เมื่อเราอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ย่อมมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ภาษา และเพศ ดังนั้นการแสดงออก และการสื่อสารทางคำพูดควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้ว่าอาจมาจากต่างชาติและภาษา แต่ควรรักษามารยาทพื้นฐานเมื่อต้องปฏิสัมพันธ์กัน ก่อนจะถูกมองว่า “คุกคามทางเพศ” อย่างไม่รู้ตัว

การคุกคามทางเพศ หมายถึง ลักษณะการประพฤติที่ไม่ดี ต่อเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม โดยมีวัตถุประสงค์ทางเพศรวมอยู่ด้วย ทั้งการแสดงออกทางสายตา คำพูด และการปฏิบัติที่ส่งผลต่อจิตใจ หรือร่างกายของอีกฝ่ายจนรู้สึกกังวล อึดอัด และไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งนำไปสู่การกระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศในอนาคตได้อีกด้วย

พฤติกรรมของการคุกคามทางเพศ

ปัญหาการคุกคามทางเพศ มักเกิดขึ้นในสถาบันการศึกษา และสถานที่ทำงาน เนื่องจากเป็นสถานที่อยู่ร่วมกันของบุคคลที่มีความหลากหลาย และเมื่อเกิดปัญหาล่วงละเมิดทางเพศ ก็เป็นความผิด และเป็นโทษที่ฟ้องร้องกันได้ ยกตัวอย่าง 7 พฤติกรรม ต่อไปนี้

1. ผิวปาก
การผิวปากเป็นมารยาทที่ไม่ดี แสดงถึงการล้อเลียนทางเพศอย่างหนึ่ง หมายถึงการแซว ที่ไม่สามารถทราบได้ว่าอีกฝ่ายคิดเห็นอย่างไร แต่มักจะสื่อถึงการแต่งกาย รูปลักษณ์ ของอีกฝ่าย

2. พูดจาสองแง่สองง่าม
คำว่า "พูดจาสองแง่สองง่าม" ที่ส่อไปทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นคำผวน หรือคำที่ให้ชวนคิดไปในทางเพศ เป็นคำพูดที่สร้างบรรยากาศไม่ดีในที่ทำงาน หรือในกลุ่มเพื่อน ถือเป็นการคุกคามทางวาจาที่สร้างความอับอายให้แก่ผู้รับคำพูดดังกล่าว หากเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากผู้บังคับบัญชาในที่ทำงาน สามารถร้องเรียนได้

3. จ้องมองส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกฝ่าย
การจ้องมองเรือนร่างของอีกฝ่าย เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ถือเป็นการคุกคามทางสายตา เมื่อต้องพบเจอเหตุการณ์นี้บ่อยๆ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด และรังเกียจ

4. สัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย
การลูบไล้ จับ และแตะต้องร่างกายของอีกฝ่าย ถือเป็นพฤติกรรมคุกคามทางเพศที่นำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศได้ในอนาคต ซึ่งหากคุณถูกกระทำบ่อยๆ ควรต่อต้าน และแจ้งให้กับต้นสังกัดได้รับรู้พฤติกรรมของผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อป้องกันการสร้างปัญหาแก่ผู้อื่น

5. ส่งข้อความ หรือภาพทางเพศ
นอกจากการคุกคามทางสายตาและคำพูดแล้ว การส่งข้อความทัก หรือส่งรูปไม่เหมาะสมอันนำไปสู่การแสดงออกทางเพศ ถือเป็นการคุกคามทางโลกออนไลน์ที่มีความผิดได้เช่นกัน เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้รับ

6. Blackmail
การแบล็กเมล์มักเกิดขึ้นเมื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศไปแล้ว โดยการข่มขู่อีกฝ่าย ด้วยเหตุผลที่จะทำร้ายร่างกาย หรือทำให้เสียชื่อเสียง ย่อมทำให้อีกฝ่ายกลัว อาจถูกนำไปสู่การเรียกร้องอื่นๆ ดังนั้นควรหยุดวงจรนี้ ป้องกันอีกฝ่ายนำไปใช้เป็นเครื่องต่อรองเพื่อประโยชน์ส่วนตน

