จากเดวีสตรงกลางสนาม ก่อนที่จะยกเร็วให้เชซุสสปีดหลุดไปกระดกในกรอบเขตโทษข้ามตัวพิคฟอร์ดแต่ก็ข้ามคานไปด้วยเช่นกัน
เอาจนได้!โฟเด้นซัดแฉลบตุงตาข่าย เรือนำแล้ว
แล้วประตูแรกของเกมก็มาจนได้ และเป็นเรือใบที่ออกนำจากจังหวะที่มาห์เรซเปิดบอลจากริมกรอบฝั่งขวาเข้าไปตรงกลางแล้วคีนโหม่งเคลียร์ไม่ขาดเข้าทางโฟเด้นที่ได้วอลเลย์ด้วยขวาพุ่งแฉลบเท้าโคลแมนเปลี่ยนทางตุงตาข่าย 1-0 หมดสิทธิ์สำหรับพิคฟอร์ด
คนมันเฮง!ดีญแปชนเสาเด้งโดนริชาร์ลิซอนตุงตาข่าย
หลังจากโดนนำเอฟเวอร์ตันพยายามเร่งเอาคืนแล้วมาได้จริงๆ จังหวะที่โคลแมนหลุดไปทางกรอบฝั่งขวาก่อนตักไปหน้าประตูลอยโด่งเลยไปเสาสองและเป็นดีญที่โผล่มาแปโล่ง พุ่งไปชนเสาอีกฝั่งแล้วเด้งโดนตัวริชาร์ลิซอนเข้าไปแบบงงๆ 1-1 ไปเลย
โฟเด้นซัดแต่พิคฟอร์ดยังยืนดี
ซิตี้ได้ลุ้นประตูขึ้นนำอีกครั้ง จังหวะที่โรดรี้ตักบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วคีนโหม่งไม่ขาดบอลเข้าทางโฟเด้นที่ซัดจากทางกรอบฝั่งซ้าย แต่คราวนี้เรียดไปติดเซฟพิคฟอร์ด
สุดท้ายจบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1 โดยซิตี้ครองบอลและมีโอกาสมากกว่าชัดเจน นำไปก่อนจากลูกยิงแฉลบของโฟเด้น ก่อนที่เอฟเวอร์ตันจะตีเสมอจากริชาร์ลิซอน
แบร์นาร์ดโด้ได้กดเน้นๆยังติดพิคฟอร์ด
โอกาสแรกในครึ่งหลังเป็นของซิตี้ จังหวะที่คันเซโล่ยกเข้าไปในกรอบเขตโทษให้เชซุสพักแล้วโดนโฮลเกตแหย่ทิ้ง แต่บอลก็ไปเข้าทางแบร์นาร์โด้ที่ได้วางเท้าซัดจากทางกรอบฝั่งขวาพุ่งเรียดติดเซฟพิคฟอร์ด
เชซุสซัดด้วยซ้ายหลุดกรอบ
อีกครั้งของซิตี้ จังหวะที่วอล์คเกอร์แทงบอลให้เชซุสรับบอลทางกรอบฝั่งซ้าย เขาแตะเข้าซ้ายแล้วกดเน้นๆ แต่บอลก็ปลิ้นหลุดกรอบออกหลังไป
โรดรี้โขกเหน่งๆ หลุดกรอบ
ซิตี้น่าได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาที่โฟเด้นเปิดโค้งเข้าไปตรงกลางแล้วเป็นโรดรี้ที่เทคสูงกว่าใครเพื่อนแล้วได้โหม่งเหน่งๆ แต่บอลพุ่งลงพื้นหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย
เด็ดขาด!มาห์เรซปั่นโค้งๆ ชนเสาเข้าไปเลย
แล้วความพยายามของซิตี้ก็มาเป็นผล พวกเขามาได้้ประตูขึ้นนำอีกรอบจากจังหวะที่บุกมาทางริมกรอบฝั่งขวา ก่อนที่แบร์นาร์โด้จะไหลให้มาห์เรซได้ช่องปั่นด้วยซ้ายโค้งๆ ผ่านมือพิคฟอร์ดชนเสาสองเด้งเข้าประตูไปเลย 2-1 ทัน
แบร์นาร์โด้ซัดทะลุพิคฟอร์ดพาเรือหนี 3-1
ซิตี้มาได้ประตูไหลนำเป็น 3-1 จากจังหวะที่ต่อบอลกันมาเรื่อยๆ ถึงหน้ากรอบเขตโทษก่อนที่จังหวะสุดท้ายเชซุสจะแปะให้แบร์นาร์โด้แตะหนึ่งทีได้ช่องแล้วซัดด้วยซ้ายจากบริเวณหัวกะโหลก บอลพุ่งไปติดปลายมือพิคฟอร์ดแต่แรงปลิ้นเข้าประตูไปเลย
มาห์เรซอยากเบิ้ลแต่ซัดหลุด
ก่อนจบเกมซิตี้ยังบุกและได้ลุ้นบวกเพิ่ม จากจังหวะที่มาห์เรซรับบอลจากเดอ บรอยน์แล้วได้ซัดในกรอบเขตโทษ แต่บอลพุ่งเรียดหลุดเสาไปอย่างน่าเสียดาย
เรือซิวสบายนำฝูง 10 แต้ม
จบเกมเป็นซิตี้ที่บุกไปเอาชนะได้ไม่ยาก 3-1 ทำให้พวกเขานำจ่าฝูงห่างแมน ยูไนเต็ด 10 แต้มและแข่ง 24 นัดเท่ากัน ขณะที่ยังทำสถิติชนะรวดทุกรายการเพิ่มเป็น 17 นัด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-3-3
16.
โรดรี้
90+1'
7
7.
ราฮีม สเตอร์ลิง
80'
7
ตัวสำรอง
17.
เควิน เดอ บรอยน์
80'
6
25.
แฟร์นานดินโญ่
90+1'
-
แก้ไขล่าสุดโดย MEGITSAMA เมื่อ Thu Feb 18, 2021 05:18, ทั้งหมด 10 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