สรุป “ทั่วโลกฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว 71.3 ล้านโดส ในอัตราวันละ 3.57 ล้านโดส คนอเมริกันฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 24.5 ล้านโดส ในขณะที่คนอิสราเอลเกือบครึ่งประเทศฉีดวัคซีนแล้ว สำหรับยอดการจองวัคซีนทั่วโลกนั้นอินเดียได้จองแล้วจำนวนมากที่สุด ในขณะที่แคนาดาจองวัคซีนมากที่สุดถึง 3 เท่าของประชากร โดยวัคซีน AstraZeneca/Oxford ครองอันดับหนึ่งของยอดการจองวัคซีนมากที่สุด”

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รายงานผลการประมวลข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ว่า “ขณะนี้ได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 71.3 ล้านโดส ใน 57 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นในอัตราวันละ 3.57 ล้านโดส เมื่อแยกตามประเทศ คนอเมริกันได้รับแล้วมากที่สุด 24.5 ล้านโดส ในขณะที่คนอิสราเอลเกือบครึ่งประเทศฉีดวัคซีนแล้ว สำหรับยอดการจองวัคซีนทั่วโลก อินเดียได้จองวัคซีนแล้วจำนวนมากที่สุด ในขณะที่แคนาดาจองวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดถึง 330% โดยวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford ครองอันดับ 1 ของยอดการจองวัคซีน ”

ตามที่ได้มีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างรวดเร็วมาก และเริ่มมีการใช้วัคซีนในประชากรตั้งแต่ในเดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นมา ในขณะนี้ 57 ประเทศได้เริ่มฉีดวัคซีนแล้ว รวมกันประมาณ 71.3 ล้านโดส จากหลายบริษัทผู้ผลิต

สถิติสำคัญเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ณ วันที่ 27 มกราคม 2564 มีดังนี้

จำนวนที่ฉีดแล้ว : 71.3 ล้านโดส
จำนวนประเทศ : 57 ประเทศ
อัตราการฉีด : 3.57 ล้านโดสต่อวัน
ยอดการจองวัคซีนทั่วโลก : 8,490 ล้านโดส

ประเทศสหรัฐอเมริกา ฉีดแล้วมากที่สุด
เริ่มฉีด : 14 ธันวาคม 2563
ฉีดแล้ว : 24.5 ล้านโดส
คนที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว : 3.68 ล้านคน
อัตราการฉีด : 1.27 ล้านโดสต่อวัน

ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก

1. สหรัฐอเมริกา (24.48 ล้านโดส)
2. จีน (15 ล้านโดส)
3. สหภาพยุโรป (9.73 ล้านโดส)
4. สหราชอาณาจักร (7.33 ล้านโดส)
5. อิสราเอล (4.04 ล้านโดส)
6. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2.68 ล้านโดส)
7. อินเดีย (2.02 ล้านโดส)
8. เยอรมนี (1.92 ล้านโดส)
9. อิตาลี (1.53 ล้านโดส)
10. ตุรกี (1.41 ล้านโดส)

ประเทศที่ฉีดวัคซีนสัดส่วนต่อประชากรสูงที่สุด 10 อันดับแรก

1. อิสราเอล (44.67% ของประชากร)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (24.91%)
3. เซเชลส์ (20.72%)
4. สหราชอาณาจักร (10.97%)
5. บาห์เรน (9.71%)
6. สหรัฐอเมริกา (7.45%)
7. เซอร์เบีย (4.59%)
8. มอลตา (4.29%)
9. ไอซ์แลนด์ (4.26%)
10. เดนมาร์ก (3.68%)

ประเทศที่มีการจองวัคซีนจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก (เฉพาะข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ)

1. อินเดีย (2,200 ล้านโดส)
2. สหรัฐอเมริกา (1,010 ล้านโดส)
3. สหราชอาณาจักร (367 ล้านโดส)
4. จีน (300 ล้านโดส)
5. ญี่ปุ่น (290 ล้านโดส)
6. บราซิล (246 ล้านโดส)
7. แคนาดา (234 ล้านโดส)
8. อินโดนีเซีย (225 ล้านโดส)
9. เม็กซิโก (210 ล้านโดส)
10. รัสเซีย (160 ล้านโดส)

ประเทศที่มีการจองตามสัดส่วนประชากรมากที่สุด 10 อันดับแรก

1. แคนาดา (330.1% ของประชากร)
2. สหราชอาณาจักร (302.2% ของประชากร)
3. นิวซีแลนด์ (246.8% ของประชากร)
4. ออสเตรเลีย (229.9% ของประชากร)
5. สหภาพยุโรป (เฉลี่ย 183.5% ของประชากร)
6. นอร์เวย์ (183.5% ของประชากร)
7. สหรัฐอเมริกา (169.0% ของประชากร)
8. ไอซ์แลนด์ (156.0% ของประชากร)
9. เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (154.6% ของประชากร)
10. อิสราเอล (137.6% ของประชากร)