7. แสดงท่าทีหึงหวง กีดกัน
ในสถานที่ทำงาน เมื่อคุณต้องเดินผ่านจุดต่างๆ แล้วมีเพื่อนร่วมงานมักเอาร่างกายมาขวาง เพื่อให้คุณหยุดคุย หรือหยอกล้อให้คุณชะงัก หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ก็มักทำให้รำคาญใจ บางคนเจอว่าเพื่อนร่วมงานแสดงท่าทีหึงหวง ไปบอกทุกคนว่าเป็นแฟน ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เหตุการณ์แบบนี้แจ้งกับฝ่ายบุคคลให้จัดการได้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพื่อป้องกันการถูกคุกคามอื่นๆ ในภายหลัง

การคุกคามทางเพศ อาจนำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเกิดเหตุในสถานศึกษา หรือสถานที่ทำงาน ควรรวบรวมหลักฐานแจ้งกับทางต้นสังกัดเพื่อเอาผิด เพื่อต้องหยุดพฤติกรรมของผู้ทำผิดเพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจกับผู้อื่นต่อไป

ยูซไหนกำลังทำอยู่เลิกได้เลิกนะครับ 5555555555555

ref :

ข้อ3นี่ยังไงก็แก้ไม่ได้ มันมองโดยอัตโนมัติตลอด

ดีนะทุกข้อที่กล่าวมา ผมไม่เคยเลย

จ้องมองนี่
ผมว่าถ้าแต่งตัวปกติไปจ้องนี่เข้า
แต่ถ้าแต่งตัวล่อแหลมแล้วคนมอง ผมถือว่าไม่ผิด

ไม่เคยทำ?

ที่ทำงานผมมีอยู่ตัวนึง มีลูกมีเมียแล้ว เอา ผญ. ในทีทำงานเป็นชู้ (ไม่ว่ากันเพราะเลวทั้งคู่) ชอบแตะเนื้อต้องตัวรุ่นน้อง พูดจาเชิงชู้สาว ที่มันสารเลวคือ มีผัวแล้วมันก็ทำ

ที่มันระยำในที่ทำงานคือ คนในที่ทำงานด้วยกันนี่แหละ ที่ชอบบอกว่า "ก็นิสัยมันเป็นแบบนี้" เฮ้ยยย.. นี่มันชั่วแล้ว ยังมีคนเห็นเป็นเรื่องปกติอีก

ไอ้คน hereๆ แบบนี้ ขอให้เวรกรรมตามทัน

ข้อ 3. นี่ over ไปครับ
ตามหลักของความเป็นมนุษย์มันไม่มีใครทำได้

แต่จะมองเพราะความกำหนัดการจากการแต่งตัว
หรือความสมเพช นั่นคืออีกเรื่อง

ลองไปถามคนที่แต่งตัวแบบนั้นดู
100 ทั้ง 100 แต่งเพราะอยากให้คนมอง

แต่จะกล้ายอมรับความจริงหรือตอแหลไปวัน ๆ แค่นั้นแหล่ะ

เหมือนผู้ชายบางคน หรือดาราที่ถ่ายภาพลงปกบางครั้ง ก็เน้นเป้าตุง
เพราะสตรีที่เป็นมนุษย์ซึ่งก็คือสัตว์โลกประเภทนึง กลุ่มนึง เค้าชอบ

อันนี้ใครคิดขึ้นมา เดาว่าน่าผู้หญิงด้วยกันรึเปล่าหรือไม่ก็พวกเฟมินิสในทวิตเตอร์อะไรนั้นป่ะ


มันดูโอเวอร์มากกกกก

ไม่เคยพลาด!! ตึ้งโป๊ะ

หลายอันมีข้อยกเว้น ถ้าสนิทกันจริง

แต่ถ้าไม่สนิทกัน ยังไงก็หลีกเลี่ยงไว้ก่อน

อันไหนที่โอเวอร์ไปคะ?

