ณัฎฐพล ซัดแกนนำม็อบยุเด็กให้ใส่ชุดไปรเวทมาเรียน ชี้มีโทษเบาไปถึงขั้นไล่ออก
“ณัฎฐพล” ซัดแกนนำใจร้ายเอาเด็กมาเผชิญหน้ากับสถานศึกษายุถอดเครื่องแบบ.นัดแต่งชุดไปรเวทมาเรียน ชี้ผิดระเบียบกระทรวงศึกษาฯ มีโทษเบาไปหาหนักไม่ถึงขั้นไล่ออก มั่นใจมีผู้ปกครอง-เด็กอื่นๆสบายใจที่จะใส่เครื่องแบบกว่า 50%
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักเรียนเลวรณรงค์ให้นักเรียนแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียน แทนการแต่งเครื่องแบบนักเรียนเพื่อแสดงออกถึงสิทธิในร่างกายตนเองว่า ระเบียบเรื่องแต่งกายของกระทรวงศึกษาธิการมีอยู่แล้ว ดังนั้นหากแต่งชุดอื่นมาโรงเรียนถือว่าผิดระเบียบ และถึงแม้จะมีการพูดคุยถึงเรื่องการแต่งกาย แต่ยังไม่มีการแก้ไขระเบียบ รวมถึงเรื่องทรงผมด้วย ยังต้องรอความเห็นจากคณะครู และผู้บริหารโรงเรียนก่อนว่าสามารถทำได้หรือไม่ ยืนยันยังต้องใช้ระเบียบเดิมไปก่อน และเชื่อว่าทางโรงเรียนจะมี มาตรการต่างๆ และต้องพูดคุยกับนักเรียนว่า เราอยู่ในสังคมที่ต้องมีระเบียบวินัย เมื่อกฎระเบียบยังไม่เปลี่ยนต้องปฎิบัติตามในทุกๆเรื่อง หากไม่ทำตามจะมีผลกระทบ สำหรับบทลงโทษ แต่ละโรงเรียนจะมีมาตรการที่แตกต่างกัน แล้วแต่ความรุนแรงของการแสดงออก แต่ระเบียบของกระทรวงระบุไว้ชัดเจน ว่าจะเริ่มจากการพูดคุยทำความเข้าใจกับนักเรียน จากนั้นจะมีการเชิญผู้ปกครองมาชี้แจง ถึงบทลงโทษ ซึ่งจะไม่รุนแรงถึงขั้นไล่ออก
นายณัฎฐพล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่โทษนักเรียน แต่แกนนำคนที่คิดเรื่องนี้ใจร้าย ในการเอานักเรียนมายืนเผชิญหน้ากับสถานศึกษา แต่เวลาชุมนุมกลับไม่เห็นคนที่อยู่เบื้องหลัง วันนี้คนที่ได้รับผลกระทบ คือเด็กนักเรียน แล้วแกนนำที่จะมารับผลกระทบเรื่องนี้อยู่ไหน และหวังว่า เรื่องนี้จะสามารถเจรจาพูดคุยกับนักเรียนได้ เพราะหน้าที่หลักคือการเรียนหนังสือ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าตนเองมีหน้าที่ในการรักษากฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ และย้ำว่ากำลังพิจารณาความเหมาะสมเรื่องการแต่งกาย เชื่ออีกไม่นานจะแล้วเสร็จ เพราะยังติดปัญหาจะให้นักเรียนแต่งชุดไพรเวทมาเรียนทั้งประเทศไม่ได้ เพราะอาจสร้างปัญหาให้กับครูและผู้ปกครองว่า ชุดที่นักเรียนใส่มีความเหมาะสมแล้วหรือไม่ เพราะชุดอาจจะโป๊ หรือไม่เหมาะสมกับสถาน แต่มีความเป็นไปได้ในอนาคตจะให้แต่งชุดไพรเวทได้ 1 ครั้งต่อเดือนหรือ 1 ครั้งต่อเทอม ทั้งนี้ย้ำว่าทุกปัญหาพร้อมรับฟังและพยายามแก้ไขแต่จะให้ทำทันทีถูกใจทุกคนเป็นไปไม่ได้และมั่นใจมีนักเรียนและผู้ปกครองมากกว่า 50 % ยังสบายใจที่จะใส่ชุดนักเรียน
ที่มา
https://www.dailynews.co.th/politics/810099