เหตุใดเกาหลีเหนือจึงมุ่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นประเด็นร้อนที่ไม่เพียงจะสร้างความหวั่นวิตกให้กับประเทศเพื่อนบ้านในแถบคาบสมุทรเกาหลี ทว่ายังรวมถึงทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เกาหลีเหนือมองเป็นศัตรูตัวฉกาจและมุ่งพัฒนาอาวุธที่จะสามารถโจมตีได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ
เกาหลีเหนือ มีโครงการพัฒนาขีปนาวุธมาหลายทศวรรษแล้ว โดยอาศัยเทคโนโลยีพื้นฐานมาจากจรวดสกั๊ดของอดีตสหภาพโซเวียต ที่ผ่านมาได้ทดสอบขีปนาวุธหลายครั้ง บางครั้งตรงกับการฉลองวาระสำคัญในประเทศ หรือในช่วงที่เกิดความตึงเครียดในภูมิภาค
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้มีการทดสอบถี่ขึ้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ดูเหมือนเกาหลีเหนือจะกำลังมีความก้าวหน้าที่สำคัญ ไปสู่เป้าหมายการผลิตขีปนาวุธพิสัยไกลที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูก โดยอ้างว่าเป็นขีปนาวุธแบบข้ามทวีปที่สามารถยิงได้ไกลถึงแผ่นดินสหรัฐฯ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า มีพื้นที่บางส่วนของสหรัฐฯ ที่อยู่ในวิถีของขีปนาวุธดังกล่าวจริง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังมีความเห็นไม่ตรงกันว่า เกาหลีเหนือใกล้บรรลุเป้าหมายมากน้อยเพียงใด ในการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ให้มีขนาดเล็กพอที่จะติดตั้งบนขีปนาวุธ
Cr.
https://www.bbc.com/thai/international-41398981
ระเบิดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือรุนแรงแค่ไหน?
การที่เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนครั้งล่าสุด พร้อมระบุว่าสามารถติดตั้งระเบิดไฮโดรเจนบนขีปนาวุธข้ามทวีปได้ก่อให้เกิดคำถามที่ว่า การทดสอบระเบิดไฮโดรเจนครั้งนี้มีความสำคัญอย่างไร? เป็นเพียงคำขู่เหมือนครั้งที่ผ่านมา หรือสะท้อนว่า เกาหลีเหนือกำลังจะกลายเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์?
การที่เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนครั้งล่าสุด พร้อมระบุว่าสามารถติดตั้งระเบิดไฮโดรเจนบนขีปนาวุธข้ามทวีปได้ก่อให้เกิดคำถามที่ว่า การทดสอบระเบิดไฮโดรเจนครั้งนี้มีความสำคัญอย่างไร? เป็นเพียงคำขู่เหมือนครั้งที่ผ่านมา หรือสะท้อนว่า เกาหลีเหนือกำลังจะกลายเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์?
เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดินเป็นครั้งที่ 6 โดยหลังจากการทดสอบเสร็จสิ้นไม่นาน สื่อของทางการเกาหลีเหนือได้ประกาศว่า การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนที่สามารถติดตั้งบนขีปนาวุธข้ามทวีป หรือ ICBM ได้ และการทดสอบก็สำเร็จไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม การทดสอบนิวเคลียร์ในครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการพัฒนาระเบิดไฮโดรเจนจริงหรือไม่? การพัฒนาระเบิดไฮโดรเจนมีความสำคัญอย่างไร? และขณะนี้กองทัพเกาหลีเหนือมีศักยภาพมากน้อยเพียงใด?
ทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ระเบิดอะตอม หรือระเบิดนิวเคลียร์แบบฟิชชัน ที่ปลดปล่อยพลังงานจากการแตกตัวของอะตอมของธาตุยูเรเนียมหรือพลูโตเนียม ตัวอย่างของระเบิดอะตอม ได้แก่ ระเบิดนิวเคลียร์ 'Little Boy' ที่สหรัฐฯ ทิ้งใส่เมืองฮิโระชิมะของญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีอานุภาพทำลายล้าง 15 กิโลตัน และระเบิดนิวเคลียร์ 'Fat Man' ที่ถูกทิ้งใส่เมืองนะงะซะกิของญี่ปุ่น โดยระเบิดอะตอมลูกนี้มีอานุภาพทำลายล้าง 20 กิโลตัน โดยในครั้งนั้น 'Little Boy' และ 'Fat Man' ได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 2 แสนคน
ส่วนประเภทที่สอง คือ ระเบิดไฮโดรเจน หรือระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ ซึ่งระเบิดประเภทนี้จะอาศัยการระเบิด 2 ครั้ง โดยครั้งแรกจะอาศัยการระเบิดแบบฟิชชัน เพื่ออาศัยอุณหภูมิที่สูงของการระเบิดเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดการระเบิดแบบฟิวชัน หรือเกิดการรวมตัวกันของนิวเคลียสของธาตุเบาอย่างไฮโดรเจนและฮีเลียม จนปลดปล่อยพลังงานที่มากมายมหาศาลกว่าปฏิกิริยานิวเคลียร์แบบฟิชชันออกมา
ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า หากเปรียบเทียบอานุภาพทำลายล้างของระเบิดอะตอมและระเบิดไฮโดรเจนที่มีขนาดและน้ำหนักเท่ากัน ระเบิดไฮโดรเจนจะมีอานุภาพทำลายล้างมากกว่าระเบิดอะตอมนับสิบนับร้อยเท่า โดยเทคโนโลยีระเบิดไฮโดรเจนสามารถทำลายมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ได้ทั้งหมด ขณะที่ระเบิดอะตอมมีอานุภาพทำลายล้างเพียงครึ่งหนึ่งของย่านแมนฮัตตันเท่านั้น
องค์กร NORSAR ซึ่งเป็นองค์กรเฝ้าจับตาเหตุแผ่นดินไหวของนอร์เวย์ได้คาดการณ์ว่า การทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ ที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 แมกนิจูด น่าจะมีอานุภาพทำลายล้างถึง 120 กิโลตัน หรือมากกว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ เคยทิ้งใส่ญี่ปุ่นถึง 6 เท่า และรุนแรงกว่าการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ของเกาหลีเหนือเมื่อเดือนกันยายน 2016 ที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 แมกนิจูดถึง 10 เท่า
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบนิวเคลียร์ 5 ครั้ง โดยครั้งที่ 1-3 เป็นการทดสอบระเบิดอะตอมที่มีอานุภาพทำลายล้างไม่เกิน 7 กิโลตัน ส่วนการทดสอบตั้งแต่ครั้งที่ 4 เป็นต้นมานั้น เกาหลีเหนืออ้างว่าเป็นการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน อย่างไรก็ตาม ในการทดสอบครั้งที่ 4 เมื่อเดือนมกราคม 2016 กลับมีอานุภาพทำลายล้างเพียง 4-6 กิโลตัน และการทดสอบเมื่อเดือนกันยายน 2016 มีอานุภาพทำลายล้าง 10 กิโลตัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า การที่เกาหลีเหนือสามารถพัฒนานิวเคลียร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างเกิน 100 กิโลตัน สะท้อนว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ระเบิดนิวเคลียร์ลูกดังกล่าวจะเป็นระเบิดไฮโดรเจน
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางฮวาซง-12 ข้ามญี่ปุ่นไปตกในทะเลแปซิฟิก โดยผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า การยิงครั้งนั้นอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบระบบการย้อนกลับสู่บรรยากาศโลก หรือระบบรี-เอนทรี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์บนขีปนาวุธ และการทดสอบในครั้งนั้นก็สำเร็จด้วยดี เนื่องจากขีปนาวุธลูกดังกล่าวสามารถรักษาองศาการบินและทิศทางได้อย่างแม่นยำ แม้จะต้องเผชิญแรงดึงดูดโลกขณะกลับสู่ชั้นบรรยากาศและอุณหภูมิที่สูงมากก็ตาม
Cr.
https://www.voicetv.co.th/read/521269