วัคซีนที่มีการจองแล้วมากที่สุด

1. AstraZeneca/Oxford ถูกจองแล้ว 3,036 ล้านโดส
2. Novavax ถูกจองแล้ว 1,314 ล้านโดส
3. Pfizer/BioNtech ถูกจองแล้ว 836 ล้านโดส
4. Gamaleya ถูกจองแล้ว 727 ล้านโดส
5. Sanofi/GSK ถูกจองแล้ว 712 ล้านโดส
6. Moderna ถูกจองแล้ว 461 ล้านโดส
7. Johnson & Johnson ถูกจองแล้ว 346 ล้านโดส
8. Curevac ถูกจองแล้ว 225 ล้านโดส
9. Sinopharm ถูกจองแล้ว 223 ล้านโดส
10. UBI Group ถูกจองแล้ว 202 ล้านโดส

วัคซีนหลักที่ถูกจองแล้วโดยประเทศต่างๆ ดังนี้

1. AstraZeneca จองแล้ว 3,036 ล้านโดส โดย

– อินเดีย 1,000 ล้านโดส
– โครงการ COVAX 300 ล้านโดส
– สหภาพยุโรป 300 ล้านโดส
– สหรัฐอเมริกา 300 ล้านโดส
– จีน 200 ล้านโดส
– กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา 150 ล้านโดส
– ญี่ปุ่น 120 ล้านโดส
– ประเทศอื่นๆ 117 ล้านโดส
– บราซิล 100 ล้านโดส
– อินโดนีเซีย 100 ล้านโดส
– สหราชอาณาจักร 100 ล้านโดส
– เม็กซิโก 77 ล้านโดส
– ไทย 61 ล้านโดส
– ออสเตรเลีย 54 ล้านโดส
– แคนาดา 20 ล้านโดส
– เกาหลีใต้ 20 ล้านโดส
– ฟิลิปปินส์ 17 ล้านโดส

2. Pfizer/BioNTech จองแล้ว 836 ล้านโดส โดย

– สหภาพยุโรป 300 ล้านโดส
– สหรัฐอเมริกา 200 ล้านโดส
– ญี่ปุ่น 120 ล้านโดส
– ประเทศอื่นๆ 72 ล้านโดส
– แคนาดา 40 ล้านโดส
– สหราชอาณาจักร 40 ล้านโดส
– เม็กซิโก 34 ล้านโดส
– เกาหลีใต้ 20 ล้านโดส
– ออสเตรเลีย 10 ล้านโดส

3. Moderna จองแล้ว 461 ล้านโดส โดย

– สหรัฐอเมริกา 200 ล้านโดส
– สหภาพยุโรป 80 ล้านโดส
– ญี่ปุ่น 50 ล้านโดส
– แคนาดา 40 ล้านโดส
– เกาหลีใต้ 40 ล้านโดส
– ฟิลิปปินส์ 20 ล้านโดส
– สหราชอาณาจักร 17 ล้านโดส
– ประเทศอื่นๆ 14 ล้านโดส

4. Sinovac จองแล้ว 180 ล้านโดส โดย

– อินโดนีเซีย 50 ล้านโดส
– ตุรกี 50 ล้านโดส
– บราซิล 46 ล้านโดส
– ประเทศอื่นๆ 32 ล้านโดส
– ไทย 2 ล้านโดส

5. Gamaleya จองแล้ว 727 ล้านโดส โดย

– อินเดีย 200 ล้านโดส
– รัสเซีย 160 ล้านโดส
– บราซิล 100 ล้านโดส
– อุซเบกิสถาน 70 ล้านโดส
– เม็กซิโก 64 ล้านโดส
– อียิปต์ 50 ล้านโดส
– เนปาล 50 ล้านโดส
– ประเทศอื่นๆ 33 ล้านโดส

6. Novavax จองแล้ว 1,314 ล้านโดส โดย

– อินเดีย 1,000 ล้านโดส
– สหรัฐอเมริกา 110 ล้านโดส
– สหราชอาณาจักร 60 ล้านโดส
– แคนาดา 52 ล้านโดส
– ออสเตรเลีย 51 ล้านโดส
– ฟิลิปปินส์ 30 ล้านโดส
– ประเทศอื่นๆ 11 ล้านโดส

