ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Dec 2009
ตอบ: 7857
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 20:22
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
liveranfield พิมพ์ว่า:
พ่อแม่บ้านใครเป็นเหมือนผมบ้าง เห็นด้วยกับ3ข้อเรียกร้อง เห็นด้วยที่อยากให้มีปฏิรูป อยากให้ทำมากๆ ไม่ชอบคนปัจจุบันแต่ยังรักคนก่อน  


ผมว่าโอเคนะ ในส่วนรักชอบ ก็ปล่อยเค้าไปครับ เราไม่สามารถบังคับความศรัทธาของใครได้
แต่ยังไงก็ต้องมีการปฏิรูปครับ หากสนับสนุน และเห็นด้วย ผมว่าโอเค ปล่อยเค้าศรัทธาไปครับ
เราก็ค่อยๆ แซะนิดๆหน่อยให้เค้าตาสว่างทีละเล็กละน้อย ค่อยๆแยบ ผมว่าตราบใดที่พ่อแม่ยัง
มีการสนับสนุนให้ปฏิรูปสถาบัน ผมว่ายังมีโอกาสที่จะดึงให้เค้าตาสว่าง
แก้ไขล่าสุดโดย mashiplay เมื่อ Tue Oct 20, 2020 20:23, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Feb 2011
ตอบ: 73
ที่อยู่: พลูโต
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 20:28
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
SilverCross พิมพ์ว่า:
รัฐบาลทหารเอาเรื่องบริหารไปรวมกับสถาบันมั่วไปหมด มีงบก็ตีเข้ากองพระราชวัง
มีกำลังพลก็แปลงเป็นมหาเล็ก มีที่ดินว่างก็ทำเป็นกองพันรักษาฯ
พอออกมากดดันรับาล รัฐบาลก็รีบเหมารวมเลยว่าจะล้มสถาบัน เพราะรัฐบาลทำทุกอย่างเเพื่อสถาบันไม่เห็นเหรอ  


ตอนนี้สถาบันความนิยมตก แล้วก็ยากมากที่จะทำให้กลับไปป๊อปปูล่าได้อีกครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 25 Nov 2010
ตอบ: 8622
ที่อยู่: บนเนินสีเขียวๆ
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 20:32
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
liveranfield พิมพ์ว่า:
พ่อแม่บ้านใครเป็นเหมือนผมบ้าง เห็นด้วยกับ3ข้อเรียกร้อง เห็นด้วยที่อยากให้มีปฏิรูป อยากให้ทำมากๆ ไม่ชอบคนปัจจุบันแต่ยังรักคนก่อน  


ผมว่าอันนี้เรื่องเล็กครับ พ่อแม่ผมก็เป็น
แต่ผมไม่เถียงพวกเค้าแล้ว 9 ไม่อยู่แล้วครับ รักแค่ไหนก็กลับมาไม่ได้
แล้ว 10 อาการหนักมากครับ ถ้าตรงนี้เห็นตรงกัน ก็พวกเดียวกันครับ
ดูแล้ว 11 12 13 ก็คงยากที่จะทำให้กลับมาแบบสมัย 9

เพราะงั้นตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยสนใจละ ใครรัก9 แต่ถ้าเห็นว่า10 เป็นปัญหา เชิญมาม๊อบครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออฟไลน์
ผู้จัดการทีม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Oct 2005
ตอบ: 38635
ที่อยู่: Kanagawa, Japan
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 20:36
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
ใครที่ยังตั้งคำถามว่า รักรัชกาลที่ 9 และเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ เรามีสิทธิ์จะรักและรำลึกถึงใครก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ลองตอบตัวเองดู ว่าความคิดแบบนี้มันย้อนแย้ง และไม่สมเหตุสมผลรึเปล่า

==================================================================================

ผมมีเพื่อน+ผู้ใหญ่แบบนี้เยอะมากเลยนะ..เอาจริงๆมากกว่าคนที่ไม่รักอีก (ที่รู้ก็คือตอนโพสต์ของวันที่ 13 และโพสต์สนับสนุนม็อบ)

ซึ่ง คหสต.ผมก็ไม่คิดว่าแย่อะไร ก็ในเมื่อปลายทางเหมือนกัน คือปฏิรูปสถาบันตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม เราจะมาแบ่งกันทำไม

ในเมื่อเค้ารักคนเก่ามากๆ แต่ยังอยากให้ปฏิรูปสถาบัน..นั่นก็แปลว่าเค้าเห็นแล้วว่าระบบ(สถาบัน)มีปัญหา เพราะระบบไม่ใช่ตัวบุคคล

ขนาดคุณเคยรักคนๆนึงมากและปล่อยให้สถาบันใหญ่เกินกว่าใครๆ แตะต้องไม่ได้ เพราะคุณคิดว่าสถาบันจะดีงามเหมือนคนที่คุณรัก

แต่ในวันนี้คุณเพิ่งตระหนักว่าบุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่อำนาจของสถาบันยังอยู่และมันล้นเกินไป..มันจำเป็นต้องปฏิรูป

ผมว่ามันก็ไม่ได้เสียหายป่ะฮะ..เมื่อสถานะของคนเคยรักและคนเคยไม่รัก เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องปฏิรูปเท่านั้น


มันก็เหมือนระบอบเผด็จการ..สมมติอดีตแม่งมีผู้นำที่มี image แบบ ideal มากๆ ทำประเทศชาติเจริญทุกอย่าง..ประชาชนอยู่ดีกินดี

ประชาชนก็หน้ามืดตามัวหลงคิดว่าระบอบเผด็จการนี้มันดีที่สุด จะเอาประชาธิปไตยทำไม ในเมื่อผู้นำบริหารดีขนาดนี้..

ฝั่งประชาธิปไตยก็ให้เหตุผลว่า "แล้วถ้าวันหน้ามึงเจอผู้นำ hereๆล่ะ ระบอบนี้มันยังดีอยู่มั๊ย?..อำนาจมันควรเป็นของประชาชน"

ซึ่งสมมติในวันที่พูดนั้น คนมันยังนึกไม่ออกก็เทิดทูนเผด็จการไป..จนมาวันนึงถึงยุค here เป็นผู้นำขึ้นมาจริงๆ มันถึงตระหนักได้

ซึ่งเมื่อมันนึกได้ มันอยากปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตย..ก็เป็นปลายทางเดียวกันแล้วถูกมั๊ยฮะ มาร่วมกันสู้เพิ่มพลังมวลชน

แล้วจะถอยไปเถียงเรื่องผู้นำคนเก่าทำไมว่า เฮ้ย กูเบิกเนตรมารู้ว่าแม่งสร้างภาพว่ะ แม่งเลวนะ..ไม่ใช่คนดีอะไร

สุดท้ายแทนที่จะได้พวกเพิ่มเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปเปลี่ยนระบอบ..กลายเป็นมาทะเลาะกันระหว่างคนที่คิดว่าดี กับคนที่คิดว่าเลว

ผมว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยอ่ะ กลายเป็น topic นี้เหมือนจะอยากเอาชนะกันอย่างเดียว



ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Jan 2011
ตอบ: 1163
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 20:37
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
Vyse พิมพ์ว่า:
liveranfield พิมพ์ว่า:
พ่อแม่บ้านใครเป็นเหมือนผมบ้าง เห็นด้วยกับ3ข้อเรียกร้อง เห็นด้วยที่อยากให้มีปฏิรูป อยากให้ทำมากๆ ไม่ชอบคนปัจจุบันแต่ยังรักคนก่อน  


ผมว่าอันนี้เรื่องเล็กครับ พ่อแม่ผมก็เป็น
แต่ผมไม่เถียงพวกเค้าแล้ว 9 ไม่อยู่แล้วครับ รักแค่ไหนก็กลับมาไม่ได้
แล้ว 10 อาการหนักมากครับ ถ้าตรงนี้เห็นตรงกัน ก็พวกเดียวกันครับ
ดูแล้ว 11 12 13 ก็คงยากที่จะทำให้กลับมาแบบสมัย 9

เพราะงั้นตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยสนใจละ ใครรัก9 แต่ถ้าเห็นว่า10 เป็นปัญหา เชิญมาม๊อบครับ  


วันนี้ถกกันไป ผมชี้ว่า 9 ไม่อยู่แล้ว 10 เป็นไง ทุกคนบอก ไปม๊อบ
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: ทุกสิ่งล้วนเป็นเรื่องสมมติ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Jan 2009
ตอบ: 20077
ที่อยู่: รูในแอปเปิ้ล
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 21:04
[RE]เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)
ผมชอบที่ทนายอานนท์พูดนะ. อย่าแขวะ อย่าแซะ อย่าเฮทสปีดสร้างความเกลียดชัง เกี่ยวกับสถาบัน

ให้พูดตรงๆ ไปเลย อะไรดีไม่ดี ควรทำไม่ควรทำ อันไหนต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง

ต้องการความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ต้องการล้มล้าง

แบบนี้ถึงจะจบแบบ ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขได้
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
9
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: นักแซะในตำนาน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Dec 2013
ตอบ: 11300
ที่อยู่: มอดอว์
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 21:07
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
ผมมองคล้ายๆ ท่านครับ รบ. ไม่สนใจอะไร มัวแต่จะแบ่งเค้ก ซื้อของ หาค่าคอม ไม่ได้สนใจว่าปชช. เรียกร้องอะไร
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ซุปตาร์ยูโร
Status: Don't kick the chair
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 10984
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 22:08
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
ถ้้าคุณอยู่แล้วไม่ได้แก้ปัญหา คุณก็คือส่วนนึงของปัญหา
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 8904
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 22:12
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
ใครที่ยังตั้งคำถามว่า รักรัชกาลที่ 9 และเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ เรามีสิทธิ์จะรักและรำลึกถึงใครก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ลองตอบตัวเองดู ว่าความคิดแบบนี้มันย้อนแย้ง และไม่สมเหตุสมผลรึเปล่า

==================================================================================

ผมมีเพื่อน+ผู้ใหญ่แบบนี้เยอะมากเลยนะ..เอาจริงๆมากกว่าคนที่ไม่รักอีก (ที่รู้ก็คือตอนโพสต์ของวันที่ 13 และโพสต์สนับสนุนม็อบ)

ซึ่ง คหสต.ผมก็ไม่คิดว่าแย่อะไร ก็ในเมื่อปลายทางเหมือนกัน คือปฏิรูปสถาบันตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม เราจะมาแบ่งกันทำไม

ในเมื่อเค้ารักคนเก่ามากๆ แต่ยังอยากให้ปฏิรูปสถาบัน..นั่นก็แปลว่าเค้าเห็นแล้วว่าระบบ(สถาบัน)มีปัญหา เพราะระบบไม่ใช่ตัวบุคคล

ขนาดคุณเคยรักคนๆนึงมากและปล่อยให้สถาบันใหญ่เกินกว่าใครๆ แตะต้องไม่ได้ เพราะคุณคิดว่าสถาบันจะดีงามเหมือนคนที่คุณรัก

แต่ในวันนี้คุณเพิ่งตระหนักว่าบุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่อำนาจของสถาบันยังอยู่และมันล้นเกินไป..มันจำเป็นต้องปฏิรูป

ผมว่ามันก็ไม่ได้เสียหายป่ะฮะ..เมื่อสถานะของคนเคยรักและคนเคยไม่รัก เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องปฏิรูปเท่านั้น


มันก็เหมือนระบอบเผด็จการ..สมมติอดีตแม่งมีผู้นำที่มี image แบบ ideal มากๆ ทำประเทศชาติเจริญทุกอย่าง..ประชาชนอยู่ดีกินดี

ประชาชนก็หน้ามืดตามัวหลงคิดว่าระบอบเผด็จการนี้มันดีที่สุด จะเอาประชาธิปไตยทำไม ในเมื่อผู้นำบริหารดีขนาดนี้..

ฝั่งประชาธิปไตยก็ให้เหตุผลว่า "แล้วถ้าวันหน้ามึงเจอผู้นำ hereๆล่ะ ระบอบนี้มันยังดีอยู่มั๊ย?..อำนาจมันควรเป็นของประชาชน"

ซึ่งสมมติในวันที่พูดนั้น คนมันยังนึกไม่ออกก็เทิดทูนเผด็จการไป..จนมาวันนึงถึงยุค here เป็นผู้นำขึ้นมาจริงๆ มันถึงตระหนักได้

ซึ่งเมื่อมันนึกได้ มันอยากปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตย..ก็เป็นปลายทางเดียวกันแล้วถูกมั๊ยฮะ มาร่วมกันสู้เพิ่มพลังมวลชน

แล้วจะถอยไปเถียงเรื่องผู้นำคนเก่าทำไมว่า เฮ้ย กูเบิกเนตรมารู้ว่าแม่งสร้างภาพว่ะ แม่งเลวนะ..ไม่ใช่คนดีอะไร

สุดท้ายแทนที่จะได้พวกเพิ่มเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปเปลี่ยนระบอบ..กลายเป็นมาทะเลาะกันระหว่างคนที่คิดว่าดี กับคนที่คิดว่าเลว

ผมว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยอ่ะ กลายเป็น topic นี้เหมือนจะอยากเอาชนะกันอย่างเดียว



 
 

เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสนับสนุนการปฏิรูปด้วยเหตุผลนั้นครับ เช่นถ้าเขาชอบคนเก่าแต่เกลียดคนใหม่แล้วสนับสนุนการปฏิรูป หมายความว่าคนๆนั้นแท้จริงอาจจะไม่ได้เกิดศรัทธาในความเป็นระบบอะไร เพียงแต่หมดศรัทธาในตัวบุคคลปัจจุบันเฉยๆ ถ้าเราไปถามเขาว่าแบบนี้ถ้าตัวบุคคลที่เขายังศรัทธายังอยู่ ยังคิดว่าต้องปฏิรูปหรือไม่ อาจจะได้รับคำตอบว่า ''ไม่จำเป็น''

ส่วนในบริบทของผู้เขียนบทความ ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าคุณยอมรับว่าระบอบนี้มีปัญหาคุณก็ต้องยอมรับว่าระบอบนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทุจริต และตัวบุคคลนั้นเขาใช้คำว่าเป็น ''ฟันเฟืองสำคัญ'' ก็หมายความว่าในเมื่อคุณยอมรับว่าระบอบที่เขาสร้างมามันไม่สุจริต คุณจะยังรักผู้ที่สร้างมันมาได้อย่างไร มันไม่ make sense อยู่แล้ว

หรือถ้าคุณบอกว่า ''ปัญหา'' ของระบบที่คุณว่าไม่ใช่เรื่องการทุจริต แต่หมายถึงเหมาะสมหรือไม่ตามยุคสมัยเท่านั้นก็ยิ่งแปลก เพราะปัญหาที่ม๊อบเรียกร้องกันอยู่ตอนนี้คือการทับซ้อนกันระหว่าง absolute monarchy กับ democracy ผมคิดไม่ออกว่าใครจะบอกว่าเขายอมรับว่าระบอบมีปัญหาโดยไม่ยอมรับว่าเป็นปัญหาเรื่องการทับซ้อนกันของ 2 ระบอบได้อย่างไร(เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนๆนั้นก็ต้องบอกว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดย ''สมบูรณ์''อยู่แล้ว)

ดังนั้นการที่คนๆนึงยอมรับว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องมีกลุ่มคนที่สร้างระบอบ absolute monarchy ในคราบ democracy ขึ้นมา(หรือที่ต่างประเทศแซวว่าเป็น neo-absolute monarchy) แต่กลับรักฟันเฟืองสำคัญที่สร้างระบอบนี้ขึ้นมา จึงเป็นอะไรที่ยิ่งตอกย้ำเลยว่าระบอบ neo-absolute monarchy มันหยั่งรากลึกในประเทศไทยจริงๆ
3
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้จัดการทีม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Oct 2005
ตอบ: 38635
ที่อยู่: Kanagawa, Japan
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 22:47
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
Pemberton พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
ใครที่ยังตั้งคำถามว่า รักรัชกาลที่ 9 และเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ เรามีสิทธิ์จะรักและรำลึกถึงใครก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ลองตอบตัวเองดู ว่าความคิดแบบนี้มันย้อนแย้ง และไม่สมเหตุสมผลรึเปล่า

==================================================================================

ผมมีเพื่อน+ผู้ใหญ่แบบนี้เยอะมากเลยนะ..เอาจริงๆมากกว่าคนที่ไม่รักอีก (ที่รู้ก็คือตอนโพสต์ของวันที่ 13 และโพสต์สนับสนุนม็อบ)

ซึ่ง คหสต.ผมก็ไม่คิดว่าแย่อะไร ก็ในเมื่อปลายทางเหมือนกัน คือปฏิรูปสถาบันตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม เราจะมาแบ่งกันทำไม

ในเมื่อเค้ารักคนเก่ามากๆ แต่ยังอยากให้ปฏิรูปสถาบัน..นั่นก็แปลว่าเค้าเห็นแล้วว่าระบบ(สถาบัน)มีปัญหา เพราะระบบไม่ใช่ตัวบุคคล

ขนาดคุณเคยรักคนๆนึงมากและปล่อยให้สถาบันใหญ่เกินกว่าใครๆ แตะต้องไม่ได้ เพราะคุณคิดว่าสถาบันจะดีงามเหมือนคนที่คุณรัก

แต่ในวันนี้คุณเพิ่งตระหนักว่าบุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่อำนาจของสถาบันยังอยู่และมันล้นเกินไป..มันจำเป็นต้องปฏิรูป

ผมว่ามันก็ไม่ได้เสียหายป่ะฮะ..เมื่อสถานะของคนเคยรักและคนเคยไม่รัก เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องปฏิรูปเท่านั้น


มันก็เหมือนระบอบเผด็จการ..สมมติอดีตแม่งมีผู้นำที่มี image แบบ ideal มากๆ ทำประเทศชาติเจริญทุกอย่าง..ประชาชนอยู่ดีกินดี

ประชาชนก็หน้ามืดตามัวหลงคิดว่าระบอบเผด็จการนี้มันดีที่สุด จะเอาประชาธิปไตยทำไม ในเมื่อผู้นำบริหารดีขนาดนี้..

ฝั่งประชาธิปไตยก็ให้เหตุผลว่า "แล้วถ้าวันหน้ามึงเจอผู้นำ hereๆล่ะ ระบอบนี้มันยังดีอยู่มั๊ย?..อำนาจมันควรเป็นของประชาชน"

ซึ่งสมมติในวันที่พูดนั้น คนมันยังนึกไม่ออกก็เทิดทูนเผด็จการไป..จนมาวันนึงถึงยุค here เป็นผู้นำขึ้นมาจริงๆ มันถึงตระหนักได้

ซึ่งเมื่อมันนึกได้ มันอยากปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตย..ก็เป็นปลายทางเดียวกันแล้วถูกมั๊ยฮะ มาร่วมกันสู้เพิ่มพลังมวลชน

แล้วจะถอยไปเถียงเรื่องผู้นำคนเก่าทำไมว่า เฮ้ย กูเบิกเนตรมารู้ว่าแม่งสร้างภาพว่ะ แม่งเลวนะ..ไม่ใช่คนดีอะไร

สุดท้ายแทนที่จะได้พวกเพิ่มเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปเปลี่ยนระบอบ..กลายเป็นมาทะเลาะกันระหว่างคนที่คิดว่าดี กับคนที่คิดว่าเลว

ผมว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยอ่ะ กลายเป็น topic นี้เหมือนจะอยากเอาชนะกันอย่างเดียว



 
 

เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสนับสนุนการปฏิรูปด้วยเหตุผลนั้นครับ เช่นถ้าเขาชอบคนเก่าแต่เกลียดคนใหม่แล้วสนับสนุนการปฏิรูป หมายความว่าคนๆนั้นแท้จริงอาจจะไม่ได้เกิดศรัทธาในความเป็นระบบอะไร เพียงแต่หมดศรัทธาในตัวบุคคลปัจจุบันเฉยๆ ถ้าเราไปถามเขาว่าแบบนี้ถ้าตัวบุคคลที่เขายังศรัทธายังอยู่ ยังคิดว่าต้องปฏิรูปหรือไม่ อาจจะได้รับคำตอบว่า ''ไม่จำเป็น''

ส่วนในบริบทของผู้เขียนบทความ ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าคุณยอมรับว่าระบอบนี้มีปัญหาคุณก็ต้องยอมรับว่าระบอบนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทุจริต และตัวบุคคลนั้นเขาใช้คำว่าเป็น ''ฟันเฟืองสำคัญ'' ก็หมายความว่าในเมื่อคุณยอมรับว่าระบอบที่เขาสร้างมามันไม่สุจริต คุณจะยังรักผู้ที่สร้างมันมาได้อย่างไร มันไม่ make sense อยู่แล้ว

หรือถ้าคุณบอกว่า ''ปัญหา'' ของระบบที่คุณว่าไม่ใช่เรื่องการทุจริต แต่หมายถึงเหมาะสมหรือไม่ตามยุคสมัยเท่านั้นก็ยิ่งแปลก เพราะปัญหาที่ม๊อบเรียกร้องกันอยู่ตอนนี้คือการทับซ้อนกันระหว่าง absolute monarchy กับ democracy ผมคิดไม่ออกว่าใครจะบอกว่าเขายอมรับว่าระบอบมีปัญหาโดยไม่ยอมรับว่าเป็นปัญหาเรื่องการทับซ้อนกันของ 2 ระบอบได้อย่างไร(เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนๆนั้นก็ต้องบอกว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดย ''สมบูรณ์''อยู่แล้ว)

ดังนั้นการที่คนๆนึงยอมรับว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องมีกลุ่มคนที่สร้างระบอบ absolute monarchy ในคราบ democracy ขึ้นมา(หรือที่ต่างประเทศแซวว่าเป็น neo-absolute monarchy) แต่กลับรักฟันเฟืองสำคัญที่สร้างระบอบนี้ขึ้นมา จึงเป็นอะไรที่ยิ่งตอกย้ำเลยว่าระบอบ neo-absolute monarchy มันหยั่งรากลึกในประเทศไทยจริงๆ  


ก่อนอื่น ที่เป็นตัวเล็กสีแดง ผมขออนุญาตตัดทิ้งก่อนเลยนะฮะ คือผมไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอนฮะ..ยุคสมัยไม่มีผลสำหรับผมอ่ะฮะ
สำหรับผมคือ ระบอบมีปัญหาแน่นอนฮะ (เราจะได้คุยกันตรงจุด)

ส่วนอื่นๆที่ผมไม่ได้ทำสีแดง..ผมอยากแชร์ความเห็นแบบนี้ฮะ..

คนกลุ่มนั้นอาจจะเป็นแบบที่ท่านว่า คือยังยึดติดกับบุคคล เผอิญบุคคลในยุคปัจจุบันห่วย เค้าถึงมีความคิดจะเปลี่ยนแปลง

แต่สำหรับผม ถือว่ารับได้ครับ (มันไม่สมบูรณ์จริงฮะ ผมเข้าใจที่ท่านจะสื่อ..คือจริงๆถ้ามองเข้าไปที่รากลึกกว่านั้น ควรจะรู้ตั้งนานแล้ว)

แต่อย่างน้อยเค้าก็รู้แล้วว่าระบอบนี้มันมีปัญหา (ถึงมันจะช้า..ไม่ควรต้องรอให้เพิ่งมาเกิดแบบวันนี้ถึงตาสว่าง)

แน่นอนฮะ ว่าถ้าสมมติมีโลกคู่ขนาน ที่คนใหม่กับคนเก่าไม่ต่างกัน เรียกว่าสืบทอดอำนาจไร้รอยต่อ..

คนพวกนี้ก็คงจะยังไม่ยอมปฏิรูปเหมือนที่ท่านว่าแหละฮะ

แต่ในเมื่อ ณ วันนี้พวกนี้ได้เห็นประจักษ์ถึงปัญหาแล้ว..ผมเลยมองว่าปลายทางเรามาบรรจบที่เรื่องเดียวกันแล้วฮะ

ส่วนเรื่องความ make sense หรืออยากจะสอนให้คนพวกนี้รู้ถึงรากแท้ของปัญหาจริงๆ (จะได้เปลี่ยนทัศนคติเรื่องความรักคนเก่า)

สำหรับผม คือรอให้เป้าหมายหลักเสร็จสมบูรณ์ก่อน(ปฏิรูปสถาบันสำเร็จ) แล้วยังอยากจะ educate คนเหล่านี้เพิ่มก็ไปทำตอนนั้นฮะ


2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 9326
ที่อยู่: ซายูริคอมเพลกซ์
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 23:10
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
คือในประเทศที่เป็นประชาธิปไคยมันไม่ควรมีใครที่มีอำนาจชี้นกเป็นไม้ ชี้หมาเป็นแมวได้ไงครับ

เพราะฉนั้นเราถึงต้องมีการปฎิรูปสถาบันเพื่อให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ควรมีใครได้รับสิทธิิพิเศษ

ไหนจะเรื่องงบประมาณต่อปีที่มากขึ้นเรื่อยๆ ถามว่าอะไรคือความจำเป็นขนาดนั้นทั้งๆที่ระบบหลายๆอย่างในประเทศ

ที่ประชาชนมีความต้องการใช้และต้องการใช้เงินจำนวนมากยังบกพร่องอยู่อีกเยอะ นี่ยังไม่รวมเรื่องอำนาจเส้นสาย

ที่ฝังอยู่ไปทั่ว จะเห็นได้จากการถวายเงินของบริษัทใหญ่ๆทุกปี เพื่อเป็นใบเบิกทางในการทำธุรกิจ

ไหนจะเรื่องการมีหุ้นในบริษัทใหญ่ๆอีก ส่วนตัวคิดว่าไม่สมควรทำ
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Nov 2006
ตอบ: 7345
ที่อยู่: www.juvethailand.com
โพสเมื่อ: Tue Oct 20, 2020 23:33
เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 8904
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Wed Oct 21, 2020 00:07
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
ใครที่ยังตั้งคำถามว่า รักรัชกาลที่ 9 และเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ เรามีสิทธิ์จะรักและรำลึกถึงใครก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ลองตอบตัวเองดู ว่าความคิดแบบนี้มันย้อนแย้ง และไม่สมเหตุสมผลรึเปล่า

==================================================================================

ผมมีเพื่อน+ผู้ใหญ่แบบนี้เยอะมากเลยนะ..เอาจริงๆมากกว่าคนที่ไม่รักอีก (ที่รู้ก็คือตอนโพสต์ของวันที่ 13 และโพสต์สนับสนุนม็อบ)

ซึ่ง คหสต.ผมก็ไม่คิดว่าแย่อะไร ก็ในเมื่อปลายทางเหมือนกัน คือปฏิรูปสถาบันตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม เราจะมาแบ่งกันทำไม

ในเมื่อเค้ารักคนเก่ามากๆ แต่ยังอยากให้ปฏิรูปสถาบัน..นั่นก็แปลว่าเค้าเห็นแล้วว่าระบบ(สถาบัน)มีปัญหา เพราะระบบไม่ใช่ตัวบุคคล

ขนาดคุณเคยรักคนๆนึงมากและปล่อยให้สถาบันใหญ่เกินกว่าใครๆ แตะต้องไม่ได้ เพราะคุณคิดว่าสถาบันจะดีงามเหมือนคนที่คุณรัก

แต่ในวันนี้คุณเพิ่งตระหนักว่าบุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่อำนาจของสถาบันยังอยู่และมันล้นเกินไป..มันจำเป็นต้องปฏิรูป

ผมว่ามันก็ไม่ได้เสียหายป่ะฮะ..เมื่อสถานะของคนเคยรักและคนเคยไม่รัก เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องปฏิรูปเท่านั้น


มันก็เหมือนระบอบเผด็จการ..สมมติอดีตแม่งมีผู้นำที่มี image แบบ ideal มากๆ ทำประเทศชาติเจริญทุกอย่าง..ประชาชนอยู่ดีกินดี

ประชาชนก็หน้ามืดตามัวหลงคิดว่าระบอบเผด็จการนี้มันดีที่สุด จะเอาประชาธิปไตยทำไม ในเมื่อผู้นำบริหารดีขนาดนี้..

ฝั่งประชาธิปไตยก็ให้เหตุผลว่า "แล้วถ้าวันหน้ามึงเจอผู้นำ hereๆล่ะ ระบอบนี้มันยังดีอยู่มั๊ย?..อำนาจมันควรเป็นของประชาชน"

ซึ่งสมมติในวันที่พูดนั้น คนมันยังนึกไม่ออกก็เทิดทูนเผด็จการไป..จนมาวันนึงถึงยุค here เป็นผู้นำขึ้นมาจริงๆ มันถึงตระหนักได้

ซึ่งเมื่อมันนึกได้ มันอยากปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตย..ก็เป็นปลายทางเดียวกันแล้วถูกมั๊ยฮะ มาร่วมกันสู้เพิ่มพลังมวลชน

แล้วจะถอยไปเถียงเรื่องผู้นำคนเก่าทำไมว่า เฮ้ย กูเบิกเนตรมารู้ว่าแม่งสร้างภาพว่ะ แม่งเลวนะ..ไม่ใช่คนดีอะไร

สุดท้ายแทนที่จะได้พวกเพิ่มเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปเปลี่ยนระบอบ..กลายเป็นมาทะเลาะกันระหว่างคนที่คิดว่าดี กับคนที่คิดว่าเลว

ผมว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยอ่ะ กลายเป็น topic นี้เหมือนจะอยากเอาชนะกันอย่างเดียว



 
 

เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสนับสนุนการปฏิรูปด้วยเหตุผลนั้นครับ เช่นถ้าเขาชอบคนเก่าแต่เกลียดคนใหม่แล้วสนับสนุนการปฏิรูป หมายความว่าคนๆนั้นแท้จริงอาจจะไม่ได้เกิดศรัทธาในความเป็นระบบอะไร เพียงแต่หมดศรัทธาในตัวบุคคลปัจจุบันเฉยๆ ถ้าเราไปถามเขาว่าแบบนี้ถ้าตัวบุคคลที่เขายังศรัทธายังอยู่ ยังคิดว่าต้องปฏิรูปหรือไม่ อาจจะได้รับคำตอบว่า ''ไม่จำเป็น''

ส่วนในบริบทของผู้เขียนบทความ ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าคุณยอมรับว่าระบอบนี้มีปัญหาคุณก็ต้องยอมรับว่าระบอบนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทุจริต และตัวบุคคลนั้นเขาใช้คำว่าเป็น ''ฟันเฟืองสำคัญ'' ก็หมายความว่าในเมื่อคุณยอมรับว่าระบอบที่เขาสร้างมามันไม่สุจริต คุณจะยังรักผู้ที่สร้างมันมาได้อย่างไร มันไม่ make sense อยู่แล้ว

หรือถ้าคุณบอกว่า ''ปัญหา'' ของระบบที่คุณว่าไม่ใช่เรื่องการทุจริต แต่หมายถึงเหมาะสมหรือไม่ตามยุคสมัยเท่านั้นก็ยิ่งแปลก เพราะปัญหาที่ม๊อบเรียกร้องกันอยู่ตอนนี้คือการทับซ้อนกันระหว่าง absolute monarchy กับ democracy ผมคิดไม่ออกว่าใครจะบอกว่าเขายอมรับว่าระบอบมีปัญหาโดยไม่ยอมรับว่าเป็นปัญหาเรื่องการทับซ้อนกันของ 2 ระบอบได้อย่างไร(เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนๆนั้นก็ต้องบอกว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดย ''สมบูรณ์''อยู่แล้ว)

ดังนั้นการที่คนๆนึงยอมรับว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องมีกลุ่มคนที่สร้างระบอบ absolute monarchy ในคราบ democracy ขึ้นมา(หรือที่ต่างประเทศแซวว่าเป็น neo-absolute monarchy) แต่กลับรักฟันเฟืองสำคัญที่สร้างระบอบนี้ขึ้นมา จึงเป็นอะไรที่ยิ่งตอกย้ำเลยว่าระบอบ neo-absolute monarchy มันหยั่งรากลึกในประเทศไทยจริงๆ  


ก่อนอื่น ที่เป็นตัวเล็กสีแดง ผมขออนุญาตตัดทิ้งก่อนเลยนะฮะ คือผมไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอนฮะ..ยุคสมัยไม่มีผลสำหรับผมอ่ะฮะ
สำหรับผมคือ ระบอบมีปัญหาแน่นอนฮะ (เราจะได้คุยกันตรงจุด)

ส่วนอื่นๆที่ผมไม่ได้ทำสีแดง..ผมอยากแชร์ความเห็นแบบนี้ฮะ..

คนกลุ่มนั้นอาจจะเป็นแบบที่ท่านว่า คือยังยึดติดกับบุคคล เผอิญบุคคลในยุคปัจจุบันห่วย เค้าถึงมีความคิดจะเปลี่ยนแปลง

แต่สำหรับผม ถือว่ารับได้ครับ (มันไม่สมบูรณ์จริงฮะ ผมเข้าใจที่ท่านจะสื่อ..คือจริงๆถ้ามองเข้าไปที่รากลึกกว่านั้น ควรจะรู้ตั้งนานแล้ว)

แต่อย่างน้อยเค้าก็รู้แล้วว่าระบอบนี้มันมีปัญหา (ถึงมันจะช้า..ไม่ควรต้องรอให้เพิ่งมาเกิดแบบวันนี้ถึงตาสว่าง)

แน่นอนฮะ ว่าถ้าสมมติมีโลกคู่ขนาน ที่คนใหม่กับคนเก่าไม่ต่างกัน เรียกว่าสืบทอดอำนาจไร้รอยต่อ..

คนพวกนี้ก็คงจะยังไม่ยอมปฏิรูปเหมือนที่ท่านว่าแหละฮะ

แต่ในเมื่อ ณ วันนี้พวกนี้ได้เห็นประจักษ์ถึงปัญหาแล้ว..ผมเลยมองว่าปลายทางเรามาบรรจบที่เรื่องเดียวกันแล้วฮะ

ส่วนเรื่องความ make sense หรืออยากจะสอนให้คนพวกนี้รู้ถึงรากแท้ของปัญหาจริงๆ (จะได้เปลี่ยนทัศนคติเรื่องความรักคนเก่า)

สำหรับผม คือรอให้เป้าหมายหลักเสร็จสมบูรณ์ก่อน(ปฏิรูปสถาบันสำเร็จ) แล้วยังอยากจะ educate คนเหล่านี้เพิ่มก็ไปทำตอนนั้นฮะ


 

ก็เหมือนกับสมัยคณะราษฎรยุคนู้นครับ เลือกที่จะปฏิรูปแบบรักษาน้ำใจคนไทยไว้ก่อนแล้วหวังว่าจะไป educate กันทีหลัง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล เพราะไม่ใช่มีแค่ฝั่งเราที่ทำได้ เขาก็ทำได้และทำได้ดีด้วย ก็เริ่มมาก็รอมชอมแล้ว ตอนจะปฏิรูปจริงจะทำได้อย่างไรก็ต้องรอมชอมต่อไปสุดท้ายก็ออกมาแบบที่เห็น

และจริงๆแล้วตั้งแต่ผมประสาเรื่องการเมือง ผมก็เห็นทุกคนต่อสู้ในแนวทางที่คุณว่ามาตลอด คือไปทีละขั้นอย่ารีบร้อน พังเพดานไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยทักษิณไปจนถึงเสื้อแดงก็สู้ด้วยแนวทางนี้ซึ่งไม่เคยได้ผลเลย อย่างเสื้อแดงนี่ทำแบบที่คุณพูดเป๊ะๆ คือรับเอาทั้งกลุ่มคนที่ต้องการปฏิรูปและคนที่ภักดีมาโดยกำหนดเป้าหมายร่วมกันแค่ว่าเรียกร้องประชาธิปไตยก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน สุดท้ายก็ไม่ได้มี impact อะไรต่อสังคมเลย

แต่คนที่ทำให้ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้กลับเป็นคนที่เลือกที่จะพูดแบบตรงไปตรงมาไม่มีเพดานอะไรทั้งนั้น อ.สมศักดิ์ อ.ปวิน ฟ้าเดียวกัน อ.ปิยบุตร มาจนถึง ท.อานนท์ เพนกวิ้น รุ้ง คนพวกนี้ไม่มีอำนาจอะไรเลย แต่กลับ educate คนได้มากกว่าฝ่ายการเมืองที่พยายามทำมาหลายสิบปีเสียอีก

ม๊อบนี้มาไกลที่สุดตั้งแต่ผมติดตามการเมืองมา ทั้งๆที่ตอนแรกยังเหนียมๆกันอยู่เลยจนกระทั่งทนายอานนท์พูดเรื่องแฮรี่พ็อตเตอร์ ตั้งแต่นั้นก็มีการพูดแบบไม่มีเพดานกันมาตลอดจนถึงจุดนี้ ถ้ากลับไปใช้วิธีแบบเดิมก็อาจจะได้มวลชนส่วนนั้นเพิ่ม แต่ต้องเสียคนที่ร่วมต่อสู้มาตั้งแต่แรกแล้วแน่นอน ถ้าวันนึงกลับไปตั้งเพดานอีกว่าตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนหรือแย่กว่านั้นอย่างการที่ต้องแกล้งเออ-ออห่อหมกไปกับเรื่องที่ผิดเพื่อเรียกมวลชนมาเยอะๆไว้ก่อน แล้วหวังว่าจะค่อยๆพังเพดานต่อๆไปในอนาคต จะทำให้เรากลับไปวนลูปเก่าๆหรือไม่ ในเมื่อคุณแกล้งลืมตาข้างหลับตาข้างกับเรื่องบางเรื่องตั้งแต่แรก ในอนาคตคุณจะไปสอนเขาว่าจริงๆมันผิดได้อย่างไร สมมุติ อ.สมศักดิ์เลือกที่จะพูดแค่ในจุดที่เขาคิดว่าคนไทยยอมรับได้ แล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนทีหลังว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่จริงทั้งหมด คิดว่าจะมีผลอย่างไร เราคงไม่ได้เห็นปรากฎการแบบที่เห็นอยู่ตอนนี้

ส่วนตัวผมมั่นใจว่าถ้าวันนึงม๊อบต้องสร้างเพดานใหม่ขึ้นมา ทำแบบที่คุณว่าคือเลือกที่จะไม่ทำร้ายจิตใจคนกลุ่มนึงไปก่อนเพื่อให้เป้าหมายขั้นแรกสำเร็จ เพราะเมื่อคุณยอมรับคนที่ยังศรัทธาในตัวบุคคลหรือสิ่งที่ผิดเข้ามา คุณก็ต้องเลี่ยงที่จะกระทำพูดถึงคนที่เขาศรัทธาแบบเสียๆหายๆอยู่แล้วแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ควรทำ เมื่อนั้นคงเป็นวันที่ม๊อบล่มสลายจริงๆ เพราะคนที่ร่วมสู้กันมาแต่แรกคงไม่เอาด้วยอีกต่อไป เรื่องนี้เหมือนจะปลายทางเดียวกันแต่จริงๆไม่ใช่ เพราะคนกลุ่มหนึ่งกำลังเรียกร้องความถูกต้อง แต่อีกกลุ่มหนึ่งมีแค่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น ถ้าความถูกต้องต้องรอมชอมกับความรักชอบส่วนบุคคล เมื่อนั้นความชอบธรรมของความถูกต้องนั้นจะค่อยๆหายไปเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำจนไม่ควรจะซ้ำแล้ว
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้จัดการทีม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Oct 2005
ตอบ: 38635
ที่อยู่: Kanagawa, Japan
โพสเมื่อ: Wed Oct 21, 2020 01:17
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
Pemberton พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
ใครที่ยังตั้งคำถามว่า รักรัชกาลที่ 9 และเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ เรามีสิทธิ์จะรักและรำลึกถึงใครก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ลองตอบตัวเองดู ว่าความคิดแบบนี้มันย้อนแย้ง และไม่สมเหตุสมผลรึเปล่า

==================================================================================

ผมมีเพื่อน+ผู้ใหญ่แบบนี้เยอะมากเลยนะ..เอาจริงๆมากกว่าคนที่ไม่รักอีก (ที่รู้ก็คือตอนโพสต์ของวันที่ 13 และโพสต์สนับสนุนม็อบ)

ซึ่ง คหสต.ผมก็ไม่คิดว่าแย่อะไร ก็ในเมื่อปลายทางเหมือนกัน คือปฏิรูปสถาบันตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม เราจะมาแบ่งกันทำไม

ในเมื่อเค้ารักคนเก่ามากๆ แต่ยังอยากให้ปฏิรูปสถาบัน..นั่นก็แปลว่าเค้าเห็นแล้วว่าระบบ(สถาบัน)มีปัญหา เพราะระบบไม่ใช่ตัวบุคคล

ขนาดคุณเคยรักคนๆนึงมากและปล่อยให้สถาบันใหญ่เกินกว่าใครๆ แตะต้องไม่ได้ เพราะคุณคิดว่าสถาบันจะดีงามเหมือนคนที่คุณรัก

แต่ในวันนี้คุณเพิ่งตระหนักว่าบุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่อำนาจของสถาบันยังอยู่และมันล้นเกินไป..มันจำเป็นต้องปฏิรูป

ผมว่ามันก็ไม่ได้เสียหายป่ะฮะ..เมื่อสถานะของคนเคยรักและคนเคยไม่รัก เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องปฏิรูปเท่านั้น


มันก็เหมือนระบอบเผด็จการ..สมมติอดีตแม่งมีผู้นำที่มี image แบบ ideal มากๆ ทำประเทศชาติเจริญทุกอย่าง..ประชาชนอยู่ดีกินดี

ประชาชนก็หน้ามืดตามัวหลงคิดว่าระบอบเผด็จการนี้มันดีที่สุด จะเอาประชาธิปไตยทำไม ในเมื่อผู้นำบริหารดีขนาดนี้..

ฝั่งประชาธิปไตยก็ให้เหตุผลว่า "แล้วถ้าวันหน้ามึงเจอผู้นำ hereๆล่ะ ระบอบนี้มันยังดีอยู่มั๊ย?..อำนาจมันควรเป็นของประชาชน"

ซึ่งสมมติในวันที่พูดนั้น คนมันยังนึกไม่ออกก็เทิดทูนเผด็จการไป..จนมาวันนึงถึงยุค here เป็นผู้นำขึ้นมาจริงๆ มันถึงตระหนักได้

ซึ่งเมื่อมันนึกได้ มันอยากปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตย..ก็เป็นปลายทางเดียวกันแล้วถูกมั๊ยฮะ มาร่วมกันสู้เพิ่มพลังมวลชน

แล้วจะถอยไปเถียงเรื่องผู้นำคนเก่าทำไมว่า เฮ้ย กูเบิกเนตรมารู้ว่าแม่งสร้างภาพว่ะ แม่งเลวนะ..ไม่ใช่คนดีอะไร

สุดท้ายแทนที่จะได้พวกเพิ่มเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปเปลี่ยนระบอบ..กลายเป็นมาทะเลาะกันระหว่างคนที่คิดว่าดี กับคนที่คิดว่าเลว

ผมว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยอ่ะ กลายเป็น topic นี้เหมือนจะอยากเอาชนะกันอย่างเดียว



 
 

เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสนับสนุนการปฏิรูปด้วยเหตุผลนั้นครับ เช่นถ้าเขาชอบคนเก่าแต่เกลียดคนใหม่แล้วสนับสนุนการปฏิรูป หมายความว่าคนๆนั้นแท้จริงอาจจะไม่ได้เกิดศรัทธาในความเป็นระบบอะไร เพียงแต่หมดศรัทธาในตัวบุคคลปัจจุบันเฉยๆ ถ้าเราไปถามเขาว่าแบบนี้ถ้าตัวบุคคลที่เขายังศรัทธายังอยู่ ยังคิดว่าต้องปฏิรูปหรือไม่ อาจจะได้รับคำตอบว่า ''ไม่จำเป็น''

ส่วนในบริบทของผู้เขียนบทความ ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าคุณยอมรับว่าระบอบนี้มีปัญหาคุณก็ต้องยอมรับว่าระบอบนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทุจริต และตัวบุคคลนั้นเขาใช้คำว่าเป็น ''ฟันเฟืองสำคัญ'' ก็หมายความว่าในเมื่อคุณยอมรับว่าระบอบที่เขาสร้างมามันไม่สุจริต คุณจะยังรักผู้ที่สร้างมันมาได้อย่างไร มันไม่ make sense อยู่แล้ว

หรือถ้าคุณบอกว่า ''ปัญหา'' ของระบบที่คุณว่าไม่ใช่เรื่องการทุจริต แต่หมายถึงเหมาะสมหรือไม่ตามยุคสมัยเท่านั้นก็ยิ่งแปลก เพราะปัญหาที่ม๊อบเรียกร้องกันอยู่ตอนนี้คือการทับซ้อนกันระหว่าง absolute monarchy กับ democracy ผมคิดไม่ออกว่าใครจะบอกว่าเขายอมรับว่าระบอบมีปัญหาโดยไม่ยอมรับว่าเป็นปัญหาเรื่องการทับซ้อนกันของ 2 ระบอบได้อย่างไร(เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนๆนั้นก็ต้องบอกว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดย ''สมบูรณ์''อยู่แล้ว)

ดังนั้นการที่คนๆนึงยอมรับว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องมีกลุ่มคนที่สร้างระบอบ absolute monarchy ในคราบ democracy ขึ้นมา(หรือที่ต่างประเทศแซวว่าเป็น neo-absolute monarchy) แต่กลับรักฟันเฟืองสำคัญที่สร้างระบอบนี้ขึ้นมา จึงเป็นอะไรที่ยิ่งตอกย้ำเลยว่าระบอบ neo-absolute monarchy มันหยั่งรากลึกในประเทศไทยจริงๆ  


ก่อนอื่น ที่เป็นตัวเล็กสีแดง ผมขออนุญาตตัดทิ้งก่อนเลยนะฮะ คือผมไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอนฮะ..ยุคสมัยไม่มีผลสำหรับผมอ่ะฮะ
สำหรับผมคือ ระบอบมีปัญหาแน่นอนฮะ (เราจะได้คุยกันตรงจุด)

ส่วนอื่นๆที่ผมไม่ได้ทำสีแดง..ผมอยากแชร์ความเห็นแบบนี้ฮะ..

คนกลุ่มนั้นอาจจะเป็นแบบที่ท่านว่า คือยังยึดติดกับบุคคล เผอิญบุคคลในยุคปัจจุบันห่วย เค้าถึงมีความคิดจะเปลี่ยนแปลง

แต่สำหรับผม ถือว่ารับได้ครับ (มันไม่สมบูรณ์จริงฮะ ผมเข้าใจที่ท่านจะสื่อ..คือจริงๆถ้ามองเข้าไปที่รากลึกกว่านั้น ควรจะรู้ตั้งนานแล้ว)

แต่อย่างน้อยเค้าก็รู้แล้วว่าระบอบนี้มันมีปัญหา (ถึงมันจะช้า..ไม่ควรต้องรอให้เพิ่งมาเกิดแบบวันนี้ถึงตาสว่าง)

แน่นอนฮะ ว่าถ้าสมมติมีโลกคู่ขนาน ที่คนใหม่กับคนเก่าไม่ต่างกัน เรียกว่าสืบทอดอำนาจไร้รอยต่อ..

คนพวกนี้ก็คงจะยังไม่ยอมปฏิรูปเหมือนที่ท่านว่าแหละฮะ

แต่ในเมื่อ ณ วันนี้พวกนี้ได้เห็นประจักษ์ถึงปัญหาแล้ว..ผมเลยมองว่าปลายทางเรามาบรรจบที่เรื่องเดียวกันแล้วฮะ

ส่วนเรื่องความ make sense หรืออยากจะสอนให้คนพวกนี้รู้ถึงรากแท้ของปัญหาจริงๆ (จะได้เปลี่ยนทัศนคติเรื่องความรักคนเก่า)

สำหรับผม คือรอให้เป้าหมายหลักเสร็จสมบูรณ์ก่อน(ปฏิรูปสถาบันสำเร็จ) แล้วยังอยากจะ educate คนเหล่านี้เพิ่มก็ไปทำตอนนั้นฮะ


 
 

ก็เหมือนกับสมัยคณะราษฎรยุคนู้นครับ เลือกที่จะปฏิรูปแบบรักษาน้ำใจคนไทยไว้ก่อนแล้วหวังว่าจะไป educate กันทีหลัง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล เพราะไม่ใช่มีแค่ฝั่งเราที่ทำได้ เขาก็ทำได้และทำได้ดีด้วย ก็เริ่มมาก็รอมชอมแล้ว ตอนจะปฏิรูปจริงจะทำได้อย่างไรก็ต้องรอมชอมต่อไปสุดท้ายก็ออกมาแบบที่เห็น

และจริงๆแล้วตั้งแต่ผมประสาเรื่องการเมือง ผมก็เห็นทุกคนต่อสู้ในแนวทางที่คุณว่ามาตลอด คือไปทีละขั้นอย่ารีบร้อน พังเพดานไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยทักษิณไปจนถึงเสื้อแดงก็สู้ด้วยแนวทางนี้ซึ่งไม่เคยได้ผลเลย อย่างเสื้อแดงนี่ทำแบบที่คุณพูดเป๊ะๆ คือรับเอาทั้งกลุ่มคนที่ต้องการปฏิรูปและคนที่ภักดีมาโดยกำหนดเป้าหมายร่วมกันแค่ว่าเรียกร้องประชาธิปไตยก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน สุดท้ายก็ไม่ได้มี impact อะไรต่อสังคมเลย

แต่คนที่ทำให้ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้กลับเป็นคนที่เลือกที่จะพูดแบบตรงไปตรงมาไม่มีเพดานอะไรทั้งนั้น อ.สมศักดิ์ อ.ปวิน ฟ้าเดียวกัน อ.ปิยบุตร มาจนถึง ท.อานนท์ เพนกวิ้น รุ้ง คนพวกนี้ไม่มีอำนาจอะไรเลย แต่กลับ educate คนได้มากกว่าฝ่ายการเมืองที่พยายามทำมาหลายสิบปีเสียอีก

ม๊อบนี้มาไกลที่สุดตั้งแต่ผมติดตามการเมืองมา ทั้งๆที่ตอนแรกยังเหนียมๆกันอยู่เลยจนกระทั่งทนายอานนท์พูดเรื่องแฮรี่พ็อตเตอร์ ตั้งแต่นั้นก็มีการพูดแบบไม่มีเพดานกันมาตลอดจนถึงจุดนี้ ถ้ากลับไปใช้วิธีแบบเดิมก็อาจจะได้มวลชนส่วนนั้นเพิ่ม แต่ต้องเสียคนที่ร่วมต่อสู้มาตั้งแต่แรกแล้วแน่นอน ถ้าวันนึงกลับไปตั้งเพดานอีกว่าตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนหรือแย่กว่านั้นอย่างการที่ต้องแกล้งเออ-ออห่อหมกไปกับเรื่องที่ผิดเพื่อเรียกมวลชนมาเยอะๆไว้ก่อน แล้วหวังว่าจะค่อยๆพังเพดานต่อๆไปในอนาคต จะทำให้เรากลับไปวนลูปเก่าๆหรือไม่ ในเมื่อคุณแกล้งลืมตาข้างหลับตาข้างกับเรื่องบางเรื่องตั้งแต่แรก ในอนาคตคุณจะไปสอนเขาว่าจริงๆมันผิดได้อย่างไร สมมุติ อ.สมศักดิ์เลือกที่จะพูดแค่ในจุดที่เขาคิดว่าคนไทยยอมรับได้ แล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนทีหลังว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่จริงทั้งหมด คิดว่าจะมีผลอย่างไร เราคงไม่ได้เห็นปรากฎการแบบที่เห็นอยู่ตอนนี้

ส่วนตัวผมมั่นใจว่าถ้าวันนึงม๊อบต้องสร้างเพดานใหม่ขึ้นมา ทำแบบที่คุณว่าคือเลือกที่จะไม่ทำร้ายจิตใจคนกลุ่มนึงไปก่อนเพื่อให้เป้าหมายขั้นแรกสำเร็จ เพราะเมื่อคุณยอมรับคนที่ยังศรัทธาในตัวบุคคลหรือสิ่งที่ผิดเข้ามา คุณก็ต้องเลี่ยงที่จะกระทำพูดถึงคนที่เขาศรัทธาแบบเสียๆหายๆอยู่แล้วแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ควรทำ เมื่อนั้นคงเป็นวันที่ม๊อบล่มสลายจริงๆ เพราะคนที่ร่วมสู้กันมาแต่แรกคงไม่เอาด้วยอีกต่อไป เรื่องนี้เหมือนจะปลายทางเดียวกันแต่จริงๆไม่ใช่ เพราะคนกลุ่มหนึ่งกำลังเรียกร้องความถูกต้อง แต่อีกกลุ่มหนึ่งมีแค่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น ถ้าความถูกต้องต้องรอมชอมกับความรักชอบส่วนบุคคล เมื่อนั้นความชอบธรรมของความถูกต้องนั้นจะค่อยๆหายไปเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำจนไม่ควรจะซ้ำแล้ว  


อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจตรงกันรึเปล่านะฮะ

คือถ้าจะแบ่งเป็นขั้นๆตามที่ว่า ผมลองแบ่งเป็นขั้นตามนี้แล้วกันนะฮะ

ขั้น 1.นายกลาออก แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง และเลือกตั้งใหม่

ขั้น 2.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้เข้ามาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีอิทธิพลและแทรกแซงการเมืองเหมือนที่ผ่านมา

(ไม่เคยมีใครมาถึงขั้น 2...ไม่เคยมีใครพาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ แม้แต่สมัยทักษิณ,เสื้อแดงก็ตาม ถึงอาจจะบอกว่าในม็อบมีพูดบ้าง
แต่ตัวแกนนำหรือทักษิณเองก็ไม่เคยยอมรับตรงนี้ ว่าต้องการปฏิรูปสถาบัน)

แต่ ณ วันนี้มีการพูดถึงเพดานสถาบันเรียบร้อยแล้ว(ไม่ได้ต้องเกรงใจใครเหมือนแต่ก่อน) และมีมวลชนกลุ่มนึงที่ใหญ่มากๆเห็นด้วยแล้ว

ขั้น 2. นี้แหละฮะที่ผมกำลังพูดถึงตั้งแต่เมนต์แรก..และมวลชนที่เค้ามาถึงขั้นนี้ เมื่อซอยย่อยลงไปจะพบว่ามีส่วนนึงที่ยังรักคนเดิม

(ถึงจะต้นเรื่อง จะพยายามอธิบายว่า เห้ยมันไม่ make sense นะเว้ย..ถ้าเห็นว่าเป็นปัญหา แล้วไปรักต้นตอปัญหาได้งัย
แต่ fact ก็คือคนกลุ่มนี้มีจริงๆอ่ะ คนที่รักด้วยแต่อยากปฏิรูปด้วย ผมยืนยันมีแน่นอน และไม่น้อยเลย)

แต่ถึงจะรักคนเดิม(อาจจะมองว่ายังไม่เบิกเนตรหรืออะไรก็ตาม) ผมมองว่าไม่เป็นปัญหา เมื่อคนพวกนี้ก็มองภาพใหญ่กว่านั้น

นั่นคือ"สถาบัน"มีปัญหา ไม่ใช่แค่ตัวบุคคล(คนเก่า หรือ คนใหม่) ซึ่งต้องแก้คือร่วมกันปฏิรูปสถาบันเหมือนกัน

จะไปบังคับให้เค้าตาสว่างเบิกเนตรให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็จงออกจากกลุ่มไป ไม่ต้องมาร่วมทางเดียวกันแบบนี้หรอฮะ

ถ้าแบบนั้นเราก็ไม่ผ่านขั้น 2 ซักทีรึเปล่า

สิ่งที่ผมสื่อไม่ได้จำเป็นต้อง โกหกเออ-ออห่อหมก เห็นดีเห็นงามไปกับเค้าเพื่อเอาเค้าเป็นพวกนะฮะ (อันนี้เข้าใจผิดเลยฮะ)

ผมต้องการแค่ว่า ฝั่งนึง(ที่บอกว่าเบิกเนตรแล้ว ไม่รักคนเก่าแล้ว) ก็บอกไปตรงๆ มีจุดยืนของตัวเองแบบวันนี้แหละฮะ..

ส่วนคนที่ยังไม่พร้อมจะรับความจริงในทุกๆเรื่องไม่เป็นรัย แต่เค้ายอมรับใช่มั๊ยว่าตัวสถาบันคือปัญหาของประชาธิปไตย

ถ้าใช่ ก็อยู่ร่วมกันได้ และมาช่วยแก้ไขช่วยปฏิรูปตรงนี้ให้ผ่านให้ได้ แค่นั้นแหละฮะ..

(แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นเช่น แก้แต่รัฐธรรมนูญได้มั๊ย เพราะรักสถาบันอยู่..อันนั้นแหละฮะ ร่วมทางกันไม่ได้ เพราะแก่นปัญหามันคนละทางกัน)

แก้ไขล่าสุดโดย -1-st mir@cle เมื่อ Wed Oct 21, 2020 01:51, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 11 Jan 2014
ตอบ: 8904
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Wed Oct 21, 2020 04:57
[RE: เขียนได้โดนใจมาก (เรื่องม็อบนะ ไม่ชอบอย่ามาอ่าน)]
อ้างอิงจาก:
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
Pemberton พิมพ์ว่า:
Spoil
-1-st mir@cle พิมพ์ว่า:
ใครที่ยังตั้งคำถามว่า รักรัชกาลที่ 9 และเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ เรามีสิทธิ์จะรักและรำลึกถึงใครก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ลองตอบตัวเองดู ว่าความคิดแบบนี้มันย้อนแย้ง และไม่สมเหตุสมผลรึเปล่า

==================================================================================

ผมมีเพื่อน+ผู้ใหญ่แบบนี้เยอะมากเลยนะ..เอาจริงๆมากกว่าคนที่ไม่รักอีก (ที่รู้ก็คือตอนโพสต์ของวันที่ 13 และโพสต์สนับสนุนม็อบ)

ซึ่ง คหสต.ผมก็ไม่คิดว่าแย่อะไร ก็ในเมื่อปลายทางเหมือนกัน คือปฏิรูปสถาบันตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม เราจะมาแบ่งกันทำไม

ในเมื่อเค้ารักคนเก่ามากๆ แต่ยังอยากให้ปฏิรูปสถาบัน..นั่นก็แปลว่าเค้าเห็นแล้วว่าระบบ(สถาบัน)มีปัญหา เพราะระบบไม่ใช่ตัวบุคคล

ขนาดคุณเคยรักคนๆนึงมากและปล่อยให้สถาบันใหญ่เกินกว่าใครๆ แตะต้องไม่ได้ เพราะคุณคิดว่าสถาบันจะดีงามเหมือนคนที่คุณรัก

แต่ในวันนี้คุณเพิ่งตระหนักว่าบุคคลนั้นเปลี่ยนแปลงได้ แต่อำนาจของสถาบันยังอยู่และมันล้นเกินไป..มันจำเป็นต้องปฏิรูป

ผมว่ามันก็ไม่ได้เสียหายป่ะฮะ..เมื่อสถานะของคนเคยรักและคนเคยไม่รัก เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องปฏิรูปเท่านั้น


มันก็เหมือนระบอบเผด็จการ..สมมติอดีตแม่งมีผู้นำที่มี image แบบ ideal มากๆ ทำประเทศชาติเจริญทุกอย่าง..ประชาชนอยู่ดีกินดี

ประชาชนก็หน้ามืดตามัวหลงคิดว่าระบอบเผด็จการนี้มันดีที่สุด จะเอาประชาธิปไตยทำไม ในเมื่อผู้นำบริหารดีขนาดนี้..

ฝั่งประชาธิปไตยก็ให้เหตุผลว่า "แล้วถ้าวันหน้ามึงเจอผู้นำ hereๆล่ะ ระบอบนี้มันยังดีอยู่มั๊ย?..อำนาจมันควรเป็นของประชาชน"

ซึ่งสมมติในวันที่พูดนั้น คนมันยังนึกไม่ออกก็เทิดทูนเผด็จการไป..จนมาวันนึงถึงยุค here เป็นผู้นำขึ้นมาจริงๆ มันถึงตระหนักได้

ซึ่งเมื่อมันนึกได้ มันอยากปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตย..ก็เป็นปลายทางเดียวกันแล้วถูกมั๊ยฮะ มาร่วมกันสู้เพิ่มพลังมวลชน

แล้วจะถอยไปเถียงเรื่องผู้นำคนเก่าทำไมว่า เฮ้ย กูเบิกเนตรมารู้ว่าแม่งสร้างภาพว่ะ แม่งเลวนะ..ไม่ใช่คนดีอะไร

สุดท้ายแทนที่จะได้พวกเพิ่มเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปเปลี่ยนระบอบ..กลายเป็นมาทะเลาะกันระหว่างคนที่คิดว่าดี กับคนที่คิดว่าเลว

ผมว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยอ่ะ กลายเป็น topic นี้เหมือนจะอยากเอาชนะกันอย่างเดียว



 
 

เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสนับสนุนการปฏิรูปด้วยเหตุผลนั้นครับ เช่นถ้าเขาชอบคนเก่าแต่เกลียดคนใหม่แล้วสนับสนุนการปฏิรูป หมายความว่าคนๆนั้นแท้จริงอาจจะไม่ได้เกิดศรัทธาในความเป็นระบบอะไร เพียงแต่หมดศรัทธาในตัวบุคคลปัจจุบันเฉยๆ ถ้าเราไปถามเขาว่าแบบนี้ถ้าตัวบุคคลที่เขายังศรัทธายังอยู่ ยังคิดว่าต้องปฏิรูปหรือไม่ อาจจะได้รับคำตอบว่า ''ไม่จำเป็น''

ส่วนในบริบทของผู้เขียนบทความ ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าคุณยอมรับว่าระบอบนี้มีปัญหาคุณก็ต้องยอมรับว่าระบอบนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทุจริต และตัวบุคคลนั้นเขาใช้คำว่าเป็น ''ฟันเฟืองสำคัญ'' ก็หมายความว่าในเมื่อคุณยอมรับว่าระบอบที่เขาสร้างมามันไม่สุจริต คุณจะยังรักผู้ที่สร้างมันมาได้อย่างไร มันไม่ make sense อยู่แล้ว

หรือถ้าคุณบอกว่า ''ปัญหา'' ของระบบที่คุณว่าไม่ใช่เรื่องการทุจริต แต่หมายถึงเหมาะสมหรือไม่ตามยุคสมัยเท่านั้นก็ยิ่งแปลก เพราะปัญหาที่ม๊อบเรียกร้องกันอยู่ตอนนี้คือการทับซ้อนกันระหว่าง absolute monarchy กับ democracy ผมคิดไม่ออกว่าใครจะบอกว่าเขายอมรับว่าระบอบมีปัญหาโดยไม่ยอมรับว่าเป็นปัญหาเรื่องการทับซ้อนกันของ 2 ระบอบได้อย่างไร(เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนๆนั้นก็ต้องบอกว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดย ''สมบูรณ์''อยู่แล้ว)

ดังนั้นการที่คนๆนึงยอมรับว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องมีกลุ่มคนที่สร้างระบอบ absolute monarchy ในคราบ democracy ขึ้นมา(หรือที่ต่างประเทศแซวว่าเป็น neo-absolute monarchy) แต่กลับรักฟันเฟืองสำคัญที่สร้างระบอบนี้ขึ้นมา จึงเป็นอะไรที่ยิ่งตอกย้ำเลยว่าระบอบ neo-absolute monarchy มันหยั่งรากลึกในประเทศไทยจริงๆ  


ก่อนอื่น ที่เป็นตัวเล็กสีแดง ผมขออนุญาตตัดทิ้งก่อนเลยนะฮะ คือผมไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอนฮะ..ยุคสมัยไม่มีผลสำหรับผมอ่ะฮะ
สำหรับผมคือ ระบอบมีปัญหาแน่นอนฮะ (เราจะได้คุยกันตรงจุด)

ส่วนอื่นๆที่ผมไม่ได้ทำสีแดง..ผมอยากแชร์ความเห็นแบบนี้ฮะ..

คนกลุ่มนั้นอาจจะเป็นแบบที่ท่านว่า คือยังยึดติดกับบุคคล เผอิญบุคคลในยุคปัจจุบันห่วย เค้าถึงมีความคิดจะเปลี่ยนแปลง

แต่สำหรับผม ถือว่ารับได้ครับ (มันไม่สมบูรณ์จริงฮะ ผมเข้าใจที่ท่านจะสื่อ..คือจริงๆถ้ามองเข้าไปที่รากลึกกว่านั้น ควรจะรู้ตั้งนานแล้ว)

แต่อย่างน้อยเค้าก็รู้แล้วว่าระบอบนี้มันมีปัญหา (ถึงมันจะช้า..ไม่ควรต้องรอให้เพิ่งมาเกิดแบบวันนี้ถึงตาสว่าง)

แน่นอนฮะ ว่าถ้าสมมติมีโลกคู่ขนาน ที่คนใหม่กับคนเก่าไม่ต่างกัน เรียกว่าสืบทอดอำนาจไร้รอยต่อ..

คนพวกนี้ก็คงจะยังไม่ยอมปฏิรูปเหมือนที่ท่านว่าแหละฮะ

แต่ในเมื่อ ณ วันนี้พวกนี้ได้เห็นประจักษ์ถึงปัญหาแล้ว..ผมเลยมองว่าปลายทางเรามาบรรจบที่เรื่องเดียวกันแล้วฮะ

ส่วนเรื่องความ make sense หรืออยากจะสอนให้คนพวกนี้รู้ถึงรากแท้ของปัญหาจริงๆ (จะได้เปลี่ยนทัศนคติเรื่องความรักคนเก่า)

สำหรับผม คือรอให้เป้าหมายหลักเสร็จสมบูรณ์ก่อน(ปฏิรูปสถาบันสำเร็จ) แล้วยังอยากจะ educate คนเหล่านี้เพิ่มก็ไปทำตอนนั้นฮะ


 
 

ก็เหมือนกับสมัยคณะราษฎรยุคนู้นครับ เลือกที่จะปฏิรูปแบบรักษาน้ำใจคนไทยไว้ก่อนแล้วหวังว่าจะไป educate กันทีหลัง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล เพราะไม่ใช่มีแค่ฝั่งเราที่ทำได้ เขาก็ทำได้และทำได้ดีด้วย ก็เริ่มมาก็รอมชอมแล้ว ตอนจะปฏิรูปจริงจะทำได้อย่างไรก็ต้องรอมชอมต่อไปสุดท้ายก็ออกมาแบบที่เห็น

และจริงๆแล้วตั้งแต่ผมประสาเรื่องการเมือง ผมก็เห็นทุกคนต่อสู้ในแนวทางที่คุณว่ามาตลอด คือไปทีละขั้นอย่ารีบร้อน พังเพดานไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยทักษิณไปจนถึงเสื้อแดงก็สู้ด้วยแนวทางนี้ซึ่งไม่เคยได้ผลเลย อย่างเสื้อแดงนี่ทำแบบที่คุณพูดเป๊ะๆ คือรับเอาทั้งกลุ่มคนที่ต้องการปฏิรูปและคนที่ภักดีมาโดยกำหนดเป้าหมายร่วมกันแค่ว่าเรียกร้องประชาธิปไตยก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน สุดท้ายก็ไม่ได้มี impact อะไรต่อสังคมเลย

แต่คนที่ทำให้ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้กลับเป็นคนที่เลือกที่จะพูดแบบตรงไปตรงมาไม่มีเพดานอะไรทั้งนั้น อ.สมศักดิ์ อ.ปวิน ฟ้าเดียวกัน อ.ปิยบุตร มาจนถึง ท.อานนท์ เพนกวิ้น รุ้ง คนพวกนี้ไม่มีอำนาจอะไรเลย แต่กลับ educate คนได้มากกว่าฝ่ายการเมืองที่พยายามทำมาหลายสิบปีเสียอีก

ม๊อบนี้มาไกลที่สุดตั้งแต่ผมติดตามการเมืองมา ทั้งๆที่ตอนแรกยังเหนียมๆกันอยู่เลยจนกระทั่งทนายอานนท์พูดเรื่องแฮรี่พ็อตเตอร์ ตั้งแต่นั้นก็มีการพูดแบบไม่มีเพดานกันมาตลอดจนถึงจุดนี้ ถ้ากลับไปใช้วิธีแบบเดิมก็อาจจะได้มวลชนส่วนนั้นเพิ่ม แต่ต้องเสียคนที่ร่วมต่อสู้มาตั้งแต่แรกแล้วแน่นอน ถ้าวันนึงกลับไปตั้งเพดานอีกว่าตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนหรือแย่กว่านั้นอย่างการที่ต้องแกล้งเออ-ออห่อหมกไปกับเรื่องที่ผิดเพื่อเรียกมวลชนมาเยอะๆไว้ก่อน แล้วหวังว่าจะค่อยๆพังเพดานต่อๆไปในอนาคต จะทำให้เรากลับไปวนลูปเก่าๆหรือไม่ ในเมื่อคุณแกล้งลืมตาข้างหลับตาข้างกับเรื่องบางเรื่องตั้งแต่แรก ในอนาคตคุณจะไปสอนเขาว่าจริงๆมันผิดได้อย่างไร สมมุติ อ.สมศักดิ์เลือกที่จะพูดแค่ในจุดที่เขาคิดว่าคนไทยยอมรับได้ แล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนทีหลังว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่จริงทั้งหมด คิดว่าจะมีผลอย่างไร เราคงไม่ได้เห็นปรากฎการแบบที่เห็นอยู่ตอนนี้

ส่วนตัวผมมั่นใจว่าถ้าวันนึงม๊อบต้องสร้างเพดานใหม่ขึ้นมา ทำแบบที่คุณว่าคือเลือกที่จะไม่ทำร้ายจิตใจคนกลุ่มนึงไปก่อนเพื่อให้เป้าหมายขั้นแรกสำเร็จ เพราะเมื่อคุณยอมรับคนที่ยังศรัทธาในตัวบุคคลหรือสิ่งที่ผิดเข้ามา คุณก็ต้องเลี่ยงที่จะกระทำพูดถึงคนที่เขาศรัทธาแบบเสียๆหายๆอยู่แล้วแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ควรทำ เมื่อนั้นคงเป็นวันที่ม๊อบล่มสลายจริงๆ เพราะคนที่ร่วมสู้กันมาแต่แรกคงไม่เอาด้วยอีกต่อไป เรื่องนี้เหมือนจะปลายทางเดียวกันแต่จริงๆไม่ใช่ เพราะคนกลุ่มหนึ่งกำลังเรียกร้องความถูกต้อง แต่อีกกลุ่มหนึ่งมีแค่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น ถ้าความถูกต้องต้องรอมชอมกับความรักชอบส่วนบุคคล เมื่อนั้นความชอบธรรมของความถูกต้องนั้นจะค่อยๆหายไปเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำจนไม่ควรจะซ้ำแล้ว  


อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจตรงกันรึเปล่านะฮะ

คือถ้าจะแบ่งเป็นขั้นๆตามที่ว่า ผมลองแบ่งเป็นขั้นตามนี้แล้วกันนะฮะ

ขั้น 1.นายกลาออก แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง และเลือกตั้งใหม่

ขั้น 2.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้เข้ามาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีอิทธิพลและแทรกแซงการเมืองเหมือนที่ผ่านมา

(ไม่เคยมีใครมาถึงขั้น 2...ไม่เคยมีใครพาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ แม้แต่สมัยทักษิณ,เสื้อแดงก็ตาม ถึงอาจจะบอกว่าในม็อบมีพูดบ้าง
แต่ตัวแกนนำหรือทักษิณเองก็ไม่เคยยอมรับตรงนี้ ว่าต้องการปฏิรูปสถาบัน)

แต่ ณ วันนี้มีการพูดถึงเพดานสถาบันเรียบร้อยแล้ว(ไม่ได้ต้องเกรงใจใครเหมือนแต่ก่อน) และมีมวลชนกลุ่มนึงที่ใหญ่มากๆเห็นด้วยแล้ว

ขั้น 2. นี้แหละฮะที่ผมกำลังพูดถึงตั้งแต่เมนต์แรก..และมวลชนที่เค้ามาถึงขั้นนี้ เมื่อซอยย่อยลงไปจะพบว่ามีส่วนนึงที่ยังรักคนเดิม

(ถึงจะต้นเรื่อง จะพยายามอธิบายว่า เห้ยมันไม่ make sense นะเว้ย..ถ้าเห็นว่าเป็นปัญหา แล้วไปรักต้นตอปัญหาได้งัย
แต่ fact ก็คือคนกลุ่มนี้มีจริงๆอ่ะ คนที่รักด้วยแต่อยากปฏิรูปด้วย ผมยืนยันมีแน่นอน และไม่น้อยเลย)

แต่ถึงจะรักคนเดิม(อาจจะมองว่ายังไม่เบิกเนตรหรืออะไรก็ตาม) ผมมองว่าไม่เป็นปัญหา เมื่อคนพวกนี้ก็มองภาพใหญ่กว่านั้น

นั่นคือ"สถาบัน"มีปัญหา ไม่ใช่แค่ตัวบุคคล(คนเก่า หรือ คนใหม่) ซึ่งต้องแก้คือร่วมกันปฏิรูปสถาบันเหมือนกัน

จะไปบังคับให้เค้าตาสว่างเบิกเนตรให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็จงออกจากกลุ่มไป ไม่ต้องมาร่วมทางเดียวกันแบบนี้หรอฮะ

ถ้าแบบนั้นเราก็ไม่ผ่านขั้น 2 ซักทีรึเปล่า

สิ่งที่ผมสื่อไม่ได้จำเป็นต้อง โกหกเออ-ออห่อหมก เห็นดีเห็นงามไปกับเค้าเพื่อเอาเค้าเป็นพวกนะฮะ (อันนี้เข้าใจผิดเลยฮะ)

ผมต้องการแค่ว่า ฝั่งนึง(ที่บอกว่าเบิกเนตรแล้ว ไม่รักคนเก่าแล้ว) ก็บอกไปตรงๆ มีจุดยืนของตัวเองแบบวันนี้แหละฮะ..

ส่วนคนที่ยังไม่พร้อมจะรับความจริงในทุกๆเรื่องไม่เป็นรัย แต่เค้ายอมรับใช่มั๊ยว่าตัวสถาบันคือปัญหาของประชาธิปไตย

ถ้าใช่ ก็อยู่ร่วมกันได้ และมาช่วยแก้ไขช่วยปฏิรูปตรงนี้ให้ผ่านให้ได้ แค่นั้นแหละฮะ..

(แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นเช่น แก้แต่รัฐธรรมนูญได้มั๊ย เพราะรักสถาบันอยู่..อันนั้นแหละฮะ ร่วมทางกันไม่ได้ เพราะแก่นปัญหามันคนละทางกัน)

 
 

กลุ่มคนที่คุณว่ามีเยอะอยู่แล้วครับ ครอบครัวผมยังเป็นเลยไม่แปลก แต่ก่อนที่จะปฏิรูป แค่เข้าไปชุมนุมก็ต้องเจอคำวิจารณ์ที่เขาไม่ต้องการฟังแล้วครับ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดเรื่องการปฏิรูปโดยไม่วิจารณ์ตัวบุคคล

ถ้าเราบอกเขาว่าจุดยืนไม่ตรงกันในบางเรื่องไม่เป็นไร มาร่วมกันก่อนมองภาพใหญ่ก่อน แต่มาแล้วเจอผู้ชุมนุมวิจารณ์คนที่เขารักไม่มีชิ้นดีเขาก็ไม่อยากร่วมแล้ว เพราะจะปราศรัยเรื่องปัญหาของระบอบโดยไม่ไปแตะต้องบุคคลที่เป็นปัญหาได้อย่างไร ทำไม่ได้อยู่แล้ว แล้วถ้าเราเลือกจะเลี่ยงไม่พูดเรื่องที่เขาไม่ชอบไปเสีย(นี่คือเออ-ออห่อหมกที่ผมหมายถึง คือคุณหวังจะให้เขามาเข้าร่วมทั้งๆที่คุณรู้อยู่แล้วว่าเห็นไม่ตรงกันในรายละเอียด คุณก็ต้อง tacit understanding กับเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันอยู่แล้วเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้)แล้วทีนี้เราจะพูดเรื่องปฏิรูปได้อย่างไร ก็ไม่ได้อีกเพราะไม่สามารถพูดถึงปัญหาทั้งระบบได้ มันมีปัญหาตั้งแต่ตรงนี้แล้ว

ส่วนตอนปฏิรูปจริง ผมได้ยกตัวอย่างยุคคณะราษฎรไปแล้ว ตอนนั้นคณะราษฎรก็มีแนวทางนี้ปฏิรูปให้ได้ก่อนที่เหลือค่อยว่ากันยังไม่ต้องไปให้สุดเพราะมองว่าสังคมยังไม่เปิดรับ ยังมีหลายคนยึดติดกับตัวบุคคล เหมือนกันเลยกับที่คุณพูด เมื่อเอาแนวคิดไปเขียนเป็นกฎหมายจริงๆก็มีช่องโหว่เต็มไปหมดเพราะต้องรักษาภาพลักษณ์ที่เคยพูดไว้ จะเปลี่ยนแนวทางก็ทำไม่ได้แล้วเพราะประกาศออกไปอย่างนั้นตั้งแต่ต้น มากลับลำตอนแก้กฎหมายคนที่เขาร่วมสู้กับคุณมาเขาไม่ยอมอยู่แล้ว ตรงนี้คือส่วนที่ผมพูดว่าคล้ายจะเป้าหมายเดียวกันจริงๆอาจจะไม่เหมือนกันเลย อยากปฏิรูปเหมือนกัน สถาบันมีปัญหาเห็นตรงกัน แต่มีปัญหาอย่างไรเมื่อคุยกับคนที่ยังยึดติดกับตัวบุคคลอยู่ลึกๆคุณอาจจะพบว่าสิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่ผู้ชุมนุมคิดไม่เหมือนกันเลย ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไรก็สู้ร่วมกันมา ถ้าจับมาผสมกันมันก็จะออกมาแบบมีช่องโหว่เต็มไปหมดรอวันกลับมาผงาดแบบสมัยคณะราษฎรอีกหรือไม่

กลับกันคนที่พูดในแนวทางที่ดูดื้อรั้น ไม่ถนอมน้ำใจไม่หาแนวร่วมเลย ดูรุนแรงก้าวร้าว ดูไม่น่าจะสำเร็จได้อย่างที่คุณว่า กลับสร้างผลผลิตได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้ ที่เรามาถึงขั้นที่ 2 ตามที่คุณว่าได้ก็เป็นผลผลิตจากกลุ่มคนที่พูดแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่รักษาน้ำใจไม่หาแนวร่วมกลุ่มนี้ทั้งนั้น ผมก็ไม่อยากเชื่อแต่ความจริงมันปรากฎอยู่ตรงหน้าก็ต้องเชื่อ คนแค่หลัก 10 เดินในแนวทางนี้กลับผลิตคนรุ่นใหม่ได้เป็นล้าน แล้วถ้าคนเป็นล้านทำแบบที่กลุ่มคนไม่กี่คนทำต่อไปคงสร้างปรากฎแบบที่เราไม่เคยเห็นได้อีกเยอะ

พอนึกภาพออกไหมครับ ถ้าคนสองคนคุยกันเรื่องการแก้ปัญหา แต่ perception เรื่องต้นตอของปัญหานั้นไม่ตรงกัน แม้ว่าทั้งคู่จะเห็นตรงกันว่าควรแก้แต่มันจะเป็นไปได้ยากมากที่จะมี solution ในแนวทางเดียวกัน ผมไม่ได้บอกว่าควรไล่หรือไม่ควรไล่ใคร แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องมี perception ต่อปัญหาที่ตรงกัน ที่สำคัญต้องถูกต้องครบถ้วนจึงจะแก้ปัญหาได้ถูกจุด ไม่งั้นต่อให้ผลักดันไปจนถึงขั้นตอนการแก้ปัญหาได้ก็คงไปล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้าย ได้การแก้ปัญหาที่ไม่ใช่การแก้ปัญหามาอยู่ดี
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel