เคยฟังจากคนรู้จักที่เป็นกรรมการลีกระดับล่างนี้ ไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นกรรมการแบบนี้ เพราะเวลาไปเป่าทีกรรมการจะถูกเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีแล้วถ้าไม่เอียงก็ออกจากสนามยากอีก

"หัวข้อที่หนึ่งพูดคำหยาบ ท้าทายนักฟุตบอลของทีม พราม ตลอดเวลา ตรงนี้ผมได้ทำรายงาน ซึ่งทางสมาคมฯ ได้ให้ผมเข้าไปชี้แจงการทำหน้าที่ในวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่วันนั้นผมติดภารกิจเข้านายทหารเวร จึงไปให้ปากคำไม่ได้ จึงทำหนังสือฉบับนี้ขึ้นมาลงวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ให้กับสมาคมฯ เพื่อชี้แจงเหตุผล"
"เคสนี้ผมขอปฏิเสธ ถามว่าในการตัดสินจริง คุณกล้าให้ (อวัยวะเพศชาย)นักกีฬาเหรอ นักกีฬาจะไม่ต่อยคุณเหรอ คุณจะสามารถคุมเกม ซื้อใจผู้เล่นได้เหรอ ซึ่งคณะกรรมการฯ ถามว่าผมได้พูดคำหยาบจริงไหม ผมก็ยอมรับว่าพูดจริงตอนเดินออกจากสนามด้วยความที่ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง โดนด่า ทำร้ายจิตใจก็หลุด ผมพูดไปว่า มึงจะเอาอะไรกับกูนักหนา แล้วเดินออกมา แต่ทีม พราม ได้เติมแต่งว่า ใช้คำพูดท้าทายนักเตะทีมพรามตลอดเวลา ผมเพิ่งเจอคุณครั้งแรก เราไม่ได้มีความโกรธความเกลียดกันมาก่อน นี่คือข้อที่หนึ่งที่ผมโดนบิดเบือน"
"ผลการพิจารณาโทษของผมมีทั้งหมดสองหน้ากระดาษ A4 ที่ทุกท่านคงได้อ่านไปแล้วต่อจาก 4 ข้อกล่าวหา ที่เพจต่างๆได้เอามาลง ซึ่งมันไม่ยุติธรรมกับผม เพราะแผ่นแรกหายไปไหน แผ่นแรกคือผลการพิจารณาที่แท้จริงหายไปไหน"
"ข้อสองผู้เล่นหมายเลข 4 ของ นนทบุรี เข้ามากดดันผม เพราะสกอร์ตามหลัง และจะจบการแข่งขันด้วยคำพูด เห้ย จารย์ที่นี่บ้านผมนะจะไม่ช่วยกันเลยเหรอ ผมจึงตอบกลับไปว่า จะให้ช่วยอะไร จะให้เป่าจุดโทษเลยเหรอ ซึ่งขณะนั้นมีผู้เล่นทีมพรามยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งทางผู้เล่นพรามได้พูดว่า จะขอจุดโทษกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ ผมได้ยินดังนั้นจึงเข้าไปชาร์จตัวชี้แจงว่า มันไม่ใช่ เมื่อมันไม่ใช่จุดโทษจะเป่าได้อย่างไร"
“ข้อสามที่กล่าวหาว่า ตะคอกใส่ผู้เล่นทีมพรามว่า มึงไปร้องเรียนเลยกูไม่กลัวหรอก เหตุการณ์ตอนนั้นผมกำลังเดินเข้าอุโมงค์ได้มีผู้เล่นสำรองของทีมพรามวิ่งเข้ามาหา บอกว่ากูจะร้องเรียนมึงให้เละ ผมก็ตอบกลับไปว่า ร้องเรียนไปเลย กูไม่กลัวมึงหรอก แล้วผมก็เข้าห้องผู้ตัดสินไป"
"ข้อสี่ได้พูดติดต่อกับผู้ตัดสินที่ 4 ว่าอย่าเพิ่งยกทดเวลา โดยที่ผู้เล่นของทีมพรามได้ยินกันชัดเจน อย่างแรกผมขออธิบายการทำงานของผู้ตัดสินทั้ง 4 คนก่อน ผู้ตัดสินที่ 4 มีหน้าที่ควบคุมดูและซุ้มนั่งสำรอง และเขตเทคนิครับผิดชอบการเปลี่ยนตัว และยกทดเวลา ในวันนั้นนาฬิกาบนสกอร์บอร์ดของสนามแข่งขันไม่ตรงกับนาฬิกาของผู้ตัดสิน ซึ่งนาฬิกาของผู้ตัดสินทั้ง 4 คนกดเวลาเดินพร้อมกันยังไม่รวมถึงผู้ประเมินผู้ตัดสินมีนาฬิกาอีกสองตัว และแมตช์คอมที่มีนาฬิกาอีกหนึ่งตัว"
"เท่ากับว่าวันนั้นทีมงานผู้ตัดสินมีนาฬิกาทั้งหมด 7 เรือน ในการยกทดเวลาทั้งครึ่งแรก และหลัง ครึ่งแรกจะต้องยกนาทีที่ 45 เป๊ะ เช่นเดียวกับครึ่งหลัง นาทีที่ 90 ซึ่งผู้ตัดสินได้เดินไปบริเวณข้างสนามตามที่นาฬิกาตัวเองได้จับไว้เพื่อยกทดเวลา ซึ่งตรงนี้หลักฐานมีอยู่ในไลฟ์สดในเพจ นนทบุรี ยูไนเต็ด ผมท้าให้ลองจับเวลาว่าครบ 45 นาทีไหม"
“ในนาทีที่ 43 ของครึ่งเวลาแรก และนาทีที่ 87 ของครึ่งเวลาหลัง สมมติทดสอง ผมจะให้สัญญาณทด 2 นาที จากนั้นผู้ตัดสินที่ 4 จะนำป้ายให้ดูว่าใช่หรือไม่ จากนั้นจะทำการยกป้ายเพื่อทดเวลา ดังนั้นข้อกล่าวหานี้เป็นไปไม่ได้ และผมไม่ได้พูดด้วย ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทีมต้องการอะไรถึงมาใส่ร้ายผมแบบนี้ เพราะหากผมสั่งให้ทดเวลาช้า เกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่แค่ผมคนเดียว เพราะยังมีแมตช์คอมถามผมแน่ รวมถึงทีมเจ้าบ้าน และการไลฟ์สดที่เป็นหลักฐานชั้นดีว่า ผมทำผิดกติกา"
"จากรายงานผลการพิจารณานะครับ กรณีที่สโมสรร้องเรียนมาในนาทีที่ 94 ของการแข่งขัน นายอนุสรณ์ แสงเนตร ผู้ตัดสินเป่านกหวีดให้สัญญาณว่ามีการทำฟาวล์เกิดขึ้น หน้าเขตโทษ คณะอนุกรรมการได้แจ้งผลการพิจารณาได้แจ้งผลการพิจารณาให้ตัวแทนสโมสรมารับฟังผลการพิจารณาว่า”
“นายอนุสรณ์ ผู้ตัดสิน ได้ตัดสินถูกต้องนะครับ เนื่องจากผู้เล่นสโมสรพราม ได้กระทำผิดกฎกติกาด้วยการชนจากด้านหลัง ผู้เล่น นนทบุรี ยูไนเต็ด ส.บุญมีฤทธิ์ ตามกติกา laws of the game 2020-2021 ข้อที่ 12 การกระทำผิดกติกา และ เสียมารยาทในหัวข้อของการชาร์จ”
“คณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง ส่วนกรณีนายอนุสรณ์ แสงเนตร ผู้ตัดสินปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง เพราะกระทำผิดตามระเบียบข้อบังคับจรรยาบรรณเนื่องจากได้ผู้คำหยาบคาย ด่าผู้เล่นด้วยถอยคำหยาบคาย พร้อมกับมีคำพูดท้าทายว่า มึง ไปร้องเรียนเลย กูไม่กลัวมึงหรอก”
“คณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นานอนุสรณ์ แสงเนตร ผู้ตัดสินแสดงพฤติกรรมผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ และ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย ส่งผลถึงสมาคมฟุบอลแห่งประเทศไทยฯ ด้วย”
“ซึ่งในข้อนี้ ถ้าเพื่อนๆ อ่าน ผมยังไม่เคลียร์นะว่า ตกลงใน 4 หัวข้อ ตัดสินผมผิดทั้ง 4 หัวข้อเลยใช่มั้ย ผมเลยได้โทรกลับไปที่สมาคมฯ ว่า ตกลงผมผิดห้อข้อไหนบ้าง จาก 4 หัวข้อที่เขาร้องเรียนมา คือ พูดคำหยาบคายตลอดเวลา, พูดว่าเดี๋ยวเป่าจุดโทษให้, ตะคอกกับผู้เล่นว่า ไปร้องเรียนเลย กูไม่กลัวมึง, พูดคุยติดต่อกับโค้ชว่าอย่าเพิ่งยกทด ผมก็เลยถามว่าผมผิดข้อไหนใน 4 ข้อนี้"
“เจ้าหน้าที่ได้แจ้งผมมาว่า ผมผิดใน 2 หัวข้อ 1.พูดคำหยาบ (อวัยวะเพศชาย) ท้าทายใส่นักฟุตบอลทีมพราม แต่ผมไม่ได้พูดตลอดเวลานะ อันนี้ผมกล้าสาบานเลยว่า ทีมพราม แต่งเติม ป้ายสีผม เพื่อต้องการดร็อปผมให้นานๆ ด้วยความที่แค้น เจ็บใจ เพราะว่าไม่สามารถเอาคลิปวีดีโอ หรือ ความผิดพลาดในการตัดสินในเกม มาเล่นงานผมได้ เลยปั้นแต่งคำพูดขึ้นมา เพื่อให้ผมโดนลงโทษ”
“และในการโทรมาหาผม ในวันพิจารณา ซึ่งผมอยู่ที่ทำงาน พร้อมเปิดลำโพงให้ที่ประชุม ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พิจารณา ซึ่งข้อนี้ผมยอมรับ ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมเป็นทหารอากาศ ผมกล้าทำ ผมกล้ายอมรับ ผมบอกครับ ผมพูดจริง แต่ผมพูดตอนผมเดินออกมา ไม่ได้พูดตลอดเวลา ขอให้เข้าใจตามนี้นะครับ”
“ส่วนข้อที่ 2 ที่ผมผิด นั่นคือข้อ 3 ตะคอกใส่ผู้เล่นพราม ว่าไปร้องเรียนเลย กูไม่กลัวมึงหรอก ผมก็ยอมรับในที่ประชุมอีก จากโทรศัพท์ที่เปิดกลางที่ประชุมว่า ครับ ผมพูด ผมยอมรับครับ ผมเป็นลูกผู้ชายครับ ไม่ใช่หน้าตัวเมีย ที่ต้องมาปั้นแต่งข้อความอะไรพวกนี้ มาใส่ร้ายคนอื่น กล้าทำ กล้ายอมรับครับ ดังนั้น คณะกรรมการเลยพิจารณาว่าผมผิด 2 หัวข้อนี้ และ สำหรับการตัดสินในสนาม ผมถูกต้องหมดทุกเคส ไม่สามารถพิจารณาลงโทษผมได้”
“ดังนั้นในหัวข้อที่ว่า เดี๋ยวเป่าจุดโทษให้ ซึ่งผมได้เปิดคลิปเสียงให้ทุกคนได้ยินไปแล้ว กับ ได้ตัดสินผู้ช่วยว่าอย่ายกทดเจ็บ ซึ่งอันนี้ผมก็อธิบายไปแล้ว และ ผมมีพยานจากผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 พร้อมผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ในวันนั้นอีก 3 คน พร้อมแมตซ์คอม และ ผู้ประเมินการแข่งขัน ที่พอเป็นพยานให้ผมได้ ซึ่งตรงนี้ทางสมาคมฯ ได้โทรไปสอบถามมาทั้งหมดแล้ว และ ตกไป ผมชนะในคดี้พวกนี้หมด”
➡️➡️ คำชี้แจงจาก อนุสรณ์ แสงเนตร ผู้ตัดสินที่กลายเป็นข่าวดังในช่วงนี้

ข้อมูลจากเพจ จอน : https://www.facebook.com/KajohnyosChoketanasret

ใครกำลังจะด่าใจเย็นๆก่อนนะ ผมว่ามีโอกาสหน้าแหกเลย

มาจากไลฟ์นี้ครับ ลองฟังกันดู

เปิดดูคลิปจากเว็บเฟสบุค