7. Sanofi/GSK จองแล้ว 712 ล้านโดส โดย

– สหภาพยุโรป 300 ล้านโดส
– โครงการ COVAX 200 ล้านโดส
– สหรัฐอเมริกา 100 ล้านโดส
– สหราชอาณาจักร 60 ล้านโดส
– แคนาดา 52 ล้านโดส

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, The New York Times

ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

https://www.matichon.co.th/covid19/news_2550412

ไทยรวมแล้ว 63 ล้านโดส หุหุ

ฟิลิปปินส์จองโมเดอร์นา มาเลย์จองไฟเซอร์ ทำไมเขาไม่เห็นมีปัญหาอย่างไทยเลย

AstraZeneca เขาเริ่มฉีดกันยังหว่า

เริ่่มแล้วครับ

ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลไทยดัน all in เกือบ 100% กับของ Astrazeneca ดูประเทศอื่นเค้าก็สั่งกับหลายๆเจ้าเพื่อกระจายความเสี่ยง

ทำมัยปะเทดเรานู๊บจังงัฟ

อสม. มาสำรวจเก็บข้อมูลใครจะขอรับฉีดวัคซีน เจอปฎิเสธ ซะส่วนมาก แสดงว่าโครตมั่นใจในตัวยาเลย เขาป้องกันโควิดกันได้ดีระดับนึงแล้ว ที่เขากลัวคือ ผลข้างเคียง

การจัดเก็บ มีผลต่อการตัดสินใจจริงๆ
แต่แปลกใจที่ จอห์นสัน ที่ว่าสร้างภูมิตั้งแต่เข็มแรก ยอดจองน้อยกว่าบริษัทที่ต้องฉีด 2 เข็ม
วัคซีนนี่จริงๆสร้างภูมิตลอดชีวิตหรือสร้างภูมิได้แค่ 3 เดือน มีใครช่วยอธิบายละเอียดๆหน่อยนะครับ

ไม่ตลอดชีวิตครับ ของ Covid-19 ผมยังไม่มีข้อมูล

แต่ดูได้จากไข้หวัดใหญ่ครับ ที่ทำงานผม ฉีดให้ทุกปี

"เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ ไม่ว่าจะจากการฉีดวัคซีนหรือจากการเจ็บป่วยจากเชื้อธรรมชาตินั้นคงอยู่ไม่นานและมักจะลดต่ำลงได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนหรือปี การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีจึงเป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันต่อไข้หวัดใหญ่มีระดับที่สูงอยู่ตลอดเวลา"

จาก Google


ซุึ่งก็คล้าย ๆ กันครับ และถ้าฉีดไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เป็น 100 เปอร์เซ็น แต่ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะไม่เป็นโรค และลดความรุนแรงของโรคลง ถ้าเกิดดันเป็นขึ้นมา

ดูๆเเล้วน่าจะทรง ไข้หวัดใหญ่ น่าจะฉีดทุกปี

เเต่ 2 โดส ทุกปีนี่หรือป่าว ต้องรอวิจัยอีกพักใหญ่ๆเลย

ของไทยรอเค้าฉีดวัคซีนกันหมดก็เปิดประเทศได้สบายๆ

ของ AZ มันผลิตได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ในเวลาสั้นๆเนี่ย

เขาดีลฐานผลิตไว้ทั่วโลกครับ ไทยก็หนึ่งในนั้น แล้วก็เป็นเจ้าแรกๆที่ผลวิจัยค่อนข้างดี ทำเฟส 2,3 ไว คนเลยจองไว้เยอะ

ถ้าลำดับการได้รับวัคซีนเหมือนกุ้น OR ด็คงดีกลัวว่าจะให้ LOT ใหญ่ก่อนเนี่ยสิ

จะด่าลุงตู่ก็ไม่เต็มปาก ก่อนหน้าไทยคุมโควิดอยู่จนกระทั่ง รบ.ทำพังปลายปีเลยไม่เร่งตัวเองในการซื้อวัคซีน
ด่าลุงได้เต็มปากกับวัคซีนก็คือ หาทางคอร์รัปชัน กับหวังเอาหน้ากับ บ.สยามฯให้ดูดีทััั้งรบ., สถาบัน และได้กินไปในตัว
กับอีกเรื่องไทยเราไม่เคยตรวจเชิงรุกจริงๆคงมีคนติดเชื้อโควิดอยู่บ้างแต่ไม่รู้ตัวกัน ตปท.เค้าเลยกลัวไทยที่หลายครั้งคนของเค้ากลับจากไทยดันตรวจพบเชื้อ แต่ประเทศเรารายงานเป็น 0 มาโดยตลอด

งานนี้ต้องกดดันให้ไทยเอาวัคซีนเข้ามาเร็วๆ ไม่งั้นศก.ซึมยาวแน่ๆ