BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status: นักแซะในตำนาน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Dec 2013
ตอบ: 12162
ที่อยู่: มอดอว์
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 10:41
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
3BBEXPENSIVE พิมพ์ว่า:
XeathG พิมพ์ว่า:
3BBEXPENSIVE พิมพ์ว่า:
ไม่ใช่แค่ในไทยนะครับที่เชื่อ แต่หมอบีคนนี้ไปแก้เคสที่ต่างประเทศมาทั่วโลกแล้วโดยเฉพาะยุโรป

ถ้าบอกว่าคนไทยโง่ คนยุโรปคงโง่กว่าที่จ้างหมอบี 50 ล้านเพื่อไปปราบผี

ปล.ยังไม่เคยเห็นนักจิตวิทยาคนไหนสามารถพูด ชื่อ นามสกุล เลขบัตรปชช. เบอร์โทร ได้เป๊ะเท่านี้เลย  


ที่ไปยุโรปนี่ แค่เขาเล่าให้ฟัง หรือมีหลักฐานการไล่ผี จริงๆอะครับ แล้วเขาให้ไปทำอะไรเหรอครับ คนละศาสนาไม่น่าจะเชิญไปมั่วซั่ว  


เอาจริงอย่างเรื่องพิพิธภัณฑ์ลูฟนี่ก็ตรวจสอบได้ว่าหน้ากากนั้นมีจริงมั้ย

ส่วนผีมีทุกที่ครับ เรื่องที่เค้าจ้างไปคือเค้ารู้จักจากปากต่อปากครับ ครั้งแรกๆเค้าแค่ไปช่วยคนรู้จักเฉยๆ แล้วมีการบอกต่อว่าคนนี้ทำได้  


ผมก็เชื่อเรื่องผีนะ มันก็มีแล้วมันก็ดับไปแค่นั้น แต่แบบมามองเห็นมานั้นมีนี่ แค่เล่า Proof ตัวเอง ใครก็อยากดังก็ทำได้อย่างพรี่ฝนนี่ งี้สุดท้ายปลายทางคงไม่ต่างกัน ทักอดีต บลาๆ ผมก็พยายามหาเรื่องราวหรือ Story proof แกอยู่ว่าอะไรยังไง ไม่อยากให้แค่โอละพ่อ โปรโมทรัวๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status: IG : pimya.wong
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 26 Jan 2008
ตอบ: 11199
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 11:14
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
คนไม่เชื่อ ก็เป็นสิทธิ์ของท่านไง
สำหรับผม ผมเชื่อ ผมไม่ได้เชื่อเพราะมันงมงายด้วย

แต่ผมเชื่อเพราะ เวลาหมอบี พูดอะไรออกมา
เหมือนเคยอยู่กับเขามาทั้งชีวิต หรือไม่ลองไปดูรายการสด มีคนโทรเข้ามาเล่นอ่ะ

คุณลองดูคลิปนี้



คุณคิดว่าเขา Setup ป่ะ
ทำไมไปรู้ว่าเขาโกง ทำไมถึงพูดมั่นใจว่าจะแจ้งความ รู้รหัสบัตร ปชช. บลาๆ

คือ ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้ มันแหกตา คนเล่าแสดงละครเก่ง คนทายแสดงละครเก่ง
หรือคนในห้องนั้นแสดงละครเก่ง แล้ว Setup เรื่องกันขึ้นมาจริงๆ ผมยอมขอโทษเลย

ยิ่งกว่านักแสดงอ่ะ

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
THEERATHON FIVE! #VAMOST5
https://www.facebook.com/THEERATHONFIVE

ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 1981
ที่อยู่: กึ่งกลางระหว่างฝันกับความจริง
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 11:26
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
Creathieve พิมพ์ว่า:
เพื่อการนี้โดยเฉพาะ พิมพ์ว่า:
Creathieve พิมพ์ว่า:
เพื่อการนี้โดยเฉพาะ พิมพ์ว่า:
ถ้าท่านตามดูเคส "เจ้าเคส"ต้องเป็นติดต่อแกไปเองครับ  

ตาล ทำบัญชี ลูก 2 คน ไม่มาทำงาน
แล้วไปติดต่อแกตอนไหน  


วิทวัสและทีมงานเป็นเจ้าของเคสไง  

คุณตาลไม่รู้เรื่อง ไม่ยินยอมทำไง
เขาอาจมีลูกที่เปิดเผยแค่ 1 คน
อีกคนเป็นลูกนอกสมรสที่ปิดบังไว้ ไม่เปิดเผย
ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวแตกแยกขึ้นมาทำไง
ทั้งๆ ที่คุณตาลไม่ได้เป็นคนติดต่อไป กลับต้องมาซวย  


เลอะเทอะแล้ว อนุมานเกินความจริง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Apr 2007
ตอบ: 389
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 11:44
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ที่ไม่เชื่อไม่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่พิสูจน์ เขาพิสูจน์มาเป็นร้อยปีว่ามันไม่มีไงเขาเลยไม่เชื่อ กลับกันฝ่ายที่บอกว่ามีๆๆๆพิสูจน์กันมาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีหลักฐานมายืนยันซักทีแต่ก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้น ใครกันแน่ที่ปิดกั้นตัวเอง ตลก  



แหม่ เขาพิสูจน์ เขาคือใครครับพิสูจน์ยังไง การไปล่าท้าผีไปบ้านร้างคือการพิสูจน์ยังงั้นหรอครับ ถ้าวิธีพิสูจน์มันไม่ถูกต้องแล้วจะเจอคำตอบที่ถูกต้องมั้ย คุณทำมาเป็นปากดีตัวเองคงยังไม่เคยพิสูจน์อะไรนะครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 3211
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 11:46
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ที่ไม่เชื่อไม่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่พิสูจน์ เขาพิสูจน์มาเป็นร้อยปีว่ามันไม่มีไงเขาเลยไม่เชื่อ กลับกันฝ่ายที่บอกว่ามีๆๆๆพิสูจน์กันมาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีหลักฐานมายืนยันซักทีแต่ก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้น ใครกันแน่ที่ปิดกั้นตัวเอง ตลก  



แหม่ เขาพิสูจน์ เขาคือใครครับพิสูจน์ยังไง การไปล่าท้าผีไปบ้านร้างคือการพิสูจน์ยังงั้นหรอครับ ถ้าวิธีพิสูจน์มันไม่ถูกต้องแล้วจะเจอคำตอบที่ถูกต้องมั้ย คุณทำมาเป็นปากดีตัวเองคงยังไม่เคยพิสูจน์อะไรนะครับ  


แล้ววิธีที่ถูกต้องคือ ? ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Apr 2007
ตอบ: 389
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 11:47
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ก็เพราะมันไม่มีอยู่ไงครับเลยต้องพิสูจน์ ปัจจุบันพิสูจน์มากี่พันปีแล้วครับเรื่องผีอะ

คนไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเห็น เขาก็ไม่เชื่อ เกี่ยวไรกับคนตาบอด อันนี้คนทั่วไปมีร่างกายครบเหมือนคนทั่วไป

เรื่องแนวนี้คนที่ต้องพยายามพิสูจน์อะ คือคนที่จะเปลี่ยนความคิดของคนที่ไม่เชื่อ อีกฝั่งไม่เชื่อ คุณมีหลักฐานอะไรให้เขาเชื่ออะ อย่างโลกกลมโลกแบน ฝั่งเชื่อเขามีหลักฐาน มีภาพ มีวิดีโอ มีข้อโต้แย้ง ทำให้คนเชื่อว่าโลกแบนเถียงไม่ออกแม้แต่นิด