ข้อ 3. เจอผญ.สวยขาวเนียนหุ่นดี ใส่เสื้อรัดรูปคอลึก เอวลอย เปิดหลัง กางเกงขาสั้น มันจะไม่มองได้หรอวะ

แค่แขนผิวดีๆเนียนๆก็น่ามองละ ผญ.ที่ดูแลตัวเองดีๆเจตนาก็คืออยากให้คนมองไม่ใช่หรอ

ข้อ 4. เห็นทุกวันตอนกินเบียร์นั่งตรงบาร์ เวลาเด็ก(นศ.มาทำงานพิเศษ)มาส่งออเดอร์ที่เจ้าของร้าน ตัวเจ้าของแม่มทั้งจับ ทั้งลูบทุกคนจริงๆ(เด็ก4-5คน) อย่างน้อยก็ขอให้ได้จับมือ

แต่ถ้าเดินเข้ามาเอาของในบาร์นี่มีลูบหลังแบบถูๆไถๆเลย โอบเอว คนไหนเอวลอยก็มีลูบหน้าท้อง

ผมละสงสัยว่าน้องเค้าจะรู้สึกยังไงที่โดนแบบนี้ทุกคืน

ปล. เป็นร้านนั่งชิลธรรมดาๆนี่แหละครับ ไม่มีดริ๊งค์ เอน อะไรทั้งนั้น

ประเทศเกาหลีแค่ผู้ชายชมว่าผู้หญิงสวยยังถูกศาลสั่งลงโทษเลย หลายๆอย่างโคตรปัญญาอ่อนเอะอะก็โยงไปหาการบูลลี่ หลายครั้งคนทั่วไปเขาทักกัน เช่น อ้วนขึ้นนะ ผอมไปมั้ย คือนานๆเจอกันทีและอาจไม่มีอะไรจะทักเลยพูดคำง่ายๆ แต่คนโดนทักดันจิตป่วยก็เอาไปเคียดแค้นว่าเขาบูลลี่ตัวทั้งที่เขาไม่คิดอะไร มันยากนะที่จะบังคับให้ทุกคนต้องพูดต้องทำอะไรให้ตนได้รับความพอใจเสมอ ทุกคนมีจิตมีใจเป็นใหญ่ในตนเองแต่หลายๆคนอยากไปรีโมทบังคับคนอื่น คนพวกนี้คิดมากเป็นโรคประสาทกันก็เยอะ ไม่มีอะไรมากแค่มาบ่นๆครับ ช่วงหลังเจอแต่พวกอ่อนไหวกับเรื่องไม่เป้็นเรื่องจนผมเอือมระอา อะไรที่คุกคามถ้ามันผิดก็ฟ้องตำรวจซะ กฏหมายเขาจะตัดสินเองแหละว่ามันจะลงโทษคนทำได้มั้ย สมัยผมเรียนหนังสือยังโดนครูตีก้น เดี๋ยวนี้แตะตัวเด็กยังไม่ได้ เจอแบบนี้แล้วใครจะไปสั่งสอนได้ แม้แต่พ่อแม่ก็คงไม่เชื่อฟัง เลอะเทอะหมดแล้วสังคม 5555

หลายข้อผมเข้าใจได้ครับ


แต่อย่าง ข้อ 3 เนี่ย เอาตรงๆๆนะครับ พวกคุณจะให้ผมหลับตาเดินเลยรึป่าวครับ

แล้วอะไรที่จะเอามาตัดสินว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มองอย่างงู้นมองอย่างงี้ เช่น คนนี้หุ่นดีว่ะ ก็ต้องมองเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ถามมองแล้วยังไงต่อ ก็ลืมซิครับ ก็ไม่ใช่เห็นแล้วต้องพุ่งเข้าใส่อย่างเดียว ผมว่าโอเวอร์ไป๊

ไม่ให้จ้องไม่ได้หรอกกกก