ปกติเรื่องการเมืองผมจะไม่ค่อยสนใจ เพราะเห็นเกมส์การเมือง มาตั้งแต่เกิด ก็คือโชว์ละครปาหี่ มันคือเกมส์การแบ่งผลประโยชน์ทำเป็นโกรธ กัน หลังฉากก็เพื่อนกันปกติ มันคือ พื้นที่ของ กลุ่มคน ที่เข้ามาแบ่งผลประโยชน์กัน ประท้วงกันกี่ครั้งๆ ไม่เคยแตะที่ “ราก” ของปัญหา หรือ “อำนาจ” ที่ล้นเกินเลยสักครั้ง ตั้งแต่ ลุงตูบ มาเป็น รัฐบาล ผมแทบไม่เคยผมผสมโรงด่าเลย โดยเฉพาะเวลาคนรอบข้างวิจารณ์ สุดท้ายแล้ว เพราะเขาเป็นเพียง หุ่นเชิด หรือ ผู้จัดการ ที่คอยรับหน้าเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ตัวปัญหาที่แท้จริง การที่ มธ เปิดเกมส์มาแบบนี้ถือยืนหยัดแล้วต่อสู้ไปสุดทางจริง เรียกได้ว่า movement นี้เป็น movement ที่ทุบกะลาให้ร้าวได้เลย ถ้าชนะ กะลาก็แตก ไทยแลนด์ก็ได้ไปต่อ แต่การที่จะท้าทายกับ อำนาจสูงสุด ไม่ง่ายแน่นอน และ สันติวิธี อาจจะเป็นไปไม่ได้ กว่าคนดำจะได้รับการยอมรับ แม้จะต่อสู้ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบก็ยังมีการเสียเลือดเสียเนื้อ การต่อสู้ของ ปชช กับ สถาบัน ก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อคนหนึ่งคน ไม่ได้มีค่าเท่ากับคนอีกหนึ่งคน เมื่อมีอีกฝ่ายได้ประโยชน์อย่างมากมาย เมื่อชนะ และอีกฝ่ายต้องสูญเสียมากมายเช่นกัน ถ้าฝ่ายหนึ่ง ดีจริงๆ การปรับตัวอยู่ร่วมกัน คงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ในเมื่ออีกฝ่าย ทำนาบนหลังคนมาตลอด โดยใช้การ propoganda มาอย่างยาวนาน หลอกให้คนเชื่อแบบหนึ่ง ทั้งที่ความจริงคือสูบเลือดสูบเนื้อ ไม่ได้ทำอย่างโปร่งใส มาตลอด มันยาก ที่ฝ่ายนึงจะยอมรับ และให้อภัย เมื่อฝ่ายนึง ไม่เคย respect และนับถือความเป็นมนุษย์ และมองเป็นเพียงฝุ่นใต้เท้า สุดท้ายยังไงความรุนแรงก็ต้องมาถึง ต่อให้เราคาดหวังสันติ วิธีมากเพียงใด สุดท้ายเราก็เป็นแค่สัตว์ชนิดนึง ที่ท้ายสุดแล้ว ถ้าสู้ไม่ได้ ก็ใช้กำลังห่ำหั่นกันอยู่ดี เรื่องบางเรื่อง มันจบลงด้วยสันติวิธีได้ แต่เรื่องนี้มันปรับลึกถึงระดับโครงสร้าง ยังมองไม่ออกจะจบแบบในฝันได้อย่างไร

ปล เพราะถ้าคนออกมาสนับสนุนมัวแต่ออกมาสู้ เพื่อไล่ลุงตู่ สุดท้ายลุงไป ก็จะมีหัวโขนตัวใหม่เข้ามาในเกมส์อยู่ดี  

ผมไม่เข้าข้างใครนะ ผมหวังให้มีการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่ไหวจะเคลียร์กับคนใหม่

ในนี้มีคำว่าวิจารณ์กับจาบจ้วงต่างกัน แต่ในเฟชมีแต่จาบจ้วง

ผมเป็นคนนึงที่รักคนเก่ามาก

พอมีคนมาบอกว่า สอนประชาชนได้สอนลูกไม่ได้ นิขึ้นเหมือนกัน

ลูก 10 คนก็ 10 นิสัย จะให้นิสัยเหมือนกัน มันไม่ใช่

เมื่อคนใหม่ทำแบบนี้ก็ต้องแก้กัน อันนี้เห็นด้วยมาก  

ผมไม่เข้าข้างใครนะ ผมหวังให้มีการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่ไหวจะเคลียร์กับคนใหม่

ในนี้มีคำว่าวิจารณ์กับจาบจ้วงต่างกัน แต่ในเฟชมีแต่จาบจ้วง

ผมเป็นคนนึงที่รักคนเก่ามาก

พอมีคนมาบอกว่า สอนประชาชนได้สอนลูกไม่ได้ นิขึ้นเหมือนกัน

ลูก 10 คนก็ 10 นิสัย จะให้นิสัยเหมือนกัน มันไม่ใช่

เมื่อคนใหม่ทำแบบนี้ก็ต้องแก้กัน อันนี้เห็นด้วยมาก  

ิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิมีวิธีบริจาคช่วยที่แบบไม่สามารถเชคย้อนไปหาคนบริจาคได้ไหม (หลายๆคนที่กลัวแต่อยากช่วยจะได้ช่วยได้)โอนผ่านinternet bankingมันสะดวก แต่ก็ยังเชคได้ว่าใครบริจาค เงินสดก็เชคไม่ได้แต่ไม่สะดวก  

ที่มันมีคนนินทาเต็มไปหมด เพราะตัวสถาบันเองทำทุกเรื่องให้มันกลายเป็นสีเทา ไม่ clearified ว่าอะไรเป็นยังไง ส่วนคนที่ปกป้องก็เอาแต่กดหัวคนถาม แต่ไม่ตอบคำถาม

มันมีข้อมูล มันมีหลักฐานปรากฏออกมา คนย่อมตั้งคำถาม แล้วเมื่อมันไม่มีคำตอบ มันย่อมเกิดทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ขึ้น แล้วยิ่งสังคมเลือกที่จะเงียบมากกว่าช่วยกันหาคำตอบ ทฤษฎีสมคบคิดนั้นจะยิ่งมีน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ

การจะลดกระแสคำนินทา คือต้องออกมาอธิบายอย่างตรงไปตรงมา อันนี้น่าจะเป็น common sense ของทุกเรื่องอยู่แล้ว  

ต่อให้เป็นคนเก่าหรือคนไหน กฏและ mindset พวกนี้มันก็ควรจะถูกแก้อยู่ดีครับ ไม่แค่เพราะคนใหม่เป็นแบบนี้หรอก

ของรุ่นก่อน มีกี่ประเด็นที่สมควรถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์และถกเถียงกันในที่สาธารณะ มันก็มีไม่น้อยหรอกครับ

แต่กลับทำไม่ได้เลยเพราะอะไร ทิศทางของประเทศและ mindset ของคนที่เป็นแบบนี้เริ่มมายังไง เฮ้อพูดแล้วก็ยาว
 

มันเป็นเรื่องของคนปัจจุบันไง แล้วจะลากคนเก่ามาว่าเพื่อ ผมไม่ชอบคำว่าพ่อแม่ไม่สอนมาก ผมพี่น้อง 3 คนไม่เหมือนกันซักคน จะดีชั่วอยู่ที่ตัวทั้งนั้น  

รู้ครับ กฏมันต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว เพราะคนใหม่ทำตัวยังงี้ แต่ที่ไม่ชอบคือ ที่ชอบว่าพ่อแม่ไม่สอนนิละ ผมไม่ชอบเลย ผมพี่น้อง 3 คนไม่มีใครเหมือนกันซักคน ทั้งที่เลี้ยงมาเหมือนกัน  

ข้อเสนอของนักศึกษาก็ไม่มีข้อไหนที่ต้องการให้ยุบนะครับ ทุกข้อเป็นการปรับปรุงให้สถาบันกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นทั้งนั้น เพื่อความยั่งยืนของตัวสถาบันเองในสังคมไทยและสังคมโลก

อาจจะมีบางข้อที่เอามาถกกันได้ว่าก้าวล่วงพระราชอำนาจมากเกินไปหรือไม่ ถ้าไม่แก้แล้วปัญหาที่ตามมารับได้หรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มจากเปิดใจรับฟังสิ่งที่เด็กเขาต้องการพูดจริงๆ ก่อน ไม่ใช่ฟังจากสื่ออื่นๆ ที่นำไปบิดเบือนความ

ปัญหาการจาบจ้วงและการเสื่อมศรัทธาจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผู้ใหญ่ไม่กล้าตอบคำถามของเด็กๆ ในตอนนี้ ความเคารพหรือความศรัทธาจะเกิดได้ด้วยความเข้าใจและไว้วางใจ ไม่ใช่การบังคับขู่เข็ญ  

ิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิมีวิธีบริจาคช่วยที่แบบไม่สามารถเชคย้อนไปหาคนบริจาคได้ไหม (หลายๆคนที่กลัวแต่อยากช่วยจะได้ช่วยได้)โอนผ่านinternet bankingมันสะดวก แต่ก็ยังเชคได้ว่าใครบริจาค เงินสดก็เชคไม่ได้แต่ไม่สะดวก