แล้วเรื่องพิสูจน์ คนไม่เชื่อเขาไปพิสูจน์มาเยอะแยะแล้วครับ บ้านร้างเฮี้ยน มีคนตายนั่นนี่ มีคนเคยไปลองของเจอดีนั่นนี่ ปัจจุบันคนที่ไปท้าแบบลบหลู่ก็ยังมีชีวิตสุขสบายดี

ไม่ว่าจะสิ่งไหน ต่อให้ไม่เคยเห็น แต่ถ้ามันมีเหตุผลมารองรับมากพอ ยังไงคนก็เชื่อ แต่ที่คนไม่เชื่อเพราะมันไม่สมเหตุสมผล

ทำไมคนที่ตั้งไจไปลบหลู่ไปท้าถึงไม่เจอหรอครับ ทำไมคนที่กลัวมากๆไม่กล้าลบหลู่ถึงเจอบ่อยจัง
Spoil
มันก็ง่ายๆเลย ฝ่ายนึงกลัวจนสร้างภาพหลอนไปเอง อีกฝั่งไม่กลัวไม่คิดว่ามีอยู่จริงเลยไม่เจออะไร  


จะมาบอกว่าปิดกั้นตัวเองมันใช่หรอครับ ผมไม่ได้ปิดหรอกเรื่องนี้ ถ้าในอนาคตมีหลักฐานมีข้อมูลน่าเชื่อถือออกมาผมจะเชื่อเลย แต่ปัจจุบันมันมีหรอครับ

ทฤษฎีที่ยังไม่พิสูจน์ไม่ควรยกมาบอกว่าคือเรื่องจริง ตรรกะง่ายๆเลย นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่?? ทุกวันนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้นถ้ามีคนมานั่งเถียงเป็นจริงเป็นจังว่า นรกสวรรค์มีจริงๆนะ มันใช่หรอครับ ก็ในเมื่อมันยังไม่มีหลักฐาน ข้อพิสูจน์อะไรเลย คนที่มาบอกว่าไม่เชื่อกลายเป็นโลกแคบและปิดกั้นเลยหรอครับ

คนที่โลกแคบและปิดกั้นควรจะเป็นคนที่ต่อให้มีหลักฐานข้อพิสูจน์แล้วก็ยังไม่เชื่อ เช่นพวกเชื่อว่าโลกแบนตอนนี้ หลักฐานครบ แต่ก็ยังเชื่อว่าโลกแบน แบบนี้นี่แหละคือปิดกั้น

แต่คนที่ไม่เชื่อว่าผีมีจริงกลายเป็นโลกแคบเพียงเพราะเขาไม่เคยเจอ และก็ไม่มีหลักฐานข้อพิสูจน์ซักอย่างว่ามีจริง มันใช่หรอครับ ผมว่าคนโลกแคบอะคุณมากกว่า ไปตีกรอบให้อีกฝั่งเฉยเลย  


ไม่ได้บอกให้เชื่อนะครับ แต่ให้มองว่าอย่าปักใจเชื่อร้อยเปอเซ็นต์ว่ามันไม่มีอยู่จริง เพราะการเทไปอีกฝั่งตีว่าสิ่งนี้ไม่จริงเป็นความงมงาย มันก็คือความงมงายในความไม่เชื่อ ถ้าคุณสงสัยว่ามันจริงหรือไม่จริงก็แค่ตั้งสมมติฐาน มองหาความเป็นไปได้ และไอการที่บอกว่าพิสูจน์มาเป็นพันปีพิสูจน์ยังไงหรอครับ คุณนั่นแหละโลกแคบ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Apr 2007
ตอบ: 389
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 11:51
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ที่ไม่เชื่อไม่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่พิสูจน์ เขาพิสูจน์มาเป็นร้อยปีว่ามันไม่มีไงเขาเลยไม่เชื่อ กลับกันฝ่ายที่บอกว่ามีๆๆๆพิสูจน์กันมาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีหลักฐานมายืนยันซักทีแต่ก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้น ใครกันแน่ที่ปิดกั้นตัวเอง ตลก  



แหม่ เขาพิสูจน์ เขาคือใครครับพิสูจน์ยังไง การไปล่าท้าผีไปบ้านร้างคือการพิสูจน์ยังงั้นหรอครับ ถ้าวิธีพิสูจน์มันไม่ถูกต้องแล้วจะเจอคำตอบที่ถูกต้องมั้ย คุณทำมาเป็นปากดีตัวเองคงยังไม่เคยพิสูจน์อะไรนะครับ  


แล้ววิธีที่ถูกต้องคือ ? ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย  


ถ้าคุณอยากจะหาก็คงหาไม่ยากนะครับ ไหนๆก็เรียนวิทยาศาสตร์มาก็น่าจะรู้จักการค้นคว้า ลองดูสารคดีตามช่องต่างๆก็พอมีนะครับ มันอาจจะเป็นเรื่องของคลื่นความถี่หรือพลังงานที่ยังไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ อ้อแล้ววิธีพิสูจน์โดยการทำสมาธิก็มีนะครับ ลองค้นคว้าเยอะๆจะได้เปิดโลกบ้างนะครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 3211
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 11:58
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ที่ไม่เชื่อไม่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่พิสูจน์ เขาพิสูจน์มาเป็นร้อยปีว่ามันไม่มีไงเขาเลยไม่เชื่อ กลับกันฝ่ายที่บอกว่ามีๆๆๆพิสูจน์กันมาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีหลักฐานมายืนยันซักทีแต่ก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้น ใครกันแน่ที่ปิดกั้นตัวเอง ตลก  



แหม่ เขาพิสูจน์ เขาคือใครครับพิสูจน์ยังไง การไปล่าท้าผีไปบ้านร้างคือการพิสูจน์ยังงั้นหรอครับ ถ้าวิธีพิสูจน์มันไม่ถูกต้องแล้วจะเจอคำตอบที่ถูกต้องมั้ย คุณทำมาเป็นปากดีตัวเองคงยังไม่เคยพิสูจน์อะไรนะครับ  


แล้ววิธีที่ถูกต้องคือ ? ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย  


ถ้าคุณอยากจะหาก็คงหาไม่ยากนะครับ ไหนๆก็เรียนวิทยาศาสตร์มาก็น่าจะรู้จักการค้นคว้า ลองดูสารคดีตามช่องต่างๆก็พอมีนะครับ มันอาจจะเป็นเรื่องของคลื่นความถี่หรือพลังงานที่ยังไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ อ้อแล้ววิธีพิสูจน์โดยการทำสมาธิก็มีนะครับ ลองค้นคว้าเยอะๆจะได้เปิดโลกบ้างนะครับ  


