สรุป key points ที่ผมบรรยายในงาน iYA ที่คณะวิศวะ จุฬา เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2561



- 5G มีคุณสมบัติ 3 อย่างคือ สปีดเร็ว latency ต่ำ และประหยัดแบต แต่ต้องเลือกว่าบริการไหนจะเน้นอะไร ไม่สามารถทำทั้ง 3 อย่างได้ในเวลาเดียวกัน




- ตั้งแต่ยุค 2G เราเริ่มเป็นอิสระจากสาย cable ที่พันธนาการให้เราต้องนั่งอยู่กับที่




2G และ Bluetooth ทำให้สายหูฟัง สายเมาส์ และสายโทรศัพท์หายไป




3G และ WiFi (2.4GHz) ทำให้สาย LAN และสายกล้องวงจรปิดหายไป




4G และ WiFi (5GHz) ทำให้สายเคเบิลทีวีหายไป เพราะดูหนังทั้งเรื่องผ่านมือถือได้




เหลือสายอีกเพียง 2 เส้นที่จะถูกทำให้หายไปในยุค 5G คือสาย HDMI และสายไฟ AC adapter (เพราะใส่แบตครั้งเดียวอยู่ได้ 10 ปี) ทำให้เข้าสู่ยุคของ IoT ที่เอาไปแปะที่ไหนก็ได้ด้วยเทปกาวสองหน้า




- สิ่งที่จะทำให้โลกเปลี่ยนไปคือ AI ซึ่งจะทำให้ device ต่างๆคิดเองเป็น สาเหตุที่ AI พัฒนาอย่างก้าวกระโดดเกิดจากเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลของพฤติกรรมมนุษย์ที่ถูกรวบรวมอยู่ใน cloud บน internet เปรียบได้กับการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต สปีชี่ส์ที่อาศัยอยู่ในทวีปที่มีความหลากหลายทางพันธุกรรมจะมีวิวัฒนาการเร็วกว่าสปีชีส์ที่อยู่บนเกาะที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก




- ข้อมูลมหาศาลถูกส่งขึ้นไปอยู่บน cloud ได้เพราะ 4G และ 5G ทำให้เรามี internet everywhere และทำให้เรามั่นใจได้ว่าสามารถฝากความรู้และความจำไว้บนอินเทอร์เน็ตโดยสามารถเรียกมาใช้เมื่อไรก็ได้




- เราอยู่ในยุคของการสร้าง internet everywhere เช่นเดียวกับที่วิศวกรในยุคที่แล้วสร้าง electricity everywhere และ railroad everywhere




- นอกจากนี้เรายังอยู่ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทำให้เกิด disruption ซึ่งเริ่มจาก fintech และจะลุกลามต่อไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยมีอุตสาหกรรมสื่อสารอยู่ในคิว




- สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะ telecom player หลายรายได้พยากรณ์เอาไว้ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว แต่คำพยากรณ์ผิดพลาดเพราะไม่ได้คาดคิดถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของจีน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์จากการปกปิดข้อมูลส่วนตัวเป็นการแชร์ทุกช่วงเวลาของชีวิตให้โลกรับรู้ สุดท้ายผู้พยากรณ์ก็เป็นรายแรกๆที่หายไปจากตลาด




- การถือกำเนิดของเครือข่าย 5G ยังคงมีอุปสรรค เพราะผู้ลงทุนเครือข่ายยังไม่มั่นใจจะได้เงินกลับมาทางไหน โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่คลื่นความถี่มีราคาสูง และรายได้จากการใช้งาน 4G ไปตกอยู่กับ OTT (Facebook และ Google ทำรายได้มหาศาลจากการดึงเม็ดเงินโฆษณาจากโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ไปอยู่บนออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องลงทุนเครือข่ายและไม่ต้องประมูลคลื่น)




- เราจึงต้องแสวงหา use case ที่ทำให้อุตสาหกรรมเติบโตต่อไปได้ เฉกเช่นเดียวกับที่เหล่าอัศวินโต๊ะกลมออกค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์




จอกศักดิ์สิทธิ์ในยุค 2G คือ SMS และเพลงรอสาย

จอกศักดิ์สิทธิ์ในยุค 3G คือ data package

จอกศักดิ์สิทธิ์ในยุค 4G คือ targeted online advertising

แล้วจอกศักดิ์สิทธิ์ในยุค 5G คืออะไร  

ดูช่อง ดร.อาร์ม แล้วผมไม่ตื่นเต้นเลย  

จะกี่ร้อย G ก็เถอะ ตราบใดที่ยังมีระบบ FUP อยู่