ก็รายการต่างๆที่เขามีการออกแบบการทดลอง เขาทำแบบเป็นวิทยาศาสตร์ก็เห็นแหกทุกคนนิครับ ไม่งั้นคนที่มันไม่แหกคงได้โนเบลไปแล้วมั้ง เพราะถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยนะ แต่ก็ยังไม่เห็นมีหนิ แล้วจะให้เชื่ออะไรในเมื่อหลักฐานว่าไม่มีมันชัดกว่า วันไหนมีหลักฐานจริงๆว่าผีมีจริงรบกวนเอามาให้ดูด้วยนะครับ อยากต่าสว่างจังเลย แล้วไอ้เรื่องตัวผมเองผมทำมาหมดแล้วครับก็ยังไม่เห็นซักตัว ท้าท้ายมาหมดไม่เห็นมีผีมาแสดงตัวซักที มีแต่คนเนี่ยที่เดือดร้อนแทนผี
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Apr 2007
ตอบ: 389
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 12:03
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ที่ไม่เชื่อไม่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่พิสูจน์ เขาพิสูจน์มาเป็นร้อยปีว่ามันไม่มีไงเขาเลยไม่เชื่อ กลับกันฝ่ายที่บอกว่ามีๆๆๆพิสูจน์กันมาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีหลักฐานมายืนยันซักทีแต่ก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้น ใครกันแน่ที่ปิดกั้นตัวเอง ตลก  



แหม่ เขาพิสูจน์ เขาคือใครครับพิสูจน์ยังไง การไปล่าท้าผีไปบ้านร้างคือการพิสูจน์ยังงั้นหรอครับ ถ้าวิธีพิสูจน์มันไม่ถูกต้องแล้วจะเจอคำตอบที่ถูกต้องมั้ย คุณทำมาเป็นปากดีตัวเองคงยังไม่เคยพิสูจน์อะไรนะครับ  


แล้ววิธีที่ถูกต้องคือ ? ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย  


ถ้าคุณอยากจะหาก็คงหาไม่ยากนะครับ ไหนๆก็เรียนวิทยาศาสตร์มาก็น่าจะรู้จักการค้นคว้า ลองดูสารคดีตามช่องต่างๆก็พอมีนะครับ มันอาจจะเป็นเรื่องของคลื่นความถี่หรือพลังงานที่ยังไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ อ้อแล้ววิธีพิสูจน์โดยการทำสมาธิก็มีนะครับ ลองค้นคว้าเยอะๆจะได้เปิดโลกบ้างนะครับ  


ก็รายการต่างๆที่เขามีการออกแบบการทดลอง เขาทำแบบเป็นวิทยาศาสตร์ก็เห็นแหกทุกคนนิครับ ไม่งั้นคนที่มันไม่แหกคงได้โนเบลไปแล้วมั้ง เพราะถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยนะ แต่ก็ยังไม่เห็นมีหนิ แล้วจะให้เชื่ออะไรในเมื่อหลักฐานว่าไม่มีมันชัดกว่า วันไหนมีหลักฐานจริงๆว่าผีมีจริงรบกวนเอามาให้ดูด้วยนะครับ อยากต่าสว่างจังเลย แล้วไอ้เรื่องตัวผมเองผมทำมาหมดแล้วครับก็ยังไม่เห็นซักตัว ท้าท้ายมาหมดไม่เห็นมีผีมาแสดงตัวซักที มีแต่คนเนี่ยที่เดือดร้อนแทนผี  


แหม่ ทำยังกะคุณดูการทดลองมาหมดทุกอย่างแล้ว งั้นถามหน่อยเค้าพิสูจน์โดยใช้หลักการอะไร เครื่องมืออะไร แล้วผลการทดลองเป็นอย่างไร ได้ข้อสรุปอย่างไร ชัดเจนแน่แท้ 100% หรือไม่ หรือยังสรุปไม่ได้ ส่วนไอเรื่องทำสมาธิผมว่าคุณคงไม่เคยทำหรอกครับ คุณอ่านหนังสือแค่หน้าปกจะไปรู้อะไร
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 7354
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 12:05
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ก็เพราะมันไม่มีอยู่ไงครับเลยต้องพิสูจน์ ปัจจุบันพิสูจน์มากี่พันปีแล้วครับเรื่องผีอะ

คนไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเห็น เขาก็ไม่เชื่อ เกี่ยวไรกับคนตาบอด อันนี้คนทั่วไปมีร่างกายครบเหมือนคนทั่วไป

เรื่องแนวนี้คนที่ต้องพยายามพิสูจน์อะ คือคนที่จะเปลี่ยนความคิดของคนที่ไม่เชื่อ อีกฝั่งไม่เชื่อ คุณมีหลักฐานอะไรให้เขาเชื่ออะ อย่างโลกกลมโลกแบน ฝั่งเชื่อเขามีหลักฐาน มีภาพ มีวิดีโอ มีข้อโต้แย้ง ทำให้คนเชื่อว่าโลกแบนเถียงไม่ออกแม้แต่นิด

แล้วเรื่องพิสูจน์ คนไม่เชื่อเขาไปพิสูจน์มาเยอะแยะแล้วครับ บ้านร้างเฮี้ยน มีคนตายนั่นนี่ มีคนเคยไปลองของเจอดีนั่นนี่ ปัจจุบันคนที่ไปท้าแบบลบหลู่ก็ยังมีชีวิตสุขสบายดี

ไม่ว่าจะสิ่งไหน ต่อให้ไม่เคยเห็น แต่ถ้ามันมีเหตุผลมารองรับมากพอ ยังไงคนก็เชื่อ แต่ที่คนไม่เชื่อเพราะมันไม่สมเหตุสมผล

ทำไมคนที่ตั้งไจไปลบหลู่ไปท้าถึงไม่เจอหรอครับ ทำไมคนที่กลัวมากๆไม่กล้าลบหลู่ถึงเจอบ่อยจัง
Spoil
มันก็ง่ายๆเลย ฝ่ายนึงกลัวจนสร้างภาพหลอนไปเอง อีกฝั่งไม่กลัวไม่คิดว่ามีอยู่จริงเลยไม่เจออะไร  


จะมาบอกว่าปิดกั้นตัวเองมันใช่หรอครับ ผมไม่ได้ปิดหรอกเรื่องนี้ ถ้าในอนาคตมีหลักฐานมีข้อมูลน่าเชื่อถือออกมาผมจะเชื่อเลย แต่ปัจจุบันมันมีหรอครับ

ทฤษฎีที่ยังไม่พิสูจน์ไม่ควรยกมาบอกว่าคือเรื่องจริง ตรรกะง่ายๆเลย นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่?? ทุกวันนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้นถ้ามีคนมานั่งเถียงเป็นจริงเป็นจังว่า นรกสวรรค์มีจริงๆนะ มันใช่หรอครับ ก็ในเมื่อมันยังไม่มีหลักฐาน ข้อพิสูจน์อะไรเลย คนที่มาบอกว่าไม่เชื่อกลายเป็นโลกแคบและปิดกั้นเลยหรอครับ

คนที่โลกแคบและปิดกั้นควรจะเป็นคนที่ต่อให้มีหลักฐานข้อพิสูจน์แล้วก็ยังไม่เชื่อ เช่นพวกเชื่อว่าโลกแบนตอนนี้ หลักฐานครบ แต่ก็ยังเชื่อว่าโลกแบน แบบนี้นี่แหละคือปิดกั้น

แต่คนที่ไม่เชื่อว่าผีมีจริงกลายเป็นโลกแคบเพียงเพราะเขาไม่เคยเจอ และก็ไม่มีหลักฐานข้อพิสูจน์ซักอย่างว่ามีจริง มันใช่หรอครับ ผมว่าคนโลกแคบอะคุณมากกว่า ไปตีกรอบให้อีกฝั่งเฉยเลย  


ไม่ได้บอกให้เชื่อนะครับ แต่ให้มองว่าอย่าปักใจเชื่อร้อยเปอเซ็นต์ว่ามันไม่มีอยู่จริง เพราะการเทไปอีกฝั่งตีว่าสิ่งนี้ไม่จริงเป็นความงมงาย มันก็คือความงมงายในความไม่เชื่อ ถ้าคุณสงสัยว่ามันจริงหรือไม่จริงก็แค่ตั้งสมมติฐาน มองหาความเป็นไปได้ และไอการที่บอกว่าพิสูจน์มาเป็นพันปีพิสูจน์ยังไงหรอครับ คุณนั่นแหละโลกแคบ  


และต้องพิสูจน์ยังไงหรอครับ

"ผีตัวนี้เฮี้ยนมาก" "สถานที่นี้เฮี้ยนมากใครไปกลับมาไม่ปกติซักคน" "อย่าไปลบหลู่นะเดี๋ยวจะเจอดี" "ตำนานที่นั่นอย่างงั้นอย่างงี้"

ผ่านการพิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วน เจออะไรเป็นชิ้นเป็นอันไหม ก็ไม่

แล้วจะให้พิสูจน์ยังไง คนที่คิดว่ามีอะต้องบอกว่าต้องให้ทำอะไร ไปเจอมาแบบไหน ทำไมเขาทำแล้วไม่เจอ ที่เจออะมีหลักฐานหรือเปล่าว่าจริงๆ มั่นใจแค่ไหน

ผีผมก็เจอบ่อยในฝัน เจอจนเบื่อ พอเลิกเชื่อเรื่องแนวนี้ก็ไม่เจออีกเลย ยิ่งมารู้จัก Lucid dream แล้ว ฝันกลายเป็นความคิดไปหมดละ



อ้างอิงจาก:
ไม่ได้บอกให้เชื่อนะครับ แต่ให้มองว่าอย่าปักใจเชื่อร้อยเปอเซ็นต์ว่ามันไม่มีอยู่จริง เพราะการเทไปอีกฝั่งตีว่าสิ่งนี้ไม่จริงเป็นความงมงาย มันก็คือความงมงายในความไม่เชื่อ ถ้าคุณสงสัยว่ามันจริงหรือไม่จริงก็แค่ตั้งสมมติฐาน มองหาความเป็นไปได้  


ตลกดี งมงายในความไม่เชื่อ ไม่เชื่อเรื่องที่ไม่เคยมีการพิสูจน์เจอ ไม่เชื่อเรื่องที่ไม่มีหลักฐานมีแต่คำบอกเล่ากลายเป็นงมงายเฉย

พระพุทธเจ้าเดินได้ 7 ก้าว อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ
พระเจ้าแยกน้ำแยกแผ่นดิน อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ
นรกสวรรค์ อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ
เวรกรรม อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ
วิชาคาถา อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ

"และไอการที่บอกว่าพิสูจน์มาเป็นพันปีพิสูจน์ยังไงหรอครับ คุณนั่นแหละโลกแคบ"

เก่งจริงๆกับการด่าคนอื่นว่าโลกแคบ แต่พอเจอสวนกลับดันรับไม่ได้
https://theconversation.com/victorian-scientists-thought-theyd-found-an-explanation-for-ghosts-but-the-public-didnt-want-to-hear-it-126153

ต่างประเทศเขามีพิสูจน์ตำนานของเขาเรื่อง Ouija พลังจิต
และก็การเจอผีผมกลัวแปลผิด ขอยกมาเลยแล้วกัน
อ้างอิงจาก:
These pioneering physicians interpreted sightings of ghosts not as external entities, but as the product of glitches in the brain or “afterimages” from overstimulated optical nerves. For such theorists, the supernatural originated in the darkest recesses of the mind, with all its self delusions.  


หัวข้อลิงค์ที่ผมยกมาคือนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไปแล้ว แต่ไม่มีใครอยากได้ยินเรื่องนี้
ช่วงปี 1850 เป็นช่วงที่เรื่องการคุยกับผีเริ่มดัง เขาพิสูจน์มาทุกยุคครับไม่ต้องห่วง

เข้า Google บ้างครับ อย่ามัวแต่หาว่าคนอื่นโลกแคบถ้าตัวเองยังหาข้อมูลไม่ได้ แบบคุณนี่แหละงมงายของแท้ ถ้าผมงมงายในความไม่เชื่อคงไม่ต้องไปนั่งหาข้อมูล

ขอยกเม้นจากเว็บม่วงในตำนานมาหน่อย
อ้างอิงจาก:
...มองแบบมุมกลับ

คนที่เชื่อว่าผีมีจริงเนี่ย ทำไมถึงไม่มีใครกล้าพอที่จะพิสูจน์ว่าผีมีอยู่จริงล่ะ ???

มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์หรอกนะที่จะให้ฝ่ายที่เชื่อว่าไม่มีเป็นผู้พิสูจน์
ถ้าเป็นทางวิทยาศาสตร์ ต้องฝ่ายที่เชื่อว่ามี ฝ่ายที่นำเสนอทฤษฎีนั้นต่างหากที่ต้องเป็นผู้พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง
เพราะหากมันไม่มีอยู่จริง พิสูจน์ให้ตายยังไงก็ยืนยันไม่ได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ดังนั้นเป็นการกระทำที่เสียเปล่า
และคนที่อยู่ฝ่ายเชื่อว่าไม่มี ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกนะกับการที่พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง
กลับกันคนที่อยู่ฝ่ายเชื่อว่ามีต่างหากที่จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ กับการพิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง

ดังนั้นอย่าเห็นแก่ตัว อย่าขโมยน้ำพักน้ำแรงของคนอื่นเพื่อได้ประโยชน์ในสิ่งที่ต้องการแต่ฝ่ายเดียว
ในเมื่อเชื่อว่ามันมีอยู่จริงก็สมควรเป็นผู้ที่จะลงมือพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่ามันมีอยู่จริง อย่าไปยืมมือคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตน

แน่นอน... จะให้คนที่เชื่อว่ามีพิสูจน์ว่าไม่มีมันคงใช่เรื่องใช่ไหม ?
ดังคนที่ไม่เชื่อว่ามีก็คงไม่ควรจะต้องไปพิสูจน์ว่ามันมีด้วยเช่นกัน
 
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Jan 2020
ตอบ: 7354
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 12:06
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ที่ไม่เชื่อไม่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่พิสูจน์ เขาพิสูจน์มาเป็นร้อยปีว่ามันไม่มีไงเขาเลยไม่เชื่อ กลับกันฝ่ายที่บอกว่ามีๆๆๆพิสูจน์กันมาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีหลักฐานมายืนยันซักทีแต่ก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้น ใครกันแน่ที่ปิดกั้นตัวเอง ตลก  



แหม่ เขาพิสูจน์ เขาคือใครครับพิสูจน์ยังไง การไปล่าท้าผีไปบ้านร้างคือการพิสูจน์ยังงั้นหรอครับ ถ้าวิธีพิสูจน์มันไม่ถูกต้องแล้วจะเจอคำตอบที่ถูกต้องมั้ย คุณทำมาเป็นปากดีตัวเองคงยังไม่เคยพิสูจน์อะไรนะครับ  


แล้ววิธีที่ถูกต้องคือ ? ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย  


ถ้าคุณอยากจะหาก็คงหาไม่ยากนะครับ ไหนๆก็เรียนวิทยาศาสตร์มาก็น่าจะรู้จักการค้นคว้า ลองดูสารคดีตามช่องต่างๆก็พอมีนะครับ มันอาจจะเป็นเรื่องของคลื่นความถี่หรือพลังงานที่ยังไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ อ้อแล้ววิธีพิสูจน์โดยการทำสมาธิก็มีนะครับ ลองค้นคว้าเยอะๆจะได้เปิดโลกบ้างนะครับ  


ก็รายการต่างๆที่เขามีการออกแบบการทดลอง เขาทำแบบเป็นวิทยาศาสตร์ก็เห็นแหกทุกคนนิครับ ไม่งั้นคนที่มันไม่แหกคงได้โนเบลไปแล้วมั้ง เพราะถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยนะ แต่ก็ยังไม่เห็นมีหนิ แล้วจะให้เชื่ออะไรในเมื่อหลักฐานว่าไม่มีมันชัดกว่า วันไหนมีหลักฐานจริงๆว่าผีมีจริงรบกวนเอามาให้ดูด้วยนะครับ อยากต่าสว่างจังเลย แล้วไอ้เรื่องตัวผมเองผมทำมาหมดแล้วครับก็ยังไม่เห็นซักตัว ท้าท้ายมาหมดไม่เห็นมีผีมาแสดงตัวซักที มีแต่คนเนี่ยที่เดือดร้อนแทนผี  


แหม่ ทำยังกะคุณดูการทดลองมาหมดทุกอย่างแล้ว งั้นถามหน่อยเค้าพิสูจน์โดยใช้หลักการอะไร เครื่องมืออะไร แล้วผลการทดลองเป็นอย่างไร ได้ข้อสรุปอย่างไร ชัดเจนแน่แท้ 100% หรือไม่ หรือยังสรุปไม่ได้ ส่วนไอเรื่องทำสมาธิผมว่าคุณคงไม่เคยทำหรอกครับ คุณอ่านหนังสือแค่หน้าปกจะไปรู้อะไร  



พอเจอเม้นนี้ของคุณเข้าไป รู้สึกเสียเวลาอธิบายจัดๆ เถียงกับคนงมงายนี่มันน่าปวดหัวจริงๆ ก่อนไปขอยกเม้นในตำนานเว็บม่วงมาให้ มันใช่หน้าที่ของคนไม่เชื่อหรอที่ต้องไปนั่งหาข้อมูลให้คนเชื่อ

...มองแบบมุมกลับ

คนที่เชื่อว่าผีมีจริงเนี่ย ทำไมถึงไม่มีใครกล้าพอที่จะพิสูจน์ว่าผีมีอยู่จริงล่ะ ???

มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์หรอกนะที่จะให้ฝ่ายที่เชื่อว่าไม่มีเป็นผู้พิสูจน์
ถ้าเป็นทางวิทยาศาสตร์ ต้องฝ่ายที่เชื่อว่ามี ฝ่ายที่นำเสนอทฤษฎีนั้นต่างหากที่ต้องเป็นผู้พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง
เพราะหากมันไม่มีอยู่จริง พิสูจน์ให้ตายยังไงก็ยืนยันไม่ได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ดังนั้นเป็นการกระทำที่เสียเปล่า
และคนที่อยู่ฝ่ายเชื่อว่าไม่มี ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกนะกับการที่พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง
กลับกันคนที่อยู่ฝ่ายเชื่อว่ามีต่างหากที่จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ กับการพิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง

ดังนั้นอย่าเห็นแก่ตัว อย่าขโมยน้ำพักน้ำแรงของคนอื่นเพื่อได้ประโยชน์ในสิ่งที่ต้องการแต่ฝ่ายเดียว
ในเมื่อเชื่อว่ามันมีอยู่จริงก็สมควรเป็นผู้ที่จะลงมือพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่ามันมีอยู่จริง อย่าไปยืมมือคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตน

แน่นอน... จะให้คนที่เชื่อว่ามีพิสูจน์ว่าไม่มีมันคงใช่เรื่องใช่ไหม ?
ดังคนที่ไม่เชื่อว่ามีก็คงไม่ควรจะต้องไปพิสูจน์ว่ามันมีด้วยเช่นกัน
แก้ไขล่าสุดโดย momozee11 เมื่อ Thu Jan 21, 2021 12:07, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Apr 2007
ตอบ: 389
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 12:11
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
Loser XD พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ที่ไม่เชื่อไม่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่พิสูจน์ เขาพิสูจน์มาเป็นร้อยปีว่ามันไม่มีไงเขาเลยไม่เชื่อ กลับกันฝ่ายที่บอกว่ามีๆๆๆพิสูจน์กันมาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีหลักฐานมายืนยันซักทีแต่ก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้น ใครกันแน่ที่ปิดกั้นตัวเอง ตลก  



แหม่ เขาพิสูจน์ เขาคือใครครับพิสูจน์ยังไง การไปล่าท้าผีไปบ้านร้างคือการพิสูจน์ยังงั้นหรอครับ ถ้าวิธีพิสูจน์มันไม่ถูกต้องแล้วจะเจอคำตอบที่ถูกต้องมั้ย คุณทำมาเป็นปากดีตัวเองคงยังไม่เคยพิสูจน์อะไรนะครับ  


แล้ววิธีที่ถูกต้องคือ ? ไหนลองเอามาให้ดูหน่อย  


ถ้าคุณอยากจะหาก็คงหาไม่ยากนะครับ ไหนๆก็เรียนวิทยาศาสตร์มาก็น่าจะรู้จักการค้นคว้า ลองดูสารคดีตามช่องต่างๆก็พอมีนะครับ มันอาจจะเป็นเรื่องของคลื่นความถี่หรือพลังงานที่ยังไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ อ้อแล้ววิธีพิสูจน์โดยการทำสมาธิก็มีนะครับ ลองค้นคว้าเยอะๆจะได้เปิดโลกบ้างนะครับ  


ก็รายการต่างๆที่เขามีการออกแบบการทดลอง เขาทำแบบเป็นวิทยาศาสตร์ก็เห็นแหกทุกคนนิครับ ไม่งั้นคนที่มันไม่แหกคงได้โนเบลไปแล้วมั้ง เพราะถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยนะ แต่ก็ยังไม่เห็นมีหนิ แล้วจะให้เชื่ออะไรในเมื่อหลักฐานว่าไม่มีมันชัดกว่า วันไหนมีหลักฐานจริงๆว่าผีมีจริงรบกวนเอามาให้ดูด้วยนะครับ อยากต่าสว่างจังเลย แล้วไอ้เรื่องตัวผมเองผมทำมาหมดแล้วครับก็ยังไม่เห็นซักตัว ท้าท้ายมาหมดไม่เห็นมีผีมาแสดงตัวซักที มีแต่คนเนี่ยที่เดือดร้อนแทนผี  


แหม่ ทำยังกะคุณดูการทดลองมาหมดทุกอย่างแล้ว งั้นถามหน่อยเค้าพิสูจน์โดยใช้หลักการอะไร เครื่องมืออะไร แล้วผลการทดลองเป็นอย่างไร ได้ข้อสรุปอย่างไร ชัดเจนแน่แท้ 100% หรือไม่ หรือยังสรุปไม่ได้ ส่วนไอเรื่องทำสมาธิผมว่าคุณคงไม่เคยทำหรอกครับ คุณอ่านหนังสือแค่หน้าปกจะไปรู้อะไร  



พอเจอเม้นนี้ของคุณเข้าไป รู้สึกเสียเวลาอธิบายจัดๆ เถียงกับคนงมงายนี่มันน่าปวดหัวจริงๆ ก่อนไปขอยกเม้นในตำนานเว็บม่วงมาให้ มันใช่หน้าที่ของคนไม่เชื่อหรอที่ต้องไปนั่งหาข้อมูลให้คนเชื่อ

...มองแบบมุมกลับ

คนที่เชื่อว่าผีมีจริงเนี่ย ทำไมถึงไม่มีใครกล้าพอที่จะพิสูจน์ว่าผีมีอยู่จริงล่ะ ???

มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์หรอกนะที่จะให้ฝ่ายที่เชื่อว่าไม่มีเป็นผู้พิสูจน์
ถ้าเป็นทางวิทยาศาสตร์ ต้องฝ่ายที่เชื่อว่ามี ฝ่ายที่นำเสนอทฤษฎีนั้นต่างหากที่ต้องเป็นผู้พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง
เพราะหากมันไม่มีอยู่จริง พิสูจน์ให้ตายยังไงก็ยืนยันไม่ได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ดังนั้นเป็นการกระทำที่เสียเปล่า
และคนที่อยู่ฝ่ายเชื่อว่าไม่มี ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกนะกับการที่พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง
กลับกันคนที่อยู่ฝ่ายเชื่อว่ามีต่างหากที่จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ กับการพิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง

ดังนั้นอย่าเห็นแก่ตัว อย่าขโมยน้ำพักน้ำแรงของคนอื่นเพื่อได้ประโยชน์ในสิ่งที่ต้องการแต่ฝ่ายเดียว
ในเมื่อเชื่อว่ามันมีอยู่จริงก็สมควรเป็นผู้ที่จะลงมือพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่ามันมีอยู่จริง อย่าไปยืมมือคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตน

แน่นอน... จะให้คนที่เชื่อว่ามีพิสูจน์ว่าไม่มีมันคงใช่เรื่องใช่ไหม ?
ดังคนที่ไม่เชื่อว่ามีก็คงไม่ควรจะต้องไปพิสูจน์ว่ามันมีด้วยเช่นกัน
 


ผมว่าคุณนั่นแหะตัวงมงาย บอกไว้เผื่อคุณยังไม่รู้ ในปัจจุบันยังมีนักวิจัยจำนวนมากพยายามพิสูจน์เรื่องโลกหลังความตาย จิตวิญญาณต่างๆ โดยหาวิธีใหม่เรื่อยๆไม่หยุด งานวิจัยก็ยังมีให้อ่าน คุณลองไปค้นหางานวิจัยเรื่องโลกหลังความตาย จิตวิญญาณมันมีเยอะแยะ ส่วนใหญ่ทำโดยชาวต่างชาติ

การที่คุณมาบอกว่ามันไม่มีหรอก ไม่เคยเห็น ไม่เชื่อ โดยที่คุณไม่เคยจะพยายามพิสูจน์เลยผมว่าเป็นความโง่เง่าและดูถูกคนที่กำลังพยายามทำการศึกษาทดลองเรื่องพวกนี้

ลองเข้าดู google scholar แล้วเสิจงานวิจัยดู เปิดโลกซะบ้างนะครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Apr 2007
ตอบ: 389
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 12:22
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
momozee11 พิมพ์ว่า:
namoputtaya พิมพ์ว่า:
ผมไม่รู้จักหมอบีนะ

แต่ดูจากความเห็นของฝ่ายที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง มักจะมีทิฏฐิของตัวเอง เป็นอคติที่แบบว่าเจอเรื่องพวกนี้กุต้องไม่เชื่อไว้ก่อน แล้วหาเหตุผลมาซัพพอตความไม่เชื่อ

ส่วนตัวไม่ 50/50 อะไรที่เราไม่เคยสัมผัสมันอาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ได้  


ตรงกันข้ามเลยครับ ก็เพราะว่าไม่เคยเจอก็เลยไม่เชื่อไงครับ มันง่ายแค่นี้เลย สมัยก่อนเคยเจอคนเถียงกันเรื่องพิสูจน์ผีในเว็บม่วง

คนไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเจอด้วยตาตัวเอง เขาเลยต้องท้าให้คนเชื่อหาหลักฐานมาแสดงว่ามีจริงๆ มันควรจะเป็นแบบนี้

แต่ตรรกะส่วนใหญ่ที่ผมเคยเจอมันกลายเป็นว่า คนเชื่อให้คนไม่เชื่อไปหาหลักฐานมาว่าผีไม่มีจริง อ่านแล้วกุมหัวเลย ก็เขาไม่เชื่อว่ามีจริง เขาจะไปหาหลักฐานมาจากไหน

คนไม่เชื่อเขาไม่ต้องไปหาเหตุผลมาซัพเลยครับ เหตุผลมันก็แค่เขาไม่เคยเจอ ถ้าคนเชื่อไปหาหลักฐานหรือพาคนไม่เชื่อไปเจอได้ อันนี้ค่อยว่ากัน หรือไม่ก็คนไม่เชื่อเจอด้วยตาตัวเอง แบบนี้ยังไงก็เชื่อครับ

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเพราะสมัยก่อนเคยเชื่อแล้วกลัว พอเริ่มท้า เริ่มทำใจกล้า พอไม่เจอก็เลิกกลัวไปเอง ผมกล้าท้านะ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที  


แบบนี้ไม่ถูกหรอกครับ ไม่ใช่แนวคิดวิทยาศาสตร์ ถ้าเรื่องไหนที่ยังพิสูจน์ไม่ได้คุณไปบอกเต็มที่เลยว่าไม่เชื่อ คุณก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงไม่จริง การสงสัยว่าสิ่งนั้นมีอยู่หรือไม่มีอยู่ มองความเป็นไปได้ และหาวิธีพิสูจน์จึงเป็นmindsetของนักวิทยาศาสตร์ ถ้านักวิทยาศาสตร์เชื่อแต่แรกว่าสิ่งนั้นไม่มีก็คงไม่มีการพัฒนาพิสูจน์สิ่งต่างๆมากมายหรอกครับ อย่างเช่นกัมมันตรังสีสมัยก่อนคนยังไม่เชื่อเลยว่ามีอยู่จริง แต่มีคนสงสัยว่ามีอยู่จนหาวิธีพิสูจน์จนได้ความจริง

ที่ผมจะสื่อก็คือ ตรรกะที่ว่า ไม่เคยเห็น=ไม่มีอยู่จริง=ไม่เชื่อ มันเป็นตรรกะที่ตื้นเขินมากๆ มันเหมือนกับคุณเกิดมาตาบอดแล้วคุณก็บอกว่าไม่เชื่อว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาว มีพระอาทิตย์ มีพระจันทร์ เพราะคุณไม่เคยเห็น มันเป็น mindset ที่แคบแล้วก็ปิดกั้นตัวเองมาก  


ก็เพราะมันไม่มีอยู่ไงครับเลยต้องพิสูจน์ ปัจจุบันพิสูจน์มากี่พันปีแล้วครับเรื่องผีอะ

คนไม่เชื่อก็เพราะเขาไม่เคยเห็น เขาก็ไม่เชื่อ เกี่ยวไรกับคนตาบอด อันนี้คนทั่วไปมีร่างกายครบเหมือนคนทั่วไป

เรื่องแนวนี้คนที่ต้องพยายามพิสูจน์อะ คือคนที่จะเปลี่ยนความคิดของคนที่ไม่เชื่อ อีกฝั่งไม่เชื่อ คุณมีหลักฐานอะไรให้เขาเชื่ออะ อย่างโลกกลมโลกแบน ฝั่งเชื่อเขามีหลักฐาน มีภาพ มีวิดีโอ มีข้อโต้แย้ง ทำให้คนเชื่อว่าโลกแบนเถียงไม่ออกแม้แต่นิด

แล้วเรื่องพิสูจน์ คนไม่เชื่อเขาไปพิสูจน์มาเยอะแยะแล้วครับ บ้านร้างเฮี้ยน มีคนตายนั่นนี่ มีคนเคยไปลองของเจอดีนั่นนี่ ปัจจุบันคนที่ไปท้าแบบลบหลู่ก็ยังมีชีวิตสุขสบายดี

ไม่ว่าจะสิ่งไหน ต่อให้ไม่เคยเห็น แต่ถ้ามันมีเหตุผลมารองรับมากพอ ยังไงคนก็เชื่อ แต่ที่คนไม่เชื่อเพราะมันไม่สมเหตุสมผล

ทำไมคนที่ตั้งไจไปลบหลู่ไปท้าถึงไม่เจอหรอครับ ทำไมคนที่กลัวมากๆไม่กล้าลบหลู่ถึงเจอบ่อยจัง
Spoil
มันก็ง่ายๆเลย ฝ่ายนึงกลัวจนสร้างภาพหลอนไปเอง อีกฝั่งไม่กลัวไม่คิดว่ามีอยู่จริงเลยไม่เจออะไร  


จะมาบอกว่าปิดกั้นตัวเองมันใช่หรอครับ ผมไม่ได้ปิดหรอกเรื่องนี้ ถ้าในอนาคตมีหลักฐานมีข้อมูลน่าเชื่อถือออกมาผมจะเชื่อเลย แต่ปัจจุบันมันมีหรอครับ

ทฤษฎีที่ยังไม่พิสูจน์ไม่ควรยกมาบอกว่าคือเรื่องจริง ตรรกะง่ายๆเลย นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่?? ทุกวันนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้นถ้ามีคนมานั่งเถียงเป็นจริงเป็นจังว่า นรกสวรรค์มีจริงๆนะ มันใช่หรอครับ ก็ในเมื่อมันยังไม่มีหลักฐาน ข้อพิสูจน์อะไรเลย คนที่มาบอกว่าไม่เชื่อกลายเป็นโลกแคบและปิดกั้นเลยหรอครับ

คนที่โลกแคบและปิดกั้นควรจะเป็นคนที่ต่อให้มีหลักฐานข้อพิสูจน์แล้วก็ยังไม่เชื่อ เช่นพวกเชื่อว่าโลกแบนตอนนี้ หลักฐานครบ แต่ก็ยังเชื่อว่าโลกแบน แบบนี้นี่แหละคือปิดกั้น

แต่คนที่ไม่เชื่อว่าผีมีจริงกลายเป็นโลกแคบเพียงเพราะเขาไม่เคยเจอ และก็ไม่มีหลักฐานข้อพิสูจน์ซักอย่างว่ามีจริง มันใช่หรอครับ ผมว่าคนโลกแคบอะคุณมากกว่า ไปตีกรอบให้อีกฝั่งเฉยเลย  


ไม่ได้บอกให้เชื่อนะครับ แต่ให้มองว่าอย่าปักใจเชื่อร้อยเปอเซ็นต์ว่ามันไม่มีอยู่จริง เพราะการเทไปอีกฝั่งตีว่าสิ่งนี้ไม่จริงเป็นความงมงาย มันก็คือความงมงายในความไม่เชื่อ ถ้าคุณสงสัยว่ามันจริงหรือไม่จริงก็แค่ตั้งสมมติฐาน มองหาความเป็นไปได้ และไอการที่บอกว่าพิสูจน์มาเป็นพันปีพิสูจน์ยังไงหรอครับ คุณนั่นแหละโลกแคบ  


และต้องพิสูจน์ยังไงหรอครับ

"ผีตัวนี้เฮี้ยนมาก" "สถานที่นี้เฮี้ยนมากใครไปกลับมาไม่ปกติซักคน" "อย่าไปลบหลู่นะเดี๋ยวจะเจอดี" "ตำนานที่นั่นอย่างงั้นอย่างงี้"

ผ่านการพิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วน เจออะไรเป็นชิ้นเป็นอันไหม ก็ไม่

แล้วจะให้พิสูจน์ยังไง คนที่คิดว่ามีอะต้องบอกว่าต้องให้ทำอะไร ไปเจอมาแบบไหน ทำไมเขาทำแล้วไม่เจอ ที่เจออะมีหลักฐานหรือเปล่าว่าจริงๆ มั่นใจแค่ไหน

ผีผมก็เจอบ่อยในฝัน เจอจนเบื่อ พอเลิกเชื่อเรื่องแนวนี้ก็ไม่เจออีกเลย ยิ่งมารู้จัก Lucid dream แล้ว ฝันกลายเป็นความคิดไปหมดละ



อ้างอิงจาก:
ไม่ได้บอกให้เชื่อนะครับ แต่ให้มองว่าอย่าปักใจเชื่อร้อยเปอเซ็นต์ว่ามันไม่มีอยู่จริง เพราะการเทไปอีกฝั่งตีว่าสิ่งนี้ไม่จริงเป็นความงมงาย มันก็คือความงมงายในความไม่เชื่อ ถ้าคุณสงสัยว่ามันจริงหรือไม่จริงก็แค่ตั้งสมมติฐาน มองหาความเป็นไปได้  


ตลกดี งมงายในความไม่เชื่อ ไม่เชื่อเรื่องที่ไม่เคยมีการพิสูจน์เจอ ไม่เชื่อเรื่องที่ไม่มีหลักฐานมีแต่คำบอกเล่ากลายเป็นงมงายเฉย

พระพุทธเจ้าเดินได้ 7 ก้าว อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ
พระเจ้าแยกน้ำแยกแผ่นดิน อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ
นรกสวรรค์ อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ
เวรกรรม อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ
วิชาคาถา อันนี้ถ้าไม่เชื่อก็คืองมงายในความไม่เชื่อปะครับ

"และไอการที่บอกว่าพิสูจน์มาเป็นพันปีพิสูจน์ยังไงหรอครับ คุณนั่นแหละโลกแคบ"

เก่งจริงๆกับการด่าคนอื่นว่าโลกแคบ แต่พอเจอสวนกลับดันรับไม่ได้
https://theconversation.com/victorian-scientists-thought-theyd-found-an-explanation-for-ghosts-but-the-public-didnt-want-to-hear-it-126153

ต่างประเทศเขามีพิสูจน์ตำนานของเขาเรื่อง Ouija พลังจิต
และก็การเจอผีผมกลัวแปลผิด ขอยกมาเลยแล้วกัน
อ้างอิงจาก:
These pioneering physicians interpreted sightings of ghosts not as external entities, but as the product of glitches in the brain or “afterimages” from overstimulated optical nerves. For such theorists, the supernatural originated in the darkest recesses of the mind, with all its self delusions.  


หัวข้อลิงค์ที่ผมยกมาคือนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไปแล้ว แต่ไม่มีใครอยากได้ยินเรื่องนี้
ช่วงปี 1850 เป็นช่วงที่เรื่องการคุยกับผีเริ่มดัง เขาพิสูจน์มาทุกยุคครับไม่ต้องห่วง

เข้า Google บ้างครับ อย่ามัวแต่หาว่าคนอื่นโลกแคบถ้าตัวเองยังหาข้อมูลไม่ได้ แบบคุณนี่แหละงมงายของแท้ ถ้าผมงมงายในความไม่เชื่อคงไม่ต้องไปนั่งหาข้อมูล

ขอยกเม้นจากเว็บม่วงในตำนานมาหน่อย
อ้างอิงจาก:
...มองแบบมุมกลับ

คนที่เชื่อว่าผีมีจริงเนี่ย ทำไมถึงไม่มีใครกล้าพอที่จะพิสูจน์ว่าผีมีอยู่จริงล่ะ ???

มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์หรอกนะที่จะให้ฝ่ายที่เชื่อว่าไม่มีเป็นผู้พิสูจน์
ถ้าเป็นทางวิทยาศาสตร์ ต้องฝ่ายที่เชื่อว่ามี ฝ่ายที่นำเสนอทฤษฎีนั้นต่างหากที่ต้องเป็นผู้พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง
เพราะหากมันไม่มีอยู่จริง พิสูจน์ให้ตายยังไงก็ยืนยันไม่ได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ดังนั้นเป็นการกระทำที่เสียเปล่า
และคนที่อยู่ฝ่ายเชื่อว่าไม่มี ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกนะกับการที่พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง
กลับกันคนที่อยู่ฝ่ายเชื่อว่ามีต่างหากที่จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ กับการพิสูจน์ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริง

ดังนั้นอย่าเห็นแก่ตัว อย่าขโมยน้ำพักน้ำแรงของคนอื่นเพื่อได้ประโยชน์ในสิ่งที่ต้องการแต่ฝ่ายเดียว
ในเมื่อเชื่อว่ามันมีอยู่จริงก็สมควรเป็นผู้ที่จะลงมือพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่ามันมีอยู่จริง อย่าไปยืมมือคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตน

แน่นอน... จะให้คนที่เชื่อว่ามีพิสูจน์ว่าไม่มีมันคงใช่เรื่องใช่ไหม ?
ดังคนที่ไม่เชื่อว่ามีก็คงไม่ควรจะต้องไปพิสูจน์ว่ามันมีด้วยเช่นกัน
 
 


ถ้าคุณมีปัญญาหาแค่ข้อมูลในกูเกิลก็ไม่ต้องเอามาแปะหรอกนะครับ แค่นั้นใครก็หาได้

ผมไม่ได้บอกนะว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าเรื่องวิญญาณมีอยู่จริง งานวิจัยหลายชิ้นชี้ไปในทางเดียวกันว่ายังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ ซึ่งแปลว่ามันอาจจะมีอยู่จริงแต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ หรืออาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้

การที่คุณเชื่อร้อยเปอเซ็นต์ว่ามันไม่มี คือโง่ครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Jun 2019
ตอบ: 3211
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 13:12
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
ถามหาหลักฐานก็ไม่มี ถามวิธีก็ไม่บอก เอางี้ถ้ามีหลักฐานเมื่อไหร่ช่วยเอามาฟาดหน้าผมทีละกัน อยากเงิบว่ะ ขี้เกียจตอบละเสียเวลาจริงๆ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: 4 แชมป์ยังไงให้โลกจำ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 5327
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 21, 2021 16:56
[RE: ถ้าหมอบี ทูตสื่อวิญญาณเห็นผีจริงๆ]
Cmaj7 พิมพ์ว่า:
คนไม่เชื่อ ก็เป็นสิทธิ์ของท่านไง
สำหรับผม ผมเชื่อ ผมไม่ได้เชื่อเพราะมันงมงายด้วย

แต่ผมเชื่อเพราะ เวลาหมอบี พูดอะไรออกมา
เหมือนเคยอยู่กับเขามาทั้งชีวิต หรือไม่ลองไปดูรายการสด มีคนโทรเข้ามาเล่นอ่ะ

คุณลองดูคลิปนี้



คุณคิดว่าเขา Setup ป่ะ
ทำไมไปรู้ว่าเขาโกง ทำไมถึงพูดมั่นใจว่าจะแจ้งความ รู้รหัสบัตร ปชช. บลาๆ

คือ ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้ มันแหกตา คนเล่าแสดงละครเก่ง คนทายแสดงละครเก่ง
หรือคนในห้องนั้นแสดงละครเก่ง แล้ว Setup เรื่องกันขึ้นมาจริงๆ ผมยอมขอโทษเลย

ยิ่งกว่านักแสดงอ่ะ

 


อันนี้ผมเสริมเป็นความรู้นะท่าน

พวกหน้าไมค์ รายการสด ไม่ใช่จู่ๆโทรติดแล้วได้คุยเลยนะครับ

ไม่ใช่หน้าไมค๋ยุค 80-90 ตามคลื่นต่างจังหวัด

เวลาจะหน้าไมค์ได้ต้องโทรไปก่อน จริงๆโทรไปตั้งแต่เช้าๆ ของวันเลยก็ได้ครับ ฝากเรื่องไว้กับพวกพนักงานของรายการ เขาจะให้คุณลองเล่าเรื่องที่จะพูด เขาจะถามๆ (ทำหน้าที่แทน DJ)

พอเสร็จเขาจะเอาเรื่องเนี๊ยให้ DJ บรีฟงานคร่าวๆก่อนว่าจะมีสายนี้ ชื่อนี้ เรื่องแบบนี้นะ (เฉลยตั้งแต่ต้นยันจบแล้ว)

มันเลยไม่แปลกครับ ต่อให้สายที่จะคุยไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ปลายสายที่เหมือนคุยสดอ่ะ เขารู้เรื่องตั้งแต่ต้นยันจบแล้วท่าน

หรืออยากให้เนียน หาทีมงานโทรกระหน่ำๆไปฝากเรื่อง เรื่องไหนที่คลื่นเขาคัดว่าจะให้ออกอากาศ เขาจะบอกเลยว่าจะโทรกลับมาหาเราเอง (ไม่ต้องออกค่าโทรตอนรายการสด)

เสริมนะครับ เท่าที่ผมดูรายการสดจริงๆที่ไม่ได้เตรี๋ยมคนไว้จะมีไม่กี่รายการ ของน้าเน็คอ่ะ ผมยืนยันว่าไม่ได้เตรี๊ยมหน้าไมค์ไว้เลย


ถ้ามว่าทำไมต้องเตรียมสายหน้าไมค์ไว้ตอนออกอากาศสด กันพวกที่จะโทรมาพูดคำหยาบ กวนบาทา ไงท่าน

มีคำหลุดด่า หยาบออกอากาศนี้ คลื่นเสียหายนะ ยกตัวอย่างนาย A โทรมาฝากร้าน ด่า สปอตโฆษณาสักตัวในรายการนี้ เผลอๆ รายการโดนถอดได้เลยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Pepsi Man เมื่อ Thu Jan 21, 2021 16:59, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel